Entertainment Weekly - รายชื่อผู้ทรงอิทธิพลของวงการ...เป็นอะไรที่ใครๆ เขาก็จัดอันดับกันมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว มันบอกคุณแค่โฉมหน้าของบุคคลที่โดดเด่นในวงการ ไม่ใช่บุคคลที่เป็นเบ้าหลอมของผลงานที่ยอมเยี่ยมเหล่านั้น EW ต้องการรายชื่อของคนที่เขย่าวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดมากที่สุดของปีนี้ รายชื่อของคนที่มีไอเดีย, นวัตกรรม, ความคิดสร้างสรรค์ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิธีการสร้างหนังที่แล้วๆ มา ขอต้อนรับสู่ 50 บุคคลฮอลลีวูดสุดฉลาดแห่งปี 2007

1. จัดด์ อปาโทว์
อายุ: 40 ปี
อาชีพ: ผู้กำกับ/นักเขียนบท/โปรดิวเซอร์
ปี 2007 นี้เขาไม่ได้กลับมาด้วยมุกตลกไม้ตายของเขาเท่านั้น แต่เขากลับมาเพื่อนิยามธุรกิจที่เรียกว่าการทำ "หนังตลก" เสียใหม่ หลังจากประสบความสำเร็จเกินตัวไปแล้วจาก The 40 Year-Old Virgin เมื่อ 2 ปีก่อน ปีนี้เขากลับมากับ 2 ผลงานที่เด็ดดวงยิ่งกว่าทั้ง Knocked Up และ Superbad ที่ทำรายได้ในสหรัฐฯรวมกันไปแล้วกว่า 270 ล้านเหรียญ ทั้งๆ ที่ไม่มีดาราดังมาเป็นหน้าหนังและด้วยทุนสร้างแค่หยิบมือ ทั้งสองผลงานสมบูรณ์ด้วยเนื้อหาและอุดมด้วยความขำ ปีที่ผ่านมาอปาโทว์ได้นิยามสิ่งที่เรียกว่า "มุกตลก" ให้กับเจเนอเรชั่นนี้
นอกจากผลงานภาพยนตร์แล้ว เขายังสร้างชื่อเสียงในการร่วมมือกับ วิล ฟาร์เรล และ อดัม แม็คเค ในการสร้างเว็บ FunnyOrDie.com ที่กำลังไปได้สวย แม้ว่าผลงานเรื่องที่ 3 ของปีนี้อย่าง Walk Hard หนังเพลงล้อเลียนของเขาดูท่าจะทำเงินยากอยู่ซักหน่อยในช่วงเดือนธ.ค.นี้ Lord of LOL (Laugh Out Loud) ผู้นี้ยังคงยิ่งใหญ่ เหล่าผู้อำนวยการสร้างจะได้แต่สุมหัวกันว่าจะสร้างหนังตลกอย่างไรหลังยุค post-Judd world ถ้านี่ไม่เรียกว่าชาญฉลาด ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

2. สตีเวน สปีลเบิร์ก
อายุ: 60 ปี
อาชีพ: ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
ไม่มีผู้กำกับคนไหนจะเฉียบคมในการสรรหาเรื่องราวมาเล่าในหนังได้สนุกเท่าเขา 32 ผลงานหลังจากที่เขานับหนึ่งกับหนังสุดฮิตอย่าง Jaws ภาพลักษณ์ของเขาก็เปรียบดังรูปปั้นบนภูเขารัชมอร์แห่งฮอลลีวูด แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมของเขาในปีที่ผ่านมาก็คือหน้าที่ในการรับผิดชอบในการเปิดไฟเขียวสร้างหนังทุกเรื่องของค่าย DreamWorks และด้วยสายตาของเขา เขาได้เห็นศักยภาพในการทำเงินของหนังฮิตแห่งปีอย่าง Transformers ขณะที่คนอื่นๆ มองข้าม เขาได้เห็นศักยภาพการเป็นซูเปอร์สตาร์ในตัวเจ้าหนุ่ม ไชอาห์ ลาบัฟ ที่ทำให้หนังเล็กๆ อย่าง Disturbia โด่งดังในช่วงกลางปีที่ผ่านมา
แม้ปีก่อนหน้านั้นเขาจะทำเรื่องที่ผิดพลาดมาบ้าง เช่นการขาย DreamWorks ให้กับ Paramount ที่ดูจะไม่เข้าท่าเท่าไหร่ การหันหลังให้สื่อที่ส่งผลร้ายมากกว่ากับหนังดีๆ อย่าง Munich (ซึ่งมันจะไม่เกิดขึ้นอีกกับ Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull) แต่จะมีคนสร้างหนังคนไหนที่มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของชาวอเมริกันมากกว่าที่เขาทำ

3. เจมส์ คาเมรอน
อายุ: 53 ปี
อาชีพ: ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
