"พิงค์กี้" ยอมรับควง "อั้ม" เคาท์ดาวน์ที่ญี่ปุ่น ลั่นทำอะไรอยู่ในสายตาแม่ตลอดแต่ไม่ยอมบอกว่ามีโอกาสอยู่สองต่อสองหรือไม่ พร้อมตอกสื่อที่นำภาพมาตัดต่อทำตนเสื่อมเสียว่าบินกลับพร้อมพระเอกหนุ่ม ลั่นอีกฝ่ายยังเป็นได้แค่คนรู้จักเหตุเพราะสังกัดคนละช่อง เปรยอยากรู้จักญาติของพระเอกหนุ่มบ้าง
ออกมายอมรับว่านัดพระเอกหนุ่มคนสนิท "อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์" ไปเค้าท์ดาวน์กันถึงประเทศญี่ปุ่น แต่งานนี้นางเอกสาว "พิงค์กี้ สาวิกา ไชยเดช" ขอเถียงหัวชนฝาว่าตนไม่ได้ไปกันสองต่อสองแน่นอนเพราะมีครอบครัวไปด้วย โดยนางเอกสาวอ้างให้ฝ่ายชายไปเป็นไกด์ให้เนื่องจากเชี่ยวชาญกับประเทศนี้เป็นอย่างดีเพราะต้องไปหาเพื่อนแดนปลาดิบอยู่บ่อยๆ ซึ่งเรื่องนี้นางเอกสาว "พิงค์กี้" เผยว่า....
"ก็ไปค่ะแต่ว่าไปกันหลายคนมากไปกับครอบครัว พี่อั้มเขาก็ไปคะ ต่างคนต่างต่างไปไม่ได้ไปกันสองต่อสอง บอกตั้งแต่ต้นเราสนิทกันอยู่แล้ว ด้วยความที่เราไปกันหลายคน พี่อั้มก็ไปหาเพื่อนของเขาก็คุยกัน พี่อั้มเคยไปแล้วเหมือนเป็นไกด์นิดนึง" "
ต่อข้อถามว่าข่าวลงว่าแม่นางเอกสาวยอมเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ไปช็อปปิ้งกันสองต่อสอง เจ้าตัวโบ้ยว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอนแต่ไม่ยอมบอกว่ามีโอกาสอยู่ด้วยกันสองคนหรือไม่ ยันทำอะไรอยู่ในสายตาแม่ตลอด
"ไม่หรอกค่ะ จริงๆ แล้วอยู่ที่ตัวกี้อย่างที่บอก ส่วนจะมีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองมั้ย ไม่รู้นะคะ มันเป็นเรื่องของกี้ตอนนั้นมากกว่า บรรยากาศเค้าท์ดาวน์ที่โน่นก็ดีค่ะ เย็นดีค่ะ สวีทมั้ยจริงๆ หนูก็ต้องกอดกับคุณแม่ค่ะ เพราะคุณแม่อวบๆ คุณแม่กอดแล้วอบอุ่นค่ะ เราไปไหนต้องอยู่ในสายตาของคุณแม่ตลอดคุณแม่จะอยู่ข้างๆ เราตลอดไม่ได้ไปกันสองต่อสอง ไฟเขียวมั้ย ไม่รู้ไฟเขียวยังไงก็ปกติเหมือนเดิม"
แจงไม่ถือว่าครั้งนี้เป็นการเปิดตัวว่าคบหากัน พร้อมตอกสื่อที่นำภาพของทั้งคู่มาตัดต่อทำให้ดูเหมือนว่าลงเครื่องและเดินออกมาพร้อมกับพระเอกหนุ่มทั้งที่ตนเองเดินมากับครอบครัว
"เราไม่ได้เปิดตัวค่ะอย่างที่ออกมาเราก็ไม่ได้เดินมากับเขาเรากลับกับครอบครัว แต่คนที่เขาไปถ่ายค่อนข้างไม่ให้เกียรติเรานิดนึง นำสิ่งนี้ไปขายเขาเอาภาพมาติดกันซึ่งถือว่าไม่ค่อยดีนะคะ ถามว่าเคยมีภาพอีกมั้ย มีภาพที่ดอนเมืองคือไปโชว์ตัวกันที่ภูเก็ต ไปโชว์ตัวที่งานเกี่ยวกับอินเทอร์เนต เขาจ้างไปคนละรอบ คือเช้า บ่าย แต่ว่าไปเที่ยวเดียวกัน เราจำเป็นต้องไปเพราะเขาจ้างไว้นานเหมือนกัน ไม่ได้จ้างเป็นคู่แต่ต่างคนต่างไปแต่เราจำเป็นต้องไปเที่ยวบินเดียวกันคือเรารู้จักกันด้วยก็เลยไปพร้อมกัน"
ถามต่อว่าพระเอกหนุ่มทำอะไรให้ครอบครัวประทับใจถึงทำให้สนิทกันเร็วเป็นพิเศษถึงขนาดยอมให้เป็นไกด์นำเที่ยว นางเอกสาวตาคมชมอีกฝ่ายมีนิสัยน่ารัก
"ก็อาจเป็นเพราะว่า...ไม่รู้สิ ก็เขาอาจสนิทกัน ไม่รู้เหมือนกัน ถามว่าทำอะไรให้แม่ประทับใจคือเขาเป็นห่วง เป็นคนเอาใจคนอื่นมาใส่ใจเขา เป็นคนน่ารักคนนึงนะคะ ส่วนกี้ประทับใจที่เขาเทคแคร์คุณพ่อคุณแม่ เขาน่ารักดี
ลั่นไกด์รูปหล่อไม่มีอะไรเซอร์ไพร์สวันปีใหม่ พร้อมยันว่าหนุ่ม "อั้ม" ยังไม่สามารถพิชิตใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
