สุดช็อค! "ลิลลี อัลเลน" แท้งลูกแล้ว

"ลิลลี อัลเลน" นักร้องสาววัย 22 ปี แท้งลูกแล้วหลังจากที่เธอเพิ่งกลับจากการเดินทางพักผ่อนสุดโรแมนติกกับ"เอ็ด ไซมอน"แฟนหนุ่มวัย 37 ปี งานนี้ทำเอาว่าที่คุณแม่ถึงขั้นเศร้าซึมเอาแต่เก็บตัวเงียบเลยทีเดียว

หัวใจสลายทีเดียวสำหรับลิลลี อัลเลน นักร้องสาวหน้าทะเล้นจากเมืองผู้ดีที่เพิ่งออกมาประกาศข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้เธอถึงกับเลิกออกปาร์ตี้ที่เป็นไลฟ์สไตล์อย่างหนึ่งของเธอไปแล้วเพื่อที่เธอจะได้เตรียมตัวเป็นคุณแม่ที่สุดแสนเพอร์เฟ็กต์

ลิลลีและเอ็ดเพิ่งจะกลับบ้านหลังจากที่พวกเขาไปฉลองวันหยุดอย่างโรแมนติกกันที่เกาะมัลดีฟ และเมื่อคืนที่ผ่านมานักร้องสาวและเอ็ด ไซมอน ต้องใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่ต่างคอยช่วยปลอบใจและให้กำลังใจทั้งคู่หลังจากที่รู้ว่าตัวเองเสียลูกไปแล้ว

แหล่งข่าวรายงานว่า "ลิลลีและเอ็ดอยู่ในสภาพช็อค มันเป็นข่าวร้ายที่ยากจะรับ มันทำให้ทั้งคู่ถึงขั้นใจสลายกันเลยทีเดียว ลิลลีถึงขั้นเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของเธออย่างสิ้นเชิงหลังจากที่รู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ เธอตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้เป็นแม่คนและคิดที่จะเริ่มสร้างครอบครัวร่วมกับเอ็ดแล้ว"

"เธอสลัดภาพลักษณ์ความเป็นสาวปาร์ตี้เกิร์ลทิ้งโดยสิ้นเชิงและหันมาใส่ใจกับชีวิตที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาบนโลก ตอนนี้พวกเขาถูกแวดล้อมไปด้วยเพื่อนๆและครอบครัวที่คอยให้ความช่วยเหลือพวกเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้"

นับตั้งแต่พวกเขาเริ่มออกเดตกันเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาถือได้ว่าทั้งคู่สานสัมพันธ์รักกันรวดเร็วมากทีเดียว

ลิลลี ได้เจอกับเอ็ดคนรักที่มีอายุห่างจากเธอถึง15 ปี ครั้งแรก ตอนที่เธอมีอายุเพียงแค่ 12 ปีเท่านั้นโดยคีธ อัลเลน พ่อของนักร้องสาวพาเธอไปชมคอนเสิร์ตในเทศกาลดนตรี แกลสตันเบอร์รี และขณะนั้นเอ็ดกำลังแสดงอยู่

ลิลลีเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกครั้งแรกเมื่อเธอเปิดตัวอัลบั้ม Alright Still และตอนนี้เธอเตรียมตัวที่จะออกอัลบั้มที่สองของตัวเองภายในปีนี้ด้วย

และเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา นักร้องสาวได้ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอตั้งแต่นั้นเธอได้จัดการตารางงานของเธอใหม่เพื่อให้เสร็จทันลูกคนแรกคลอดเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามทางด้านโฆษกส่วนตัวของทั้งคู่ได้ออกมายืนยันถึงข่าวดังกล่าวว่า "พวกเขายืนยันว่าลิลลี อัลเลนค่อนข้างบอบช้ำจากการเสียลูกอย่างมาก เธอและเอ็ด ไซมอนไม่อยากตอบคำถามใดๆและในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้เราขอให้เคารพความเป็นส่วนตัวของทั้งคู่ด้วย"