ความทุ่มเทให้กับเทคโนโลยีของวงการภาพยนตร์กำลังจะเป็นสิ่งที่แผ่วถางให้กับอุตสาหกรรมทั้งหมด 10 ปีหลังจากที่เขาส่งให้ Titanic กวาดเงินทั่วโลกไปได้กว่า 1,800 ล้านเหรียญ เขากำลังจะกลับมาอีกครั้งใน Avatar โปรเจ็คท์ 3 มิติที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีชิ้นใหม่ที่เขาพัฒนาขึ้นมาที่มีชื่อเรียกว่า super-advanced stereoscopic technique ที่สามารถทำให้เขาเล่นแร่แปรธาตุกับเหล่านักแสดงให้เป็นอะไรก็ได้ตามจินตนาการของเขา ที่จะออกมาได้สมจริงยิ่งกว่าที่เราได้เห็นใน Beowulf แบบเทียบไม่ได้ ภายใต้การลงขันของ Weta บริษัทเอฟเฟคชื่อดังของ ปีเตอร์ แจ็คสัน
แต่กว่ามันจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างพร้อมฉายให้แฟนๆ ได้ยลโฉมกันก็ช่วงซัมเมอร์ปี 2009 โน่น หลายคนไม่เชื่อว่ามันจะทำรายได้แซงหน้า Titanic ผู้ยิ่งใหญ่ไปได้ แต่กว่าจะถึงวันนั้นคาเมรอนก็คงจะมีโรงฉายแบบ 3 มิติพร้อมฉายทั่วอเมริกามากพอที่จะให้เขาได้ลุ้นยาวๆ ได้แล้ว

4. เอเรียล เอมานูเอล
อายุ: 46 ปี
อาชีพ: ผู้ต่อตั้งบริษัทตัวแทน Endeavor Agency
เขาให้เวลาแค่ทศวรรษเดียวหลังจากที่เขาออกมาจากบริษัทเอเยนซี่ยักษ์ใหญ่อย่าง ICM เมื่อปี 1995 ในการออกมาตั้ง Endeavor Agency จนทำให้มันติด 1 ใน 5 บริษัทตัวแทนดาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฮอลลีวูดได้สำเร็จ ด้วยวิสัยทัศน์ (ต่อสู้จน Fahrenheit 9/11 สารคดีสุดฮิตได้ออกฉาย แม้ว่าทางดิสนีย์จะคิดว่าไม่มีใครสนใจมันก็ตาม) และความทุ่มเท (โทรไปหาเหล่าผู้อำนวยการสร้างตั้งแต่ตี 4 เพื่อล็อบบีให้ลูกค้าของเขา) จนทำให้เขาโด่งดังจนกลายเป็นตัวละครล้อเลียนทั้งใน Entourage และ The Larry Sanders Show
ซึ่งสิ่งทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังการชิงความได้เปรียบแบบถึงลูกถึงคนเช่นนี้มาจากการวางแผนทางธุรกิจที่ลึกล้ำนั่นเอง

5. วิล สมิธ
อายุ: 39 ปี
อาชีพ: นักแสดง/โปรดิวเซอร์
พัฒนาการของชายผู้นี้เป็นสิ่งที่เราเห็นมากับตาทุกคน นับตั้งแต่ที่เขาเป็นเพียงแค่ Fresh Prince ดาวแร็ปในซีรีส์ยุค 80 ก่อนที่จะไต่เต้าขึ้นมาสู่วงการจอเงินแล้วสร้างทุกอย่างออกมาเท่าที่โอกาสจะมาวางอยู่ตรงหน้าเขา ตั้งแต่หนังดรามาลุ้นชิงออสการ์ (Ali, The Pursuit of Happyness) ถึงหนังบล็อกบัสเตอร์ (ID4 , MIB, I,Robot, I Am Legend) ด้วยทัศนคติส่วนตัวที่ว่า "ผมไม่อยากเป็นไอ้ขี้แพ้" และนี่คือแบบฉบับบางอย่างที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในเส้นทางนักแสดงทุกวันนี้
ตั้งเป้าหมาย: "ก่อนที่ผมจะเล่นหนัง ผมจะบอกกับตัวเองว่า 'ข้าต้องเป็นดาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเว้ย' แล้วดาราที่ใหญ่ที่สุดต้องสร้างหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มองไปที่ชาร์ตหนังทำเงินสูงสุด 10 อันดับจะเห็นว่ามีแต่หนังแอ็คชั่นขายสเปเชียลเอฟเฟคทั้งนั้น แล้วไงล่ะ Independence Day ดูง่าย Men in Black ดูง่าย I, Robot ดูง่าย"
หาต้นแบบที่ดี: "ทอม แฮงส์ เป็นแบบอย่างที่ผมอยากจะเป็น ผมชื่นชมวิธีการที่เขาจัดแจงกับเวลาและกับบรรดาแฟนๆ เขาปราดเปรื่องในเรื่องนั้นทีเดียว"
อย่าขี้เกียจ: "พ่อผมเขามีปรัชญาเรื่องการทำงานที่เพี้ยนๆ เขามีธุรกิจของตัวเอง สำหรับเขา ลูกๆ เป็นคนงานที่ว่าง่ายใช้คล่องที่สุด ดังนั้นผมจึงต้องทำงานมาตั้งแต่เล็กๆ แล้วผมก็จัดการกับทุกอย่างได้หมดตั้งแต่นั้น"
สยบความกลัว: "หลังจาก Wild Wild West ที่เน่าสนิทเมื่อปี 1999 ผมก็เริ่มกลัวความล้มเหลวและเลือกเล่นหนังที่ผิดพลาด สำหรับผม ผมเลือกเล่น Bad Boys II และ Men in Black II โดยไม่กลัวอะไรทั้งนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่ผมกังวลใจมากๆ เพราะผมไม่ได้คิดถึงหนทางที่ถูกต้องในการทำหนัง"
