หลังจากห้ำหั่นกันมาในผลงานเรื่อง The Warlords กันอย่างถึงพริกถึงขิงแล้ว ล่าสุดซูเปอร์สตาร์รุ่นใหญ่อย่าง "หลิวเต๋อหัว" และ "เจ็ทลี" ก็มีมุมน่ารักๆ มาฝากแฟนๆ เมื่อการแสดงเมื่อวันคริสต์มาส อิฟที่ผ่านมา เฮียหลิวได้เซอร์ไพรส์แขกในงานด้วยการขึ้นโชว์การเต้นรำกับสาวน้อยคนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือลูกสาวแท้ๆ ของเจ็ทลีนั่นเอง
แผนการเซอร์ไพรส์แฟนๆ ครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก หลิวเต๋อหัว ต้องการเด็กซักคนที่จะมาแสดงการเต้นรำบนคอนเสิร์ตของเขา เขาจึงปรึกษากับทาง หว่อง หยุ๋ย ที่ได้ฉายาว่าเป็นราชินีการเต้นจังหวะลาตินของเมืองจีน ซึ่งเด็กที่เธอกำลังสอนอยู่และแนะนำให้กับหลิวเต๋อหัวไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก เจน ลี ลูกสาววัย 7 ขวบของ เจท ลี เพื่อนซี้ซูเปอร์สตาร์ของเขานั่นเอง
เมื่อได้รับการยืนยันจาก หว่อง หยุ๋ย ว่าสาวน้อยเจนมีพรสวรรค์ในการเต้นรำอย่างมาก เฮียหลิวก็ไม่รีรอที่จะไปขอคำอนุญาตจากเจทลีผู้เป็นพ่อ เจทลีก็เผยว่าเจนตอบตกลงทันที พร้อมยอมรับว่าการได้เต้นร่วมกับหลิวเต๋อหัวเป็นเหมือนกับการขอพรแล้วสมหวังในวันคริสต์มาสของเธอจริงๆ แม้ว่าเธอจะต้องใช้เวลาในการฝึกซ้อมสำหรับงานนี้จนไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนถึง 4 วันเต็มๆ ก็ตาม
ซึ่งในวันแสดงดังกล่าวที่เธอต้องรับบทเป็นลูกสาวของเฮียหลิวในการเต้นต่อหน้าผู้ชมกว่า 13,000 คน เธอก็ไม่ได้ทำให้ทุกฝ่ายผิดหวังกับลีลาที่เป็นมืออาชีพและน่ารักของเธอ
หลังจากแสดงชุดของเธอเสร็จ เจนก็กลับมาดูการแสดงที่เหลือในที่นั่งวีไอพีกับคุณพ่อเจ็ทลี ขณะที่คุณแม่คนสวยอย่าง Nina Li Chi ก็ไปดูอีกฝั่งหนึ่งของอัฒจันทร์กับลูกสาวคนเล็กอีกคน
"อาเจ็ทลี ลูกสาวคุณเต้นดีมากๆ รอไว้ผมกลับมาเกิดใหม่แล้วจะกลับมาเต้นกับเจนอีก ผมประทับใจมากๆ ที่คุณมาให้กำลังใจในวันนี้" เฮียหลิวกล่าวต่อเพื่อนซี้รุ่นน้อง
แต่ผู้ที่ภูมิใจในคืนนั้นมากที่สุดคงหนีไม่พ้นคุณพ่ออย่างเจ็ทลี ที่ออกมาชมเชยลูกสาวตนเองอย่างยกใหญ่ โดยชี้ให้เห็นว่าตัวเขาเองสมัยเด็กเคยชนะการแข่งขันศิลปะป้องกันตัวครั้งแรกตอนอายุ 11 ปี แต่ลูกสาวของเขาเก่งกว่าเสียอีกเพราะในวัยแค่ 7 ขวบเธอก็คว้าแชมป์การแข่งขันเต้นรำในประเทศมาแล้ว 2 ครั้ง รวมทั้งชนะการแข่งขันในต่างประเทศด้วย
ส่วนทางด้านเฮียหลิวเมื่อวันฉลองวันสิ้นปีที่ผ่านมา เขาก็ได้จัดการแสดงคอนเสิร์ตเคาต์ดาวน์ที่ฮ่องกง โคลิเซียมอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีแฟนเพลงหนุ่มใหญ่ใจป้ำรายหนึ่งมอบนาฬิกามูลค่า 2 แสนเหรียญให้เป็นของขวัญกับเขา แต่เฮียหลิวปฎิเสธ และแนะนำให้แฟนเพลงรายนั้นเอาเงินไปมอบกับผู้ยากไร้ผ่านทาง Andy Lau Charity Fund ของเขาแทนจะดีกว่า