"ความ ประทับใจคงปกติ หนูไปเที่ยวกับครอบครัวไม่ได้ต้องการไปกันสองต่อสองอะไรแบบนั้น เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้มั้ย จริงๆ มันก็เพิ่มได้ตลอดเวลาแต่ว่าขึ้นอยู่ที่ตัวกี้มากกว่า ยังใช้คำว่าแฟนไม่ได้ค่ะก็บอกอยู่ตลอดเวลาว่ายังไม่ถึงเวลา เขาก็ไม่ได้เซอร์ไพร์สอะไร เขาก็เหมือนเป็นไกด์เทคแคร์ดี รู้ว่าที่ไหนมีที่เที่ยวดีๆ ไม่มีของขวัญแทนใจค่ะ (ยิ้ม)"
เผยเเพราะเป็นนักแสดงคนละช่องจึงทำให้นางเอกสาวให้ความสัมพันธ์กับพระเอกหนุ่มแค่คนรู้จัก
"หนูบอกมาตลอดว่าเป็นคนที่รู้จักและเป็นพี่ที่สนิทกัน ถ้าหนูมีแฟนจริงๆ แล้วหนูชอบจริงๆ หนูจะบอก ณ ตอนนี้หนูพูดได้อย่างที่บอก ถามว่ากลัวเขาน้อยใจมั้ย คงน้อยใจตั้งแต่แรกแล้วละคะ ก็บอกเขาตลอดแต่ว่ามันไม่เสียหายถ้าเรารู้จักกันได้นานต่อไป ไม่ผิดด้วยหนูอยู่คนละช่องด้วยถือว่าเขาเป็นคนที่รู้จักกันได้แค่นั้น เรื่องผู้ใหญ่คุยกันมั้ยหนูไม่ทราบแต่จะมีแซวกันมาก เขาก็ไม่ได้ตำหนิอะไร ผู้ใหญ่ไฟเขียวมั้ย ไม่รู้ว่าไฟเขียวมั้ย เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรถือว่าเป็นเรื่องของเรา"
บ่น ตั้งแต่มีข่าวกับหนุ่ม "อั้ม" ทำหนุ่มๆ ที่เข้ามาจีบหายหมดเพราะคิดว่าเป็นแฟนตัวจริง
"หนุ่มๆ ก็มีมาจีบบ้างแต่ว่าไม่ค่อยมีแล้วค่ะ อาจนึกว่าเราเป็นแฟนกับพี่อั้มด้วย มาวินสุดมั้ยไม่หรอกค่ะเขากลัวกี้ต่างหากเพราะกี้ค่อนข้างจะดุ กี้มีกำแพงของตัวเองนิดนึง เหมือนเราไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ใครมากแต่พี่อั้มถือว่าสนิทที่สุดนะ คนเราไม่เหมือนกันนะคะ บางคนรักกันง่าย บางคนรักกันยาก โอกาสพัฒนา อืม...ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ถือว่าใกล้ชิดที่สุดเป็นคนที่สนิทกับครอบครัว
ส่วนเรื่องของศาสนาที่ทางฝ่ายชายต้องเปลี่ยนไปเป็นอิสลามตามนางเอกสาวนั้น เจ้าตัวชี้แจงยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องแต่งงาน...."เรื่องของศาสนายังไม่ถึงเวลา คนส่วนใหญ่คิดว่าถ้าเป็นแฟนต้องเป็นอิสลาม ณ ตอนนั้นถ้าจะแต่งงานกับใครสักคนคือต้องเป็นอิสลาม แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา คุณแม่ก็ยังไมได้พูดอะไรเพราะยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องคิด เขาก็บอกตลอดว่าการที่รู้จักกับพี่อั้มไม่ได้บอกว่าต้องเป็นแฟนกัน เขาบอกว่ารู้สึกว่ามีพี่อั้มให้กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ต้องเป็นแฟนก็ได้ เราจะคุยกันก็ต่อเมื่อมีอะไรตื่นเต้นๆ มีเรื่องมีราวเกิดขึ้นจะคุยกัน ถามว่าพี่อั้มใช่หรือยัง ตอนนี้ยังค่ะ"
ปัดไม่เคยนั่งเฝ้าพระเอกหนุ่มถึงกองถ่ายและยังไม่เคยพาเข้าบ้านแต่ยอมรับว่าอยากไปทำความรู้จักกับญาติของฝ่ายชายบ้าง
"โนๆ ค่ะโน ไม่เคยเฝ้าหนูไม่กล้า ถ้าคนละช่องหนูไม่กล้าไปกลัวเพราะเราไม่รู้จักใครแต่พี่อั้มเคยมาที่กอง ยังไม่เคยไปบ้านเขา ยังไม่เคยไปเยี่ยมญาติถ้ามีเวลาก็อยากไปนะคะเพราะได้ข่าวว่าคุณยายเขาเข้าโรงพยาบาล ก็อยากไปเยี่ยมบ้าง พี่อั้มก็ยังไม่เคยมาที่บ้านกี้เหมือนกันเพราะเขายุ่งถ่ายละครอยู่ 2 เรื่อง กี้ไม่ค่อยชอบให้ใครมาบ้านนะคะ จริงๆ แล้วเจอกันตามที่อื่นดีกว่า เรื่องเข้าบ้านถ้าเข้าได้จริงๆ ถ้าว่างก็มาได้แต่ว่าตอนนี้ไม่มีโอกาสยังไม่ว่างเลยค่ะ"