หาตัวเอง(เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้): หนังที่ฉลาดที่สุดที่ผมเลือกเล่นได้แก่ Six Degrees of Separation ตอนนั้นผมคิดเรื่องที่จะหยุดเล่น The Fresh Prince of Bel-Air และหาหนทางที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป และหนังเรื่องนั้นก็เป็นอะไรที่เกินคาดที่สุดกับทุกอย่างที่ผมเคยทำมา มันกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับผมที่จะเดินไปหา เจอร์รี บรัคไฮเมอร์ แล้วบอกว่าผมทำ Bad Boys ได้ มันเป็นผลงานที่เปิดโลกแห่งโอกาสทุกๆ อย่างให้กับผม

6. เมอรีล สตรีป
อายุ: 58 ปี
อาชีพ: นักแสดง
ด้วยวัยเกิน 50 สำหรับดาราทั่วไปควรจะสาบสูญไปนานแล้ว แม้จะมีสถิติที่สวยงามอย่างการเข้าชิงออสการ์ถึง 14 ครั้งก็ตาม อย่างน้อยบทที่นักแสดงวัยอย่างเธอจะได้รับก็น่าจะเป็นคุณย่าคุณยาย แต่กลายเป็นว่าผลงานของเธอกลับน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ บทบาทของเธอใน The Devil Wears Prada ทำให้หนังกวาดเงินไปถึง 125 ล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้วมากกว่าที่เธอทำได้เมื่อวัย 37 เสียอีก
ทศวรรษที่ผ่านมาเธอได้ฝากผลงานที่น่าสนใจเอาไว้มากมาย (Adaptation, The Hours) เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของนักแสดงรุ่นเก๋าว่าทำอะไรได้บ้างเมื่อถึงวันที่เข้าฟอร์ม เหนือสิ่งอื่นใด เธอได้เปิดประตูแห่งโอกาสแก่ผู้ที่กำลังจะตามเธอมา ทั้งจูเลีย,นิโคล,รีส ให้เห็นว่าซูเปอร์สตาร์ที่แท้จริงนั้นอยู่ได้นานแค่ไหน

7. ไทเลอร์ เพอร์รี
อายุ: 38 ปี
อาชีพ: นักแสดง/โปรดิวเซอร์/ผู้กำกับ/นักเขียนบท
หลังจากที่สตูดิโอในฮอลลีวูดหันหลังให้ไทเลอร์ เพอร์รี ไทเลอร์ เพอร์รีก็หันหลังให้กับพวกเขาเช่นกัน หลังจากนั้น 10 ปีต่อมา ไทเลอร์ เพอร์รีก็ได้สร้างกลุ่มก้อนแฟนหนังเพื่อนร่วมสีผิวผู้จงรักภักดีต่อผลงานของเขา ซึ่งไม่ว่าจะทำขี้หมูขี้หมาอะไรออกมา(ตั้งแต่ Diary of a Mad Black Woman จนถึง Why Did I Get Married?) มันจะเปิดตัวที่อันดับ 1 ของชาร์ตอยู่ร่ำไป แสดงให้เห็นว่าแค่เอาชื่อเขาไปต่อหน้าชื่อหนังก็เตรียมรับเงินหลายร้อยล้านเอาไว้ได้เลย ทุกวันนี้อิทธิพลของเขามีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสตูดิโอส่วนตัวที่แอตแลนต้า สัญญามูลค่า 200 ล้านเหรียญกับช่อง TBS และมีแผนที่จะสร้างสถานีเน็ทเวิร์คของเขาเองเพื่อรองรับการฉายผลงานของเขาในอนาคต
ทุกวันนี้เหล่าสตูดิโอในฮอลลีวูดก็ยังไม่รู้หนทางที่จะรับมือกับเขา กลายเป็นว่าตอนนี้เขาสามารถไปแสดงหรือกำกับหนังของค่ายใหญ่ที่ไหนก็ได้ แต่ไทเลอร์ เพอร์รีคงไม่เสียเวลาสนุกจากงานปาร์ตีของเขาเพื่อมารอการเชื้อเชิญของพวกนั้นแน่ๆ ชัดเจนเลยว่าเขาต้องรู้อะไรดีๆ ที่พวกนั้นไม่มีวันเข้าใจ

8. ปีเตอร์ ไรซ์
อายุ: 41 ปี
อาชีพ: ประธานค่ายหนังอินดี้ Fox Searchlight
ด้วยรสนิยมที่ไร้ที่ติและทักษะทางธุรกิจที่เป็นเลิศของเขา ได้ทำให้ Fox Searchlight ครองแชมป์ค่ายหนังทางเลือกที่ประสบความสำเร็จที่สุดของวงการ ด้วยการร่วมมือกันระหว่างเขาและ สตีเฟน จิลูลา ประธานฝ่ายจัดจำหน่าย และมือการตลาดอย่าง แนนซี อัตลีย์ ไรซ์มองเห็นขุมกำไรจากหนังที่คนมองข้าม และเปลี่ยนหนังอินดี้สยองขวัญ (28 Days Later) หนังตลก (Napoleon Dynamite) หนังดรามาขายการแสดง (The Last King of Scotland) และหนังลุ้นชิงออสการ์ (Sideways และผลงานในปีนี้อย่าง Once และ Juno) ให้กลายเป็นความสำเร็จในวงกว้าง ที่ค่ายหนังอินดี้ที่ไหนก็เทียบไม่ได้และแอบอิจฉาไปตามๆ กัน (ใบปิดสีเหลืองอ๋อยที่แสนติดตาของ Little Miss Sunshine ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของเขา)
หลังจากเป็นพนักงานฝึกงานของ Fox ตั้งแต่สมัยเรียนในช่วงซัมเมอร์เมื่อปี 1989 ทุกวันนี้เขายังปฎิบัติตามแนวทางของบริษัทอย่างเคร่งครัด คือทำตัวไม่เป็นข่าว แต่สร้างผลงานที่เป็นข่าวโด่งดัง

9. เดวิด เฮย์แมน
อายุ: 46 ปี
อาชีพ: ผู้อำนวยการสร้าง
หน้าที่ของเขาคือการรับผิดชอบเรื่องรายได้ของหนังภาคต่อที่ทำรายได้มากที่สุดในโลก ซึ่งเขาประสบความสำเร็จอย่างดี หลังจากเสนอตัวจนเป็นเจ้าแรกที่ได้สิทธิ์ในการสร้างฉบับหนังของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ มาตั้งแต่ปี 1997 เขาก็จัดการทุกอย่างได้อย่างลงตัว ตั้งแต่สานสัมพันธ์กับผู้ประพันธ์ต้นฉบับอย่าง เจ.เค.โรว์ลิง และเฟ้นหาทรัพยากรที่มาเนรมิตเป็นฉบับภาพยนตร์ได้อย่างชาญฉลาด ทั้งการเป็นผู้เลือกเหล่าผู้กำกับที่มารับหน้าที่ในแต่ละภาค และทำให้แน่ใจว่าเหล่านักแสดงจะกลับมารับบทของตัวเองจนครบทุกภาค โดยเฉพาะเหล่าซูเปอร์สตาร์วัยรุ่นทั้ง 3
ขณะที่ประธานของ Warner Bros. อย่าง อลัน ฮอร์น ควรจะได้เครดิตจากการตัดสินใจทางมหาภาคที่ยอดเยี่ยม ความสำเร็จทางรายได้อย่างมโหฬารของหนังแฮร์รี่ทุกภาคเป็นหนี้บุญคุณต่อการตัดสินใจทางจุลภาคนับพันๆ ครั้งของเฮย์แมน ทั้งที่เห็นบนจอและในกองถ่าย
ซึ่งถ้าจะนับการสนับสนุนให้ แดเนียล แรดคลิฟฟ์ ยอมล่อนจ้อนในละครเวทีเรื่อง Equus เป็นหนึ่งในนั้นด้วยก็ย่อมได้

10. จอห์น โนล
อายุ: 45 ปี
อาชีพ: หัวหน้าฝ่ายสเปเชียล เอฟเฟค Industrial Light & Magic
เขาเป็นเจ้าของผลงาน computer-generated (CG) ชั้นเลิศในยุคสมัยนี้ นับตั้งแต่การเปิดตัวที่ตื่นตาใน The Abyss ของ เจมส์ คาเมรอน เมื่อปี 1989 จนถึงการรับหน้าที่ดูแลด้านเอฟเฟคในหนัง Star Wars Episode 1-3 และ Pirates of the Caribbean ทั้ง 3 ภาค ที่ต่อให้วันหนึ่งแฟนหนังอาจจะลืมไปแล้วว่าออร์แลนโด บลูมเล่นเป็นใครในเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่มีวันลืมภาพของกัปตันหน้าหนวดปลาหมึกของเดวี โจนส์ไปอย่างแน่นอน
ยิ่งนับวันเหล่าสตูดิโอจะต้องหวังพึ่งรายได้จากบรรดาหนังบล็อกบัสเตอร์มากขึ้นเท่าไหร่ วิชวล เอฟเฟคก็มีความหมายต่อพวกเขามากขึ้นเท่านั้น และทั้งวงการก็ต้องฝากความหวังเอาไว้กับ ILM ที่รับหน้าที่ในการสร้างความตื่นเต้นให้กับบรรดาแฟนหนังทุกครั้งที่พวกเขากลับเข้าไปในโรง ซึ่งจอห์น โนลคือกระดูกสันหลังของทุกอย่างที่กล่าวมา
แล้วถ้าคุณกำลังใช้โปรแกรม Adobe Photoshop อยู่ละก็ โปรดรู้ไว้ด้วยว่ามันเป็นของที่เขาและพี่น้องสร้างขึ้นมาเหมือนกัน
***************
50 Smartest People in Hollywood:
1. จัดด์ อปาโทว์, ผู้กำกับ/นักเขียนบท/โปรดิวเซอร์
2. สตีเวน สปีลเบิร์ก, ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
3. เจมส์ คาเมรอน, ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
4. เอเรียล เอมานูเอล, ผู้ต่อตั้งบริษัทตัวแทน Endeavor Agency
5. วิล สมิธ, นักแสดง/โปรดิวเซอร์
6. เมอรีล สตรีป, นักแสดง
7. ไทเลอร์ เพอร์รี, นักแสดง/โปรดิวเซอร์/ผู้กำกับ/นักเขียนบท
8. ปีเตอร์ ไรซ์, ประธานค่ายหนังอินดี้ Fox Searchlight
9. เดวิด เฮย์แมน, โปรดิวเซอร์
10. จอห์น โนล, หัวหน้าฝ่ายสเปเชียล เอฟเฟค Industrial Light & Magic
11. ไบรอัน เกรเซอร์, โปรดิวเซอร์
12. ดิ๊ก คุก, ประธาน Walt Disney
13. จอร์จ คลูนีย์, นักแสดง/ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
14. เจอร์รี บรัคไฮเมอร์, โปรดิวเซอร์
15. เอมี พาสคาล, ประธานร่วม Sony Pictures Entertainment
16. ปีเตอร์ แจ็คสัน, ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
17. วิล ฟาเรล, นักแสดง/โปรดิวเซอร์
18. โรเบิร์ต เซเมคิส, ผู้กำกับ
19. ทอม ร็อธแมน, ประธานร่วม Fox Filmed Entertainment
20. เบน สติลเลอร์, นักแสดง/ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
21. จอห์นนี เด็ปป์, นักแสดง/โปรดิวเซอร์
22. เจ็ฟฟรีย์ คัทเซนเบิร์ก, ซีอีโอ DreamWorks Animation
23. แบรด เบิร์ด, นักเขียนบท/ผู้กำกับ
24. เอมมานูเอล ลูเบสกี, กำกับภาพ
25. แซ็ค ชไนเดอร์, ผู้กำกับ
26. สเตซี ชไนเดอร์, ซีอีโอ DreamWorks SKG
27. ไมเคิล มัวร์, ผู้กำกับสารคดี
28. พอล กรีนกราส, ผู้กำกับ
29. เจ.เจ. อับบรามส์, โปรดิวเซอร์/ผู้กำกับ
30. โจดี ฟอสเตอร์, นักแสดง/ผู้กำกับ
31. แคธลีน เคนเนดี, โปรดิวเซอร์
32. เธลมา ชูนเมคเกอร์, นักลำดับภาพ
33. แองเจลินา โจลี, นักแสดง
34. ซาชา บารอน โคเฮน, นักแสดง/นักเขียนบท/โปรดิวเซอร์
35. ทิม พาเลน, ประธานร่วมฝ่ายการตลาด Lionsgate
36. โมดิ วิคเซค, ซีอีโอร่วม Media Rights Capital
37. กิลแลร์โม เดล โทโร, นักเขียนบท/โปรดิวเซอร์/ผู้กำกับ
38. เดียโบล โคดี, นักเขียนบท
39. แมรี โซเฟรส, นักออกแบบเครื่องแต่งกาย
40. เจ็ฟ สคูล, ผู้ก่อตั้ง Participant Productions
41. สเตฟาน ซันเนนเฟลด์, ประธาน Company 3
42. แดเนียล บัตเซค, ประธาน Miramax Films
43. เบธ สวอฟฟอร์ด, ตัวแทนจาก CAA
44. โรเดอริค เจส์, นักลำดับภาพ
45. เคท แบลนเช็ตต์, นักแสดง
46. เจฟ วอร์คเกอร์, ผู้จัดงาน Comic-Con
47. เอมี โพเวล, รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดอินเตอร์แอ็คทิฟของ Paramount
48. กุสตาโว ซานเตาลัลลา, นักแต่งเพลง
49. ซาราห์ พอลลี, นักแสดง/นักเขียนบท/ผู้กำกับ
50. เบน อัฟเฟล็ก, นักแสดง/ผู้กำกับ/นักเขียนบท/โปรดิวเซอร์
50 "หน้าโง่" แห่งฮอลลีวูด 2007
1. จัดด์ อปาโทว์
อายุ: 40 ปี
อาชีพ: ผู้กำกับ/นักเขียนบท/โปรดิวเซอร์
ปี 2007 นี้เขาไม่ได้กลับมาด้วยมุกตลกไม้ตายของเขาเท่านั้น แต่เขากลับมาเพื่อนิยามธุรกิจที่เรียกว่าการทำ "หนังตลก" เสียใหม่ หลังจากประสบความสำเร็จเกินตัวไปแล้วจาก The 40 Year-Old Virgin เมื่อ 2 ปีก่อน ปีนี้เขากลับมากับ 2 ผลงานที่เด็ดดวงยิ่งกว่าทั้ง Knocked Up และ Superbad ที่ทำรายได้ในสหรัฐฯรวมกันไปแล้วกว่า 270 ล้านเหรียญ ทั้งๆ ที่ไม่มีดาราดังมาเป็นหน้าหนังและด้วยทุนสร้างแค่หยิบมือ ทั้งสองผลงานสมบูรณ์ด้วยเนื้อหาและอุดมด้วยความขำ ปีที่ผ่านมาอปาโทว์ได้นิยามสิ่งที่เรียกว่า "มุกตลก" ให้กับเจเนอเรชั่นนี้
นอกจากผลงานภาพยนตร์แล้ว เขายังสร้างชื่อเสียงในการร่วมมือกับ วิล ฟาร์เรล และ อดัม แม็คเค ในการสร้างเว็บ FunnyOrDie.com ที่กำลังไปได้สวย แม้ว่าผลงานเรื่องที่ 3 ของปีนี้อย่าง Walk Hard หนังเพลงล้อเลียนของเขาดูท่าจะทำเงินยากอยู่ซักหน่อยในช่วงเดือนธ.ค.นี้ Lord of LOL (Laugh Out Loud) ผู้นี้ยังคงยิ่งใหญ่ เหล่าผู้อำนวยการสร้างจะได้แต่สุมหัวกันว่าจะสร้างหนังตลกอย่างไรหลังยุค post-Judd world ถ้านี่ไม่เรียกว่าชาญฉลาด ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
2. สตีเวน สปีลเบิร์ก
อายุ: 60 ปี
อาชีพ: ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
ไม่มีผู้กำกับคนไหนจะเฉียบคมในการสรรหาเรื่องราวมาเล่าในหนังได้สนุกเท่าเขา 32 ผลงานหลังจากที่เขานับหนึ่งกับหนังสุดฮิตอย่าง Jaws ภาพลักษณ์ของเขาก็เปรียบดังรูปปั้นบนภูเขารัชมอร์แห่งฮอลลีวูด แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมของเขาในปีที่ผ่านมาก็คือหน้าที่ในการรับผิดชอบในการเปิดไฟเขียวสร้างหนังทุกเรื่องของค่าย DreamWorks และด้วยสายตาของเขา เขาได้เห็นศักยภาพในการทำเงินของหนังฮิตแห่งปีอย่าง Transformers ขณะที่คนอื่นๆ มองข้าม เขาได้เห็นศักยภาพการเป็นซูเปอร์สตาร์ในตัวเจ้าหนุ่ม ไชอาห์ ลาบัฟ ที่ทำให้หนังเล็กๆ อย่าง Disturbia โด่งดังในช่วงกลางปีที่ผ่านมา
แม้ปีก่อนหน้านั้นเขาจะทำเรื่องที่ผิดพลาดมาบ้าง เช่นการขาย DreamWorks ให้กับ Paramount ที่ดูจะไม่เข้าท่าเท่าไหร่ การหันหลังให้สื่อที่ส่งผลร้ายมากกว่ากับหนังดีๆ อย่าง Munich (ซึ่งมันจะไม่เกิดขึ้นอีกกับ Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull) แต่จะมีคนสร้างหนังคนไหนที่มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของชาวอเมริกันมากกว่าที่เขาทำ
3. เจมส์ คาเมรอน
อายุ: 53 ปี
อาชีพ: ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
ความทุ่มเทให้กับเทคโนโลยีของวงการภาพยนตร์กำลังจะเป็นสิ่งที่แผ่วถางให้กับอุตสาหกรรมทั้งหมด 10 ปีหลังจากที่เขาส่งให้ Titanic กวาดเงินทั่วโลกไปได้กว่า 1,800 ล้านเหรียญ เขากำลังจะกลับมาอีกครั้งใน Avatar โปรเจ็คท์ 3 มิติที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีชิ้นใหม่ที่เขาพัฒนาขึ้นมาที่มีชื่อเรียกว่า super-advanced stereoscopic technique ที่สามารถทำให้เขาเล่นแร่แปรธาตุกับเหล่านักแสดงให้เป็นอะไรก็ได้ตามจินตนาการของเขา ที่จะออกมาได้สมจริงยิ่งกว่าที่เราได้เห็นใน Beowulf แบบเทียบไม่ได้ ภายใต้การลงขันของ Weta บริษัทเอฟเฟคชื่อดังของ ปีเตอร์ แจ็คสัน
แต่กว่ามันจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างพร้อมฉายให้แฟนๆ ได้ยลโฉมกันก็ช่วงซัมเมอร์ปี 2009 โน่น หลายคนไม่เชื่อว่ามันจะทำรายได้แซงหน้า Titanic ผู้ยิ่งใหญ่ไปได้ แต่กว่าจะถึงวันนั้นคาเมรอนก็คงจะมีโรงฉายแบบ 3 มิติพร้อมฉายทั่วอเมริกามากพอที่จะให้เขาได้ลุ้นยาวๆ ได้แล้ว
4. เอเรียล เอมานูเอล
อายุ: 46 ปี
อาชีพ: ผู้ต่อตั้งบริษัทตัวแทน Endeavor Agency
เขาให้เวลาแค่ทศวรรษเดียวหลังจากที่เขาออกมาจากบริษัทเอเยนซี่ยักษ์ใหญ่อย่าง ICM เมื่อปี 1995 ในการออกมาตั้ง Endeavor Agency จนทำให้มันติด 1 ใน 5 บริษัทตัวแทนดาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฮอลลีวูดได้สำเร็จ ด้วยวิสัยทัศน์ (ต่อสู้จน Fahrenheit 9/11 สารคดีสุดฮิตได้ออกฉาย แม้ว่าทางดิสนีย์จะคิดว่าไม่มีใครสนใจมันก็ตาม) และความทุ่มเท (โทรไปหาเหล่าผู้อำนวยการสร้างตั้งแต่ตี 4 เพื่อล็อบบีให้ลูกค้าของเขา) จนทำให้เขาโด่งดังจนกลายเป็นตัวละครล้อเลียนทั้งใน Entourage และ The Larry Sanders Show
ซึ่งสิ่งทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังการชิงความได้เปรียบแบบถึงลูกถึงคนเช่นนี้มาจากการวางแผนทางธุรกิจที่ลึกล้ำนั่นเอง
5. วิล สมิธ
อายุ: 39 ปี
อาชีพ: นักแสดง/โปรดิวเซอร์
พัฒนาการของชายผู้นี้เป็นสิ่งที่เราเห็นมากับตาทุกคน นับตั้งแต่ที่เขาเป็นเพียงแค่ Fresh Prince ดาวแร็ปในซีรีส์ยุค 80 ก่อนที่จะไต่เต้าขึ้นมาสู่วงการจอเงินแล้วสร้างทุกอย่างออกมาเท่าที่โอกาสจะมาวางอยู่ตรงหน้าเขา ตั้งแต่หนังดรามาลุ้นชิงออสการ์ (Ali, The Pursuit of Happyness) ถึงหนังบล็อกบัสเตอร์ (ID4 , MIB, I,Robot, I Am Legend) ด้วยทัศนคติส่วนตัวที่ว่า "ผมไม่อยากเป็นไอ้ขี้แพ้" และนี่คือแบบฉบับบางอย่างที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในเส้นทางนักแสดงทุกวันนี้
ตั้งเป้าหมาย: "ก่อนที่ผมจะเล่นหนัง ผมจะบอกกับตัวเองว่า 'ข้าต้องเป็นดาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเว้ย' แล้วดาราที่ใหญ่ที่สุดต้องสร้างหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มองไปที่ชาร์ตหนังทำเงินสูงสุด 10 อันดับจะเห็นว่ามีแต่หนังแอ็คชั่นขายสเปเชียลเอฟเฟคทั้งนั้น แล้วไงล่ะ Independence Day ดูง่าย Men in Black ดูง่าย I, Robot ดูง่าย"
หาต้นแบบที่ดี: "ทอม แฮงส์ เป็นแบบอย่างที่ผมอยากจะเป็น ผมชื่นชมวิธีการที่เขาจัดแจงกับเวลาและกับบรรดาแฟนๆ เขาปราดเปรื่องในเรื่องนั้นทีเดียว"
อย่าขี้เกียจ: "พ่อผมเขามีปรัชญาเรื่องการทำงานที่เพี้ยนๆ เขามีธุรกิจของตัวเอง สำหรับเขา ลูกๆ เป็นคนงานที่ว่าง่ายใช้คล่องที่สุด ดังนั้นผมจึงต้องทำงานมาตั้งแต่เล็กๆ แล้วผมก็จัดการกับทุกอย่างได้หมดตั้งแต่นั้น"
สยบความกลัว: "หลังจาก Wild Wild West ที่เน่าสนิทเมื่อปี 1999 ผมก็เริ่มกลัวความล้มเหลวและเลือกเล่นหนังที่ผิดพลาด สำหรับผม ผมเลือกเล่น Bad Boys II และ Men in Black II โดยไม่กลัวอะไรทั้งนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่ผมกังวลใจมากๆ เพราะผมไม่ได้คิดถึงหนทางที่ถูกต้องในการทำหนัง"
หาตัวเอง(เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้): หนังที่ฉลาดที่สุดที่ผมเลือกเล่นได้แก่ Six Degrees of Separation ตอนนั้นผมคิดเรื่องที่จะหยุดเล่น The Fresh Prince of Bel-Air และหาหนทางที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป และหนังเรื่องนั้นก็เป็นอะไรที่เกินคาดที่สุดกับทุกอย่างที่ผมเคยทำมา มันกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับผมที่จะเดินไปหา เจอร์รี บรัคไฮเมอร์ แล้วบอกว่าผมทำ Bad Boys ได้ มันเป็นผลงานที่เปิดโลกแห่งโอกาสทุกๆ อย่างให้กับผม
6. เมอรีล สตรีป
อายุ: 58 ปี
อาชีพ: นักแสดง
ด้วยวัยเกิน 50 สำหรับดาราทั่วไปควรจะสาบสูญไปนานแล้ว แม้จะมีสถิติที่สวยงามอย่างการเข้าชิงออสการ์ถึง 14 ครั้งก็ตาม อย่างน้อยบทที่นักแสดงวัยอย่างเธอจะได้รับก็น่าจะเป็นคุณย่าคุณยาย แต่กลายเป็นว่าผลงานของเธอกลับน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ บทบาทของเธอใน The Devil Wears Prada ทำให้หนังกวาดเงินไปถึง 125 ล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้วมากกว่าที่เธอทำได้เมื่อวัย 37 เสียอีก
ทศวรรษที่ผ่านมาเธอได้ฝากผลงานที่น่าสนใจเอาไว้มากมาย (Adaptation, The Hours) เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของนักแสดงรุ่นเก๋าว่าทำอะไรได้บ้างเมื่อถึงวันที่เข้าฟอร์ม เหนือสิ่งอื่นใด เธอได้เปิดประตูแห่งโอกาสแก่ผู้ที่กำลังจะตามเธอมา ทั้งจูเลีย,นิโคล,รีส ให้เห็นว่าซูเปอร์สตาร์ที่แท้จริงนั้นอยู่ได้นานแค่ไหน
7. ไทเลอร์ เพอร์รี
อายุ: 38 ปี
อาชีพ: นักแสดง/โปรดิวเซอร์/ผู้กำกับ/นักเขียนบท
หลังจากที่สตูดิโอในฮอลลีวูดหันหลังให้ไทเลอร์ เพอร์รี ไทเลอร์ เพอร์รีก็หันหลังให้กับพวกเขาเช่นกัน หลังจากนั้น 10 ปีต่อมา ไทเลอร์ เพอร์รีก็ได้สร้างกลุ่มก้อนแฟนหนังเพื่อนร่วมสีผิวผู้จงรักภักดีต่อผลงานของเขา ซึ่งไม่ว่าจะทำขี้หมูขี้หมาอะไรออกมา(ตั้งแต่ Diary of a Mad Black Woman จนถึง Why Did I Get Married?) มันจะเปิดตัวที่อันดับ 1 ของชาร์ตอยู่ร่ำไป แสดงให้เห็นว่าแค่เอาชื่อเขาไปต่อหน้าชื่อหนังก็เตรียมรับเงินหลายร้อยล้านเอาไว้ได้เลย ทุกวันนี้อิทธิพลของเขามีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสตูดิโอส่วนตัวที่แอตแลนต้า สัญญามูลค่า 200 ล้านเหรียญกับช่อง TBS และมีแผนที่จะสร้างสถานีเน็ทเวิร์คของเขาเองเพื่อรองรับการฉายผลงานของเขาในอนาคต
ทุกวันนี้เหล่าสตูดิโอในฮอลลีวูดก็ยังไม่รู้หนทางที่จะรับมือกับเขา กลายเป็นว่าตอนนี้เขาสามารถไปแสดงหรือกำกับหนังของค่ายใหญ่ที่ไหนก็ได้ แต่ไทเลอร์ เพอร์รีคงไม่เสียเวลาสนุกจากงานปาร์ตีของเขาเพื่อมารอการเชื้อเชิญของพวกนั้นแน่ๆ ชัดเจนเลยว่าเขาต้องรู้อะไรดีๆ ที่พวกนั้นไม่มีวันเข้าใจ
8. ปีเตอร์ ไรซ์
อายุ: 41 ปี
อาชีพ: ประธานค่ายหนังอินดี้ Fox Searchlight
ด้วยรสนิยมที่ไร้ที่ติและทักษะทางธุรกิจที่เป็นเลิศของเขา ได้ทำให้ Fox Searchlight ครองแชมป์ค่ายหนังทางเลือกที่ประสบความสำเร็จที่สุดของวงการ ด้วยการร่วมมือกันระหว่างเขาและ สตีเฟน จิลูลา ประธานฝ่ายจัดจำหน่าย และมือการตลาดอย่าง แนนซี อัตลีย์ ไรซ์มองเห็นขุมกำไรจากหนังที่คนมองข้าม และเปลี่ยนหนังอินดี้สยองขวัญ (28 Days Later) หนังตลก (Napoleon Dynamite) หนังดรามาขายการแสดง (The Last King of Scotland) และหนังลุ้นชิงออสการ์ (Sideways และผลงานในปีนี้อย่าง Once และ Juno) ให้กลายเป็นความสำเร็จในวงกว้าง ที่ค่ายหนังอินดี้ที่ไหนก็เทียบไม่ได้และแอบอิจฉาไปตามๆ กัน (ใบปิดสีเหลืองอ๋อยที่แสนติดตาของ Little Miss Sunshine ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของเขา)
หลังจากเป็นพนักงานฝึกงานของ Fox ตั้งแต่สมัยเรียนในช่วงซัมเมอร์เมื่อปี 1989 ทุกวันนี้เขายังปฎิบัติตามแนวทางของบริษัทอย่างเคร่งครัด คือทำตัวไม่เป็นข่าว แต่สร้างผลงานที่เป็นข่าวโด่งดัง
9. เดวิด เฮย์แมน
อายุ: 46 ปี
อาชีพ: ผู้อำนวยการสร้าง
หน้าที่ของเขาคือการรับผิดชอบเรื่องรายได้ของหนังภาคต่อที่ทำรายได้มากที่สุดในโลก ซึ่งเขาประสบความสำเร็จอย่างดี หลังจากเสนอตัวจนเป็นเจ้าแรกที่ได้สิทธิ์ในการสร้างฉบับหนังของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ มาตั้งแต่ปี 1997 เขาก็จัดการทุกอย่างได้อย่างลงตัว ตั้งแต่สานสัมพันธ์กับผู้ประพันธ์ต้นฉบับอย่าง เจ.เค.โรว์ลิง และเฟ้นหาทรัพยากรที่มาเนรมิตเป็นฉบับภาพยนตร์ได้อย่างชาญฉลาด ทั้งการเป็นผู้เลือกเหล่าผู้กำกับที่มารับหน้าที่ในแต่ละภาค และทำให้แน่ใจว่าเหล่านักแสดงจะกลับมารับบทของตัวเองจนครบทุกภาค โดยเฉพาะเหล่าซูเปอร์สตาร์วัยรุ่นทั้ง 3
ขณะที่ประธานของ Warner Bros. อย่าง อลัน ฮอร์น ควรจะได้เครดิตจากการตัดสินใจทางมหาภาคที่ยอดเยี่ยม ความสำเร็จทางรายได้อย่างมโหฬารของหนังแฮร์รี่ทุกภาคเป็นหนี้บุญคุณต่อการตัดสินใจทางจุลภาคนับพันๆ ครั้งของเฮย์แมน ทั้งที่เห็นบนจอและในกองถ่าย
ซึ่งถ้าจะนับการสนับสนุนให้ แดเนียล แรดคลิฟฟ์ ยอมล่อนจ้อนในละครเวทีเรื่อง Equus เป็นหนึ่งในนั้นด้วยก็ย่อมได้
10. จอห์น โนล
อายุ: 45 ปี
อาชีพ: หัวหน้าฝ่ายสเปเชียล เอฟเฟค Industrial Light & Magic
เขาเป็นเจ้าของผลงาน computer-generated (CG) ชั้นเลิศในยุคสมัยนี้ นับตั้งแต่การเปิดตัวที่ตื่นตาใน The Abyss ของ เจมส์ คาเมรอน เมื่อปี 1989 จนถึงการรับหน้าที่ดูแลด้านเอฟเฟคในหนัง Star Wars Episode 1-3 และ Pirates of the Caribbean ทั้ง 3 ภาค ที่ต่อให้วันหนึ่งแฟนหนังอาจจะลืมไปแล้วว่าออร์แลนโด บลูมเล่นเป็นใครในเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่มีวันลืมภาพของกัปตันหน้าหนวดปลาหมึกของเดวี โจนส์ไปอย่างแน่นอน
ยิ่งนับวันเหล่าสตูดิโอจะต้องหวังพึ่งรายได้จากบรรดาหนังบล็อกบัสเตอร์มากขึ้นเท่าไหร่ วิชวล เอฟเฟคก็มีความหมายต่อพวกเขามากขึ้นเท่านั้น และทั้งวงการก็ต้องฝากความหวังเอาไว้กับ ILM ที่รับหน้าที่ในการสร้างความตื่นเต้นให้กับบรรดาแฟนหนังทุกครั้งที่พวกเขากลับเข้าไปในโรง ซึ่งจอห์น โนลคือกระดูกสันหลังของทุกอย่างที่กล่าวมา
แล้วถ้าคุณกำลังใช้โปรแกรม Adobe Photoshop อยู่ละก็ โปรดรู้ไว้ด้วยว่ามันเป็นของที่เขาและพี่น้องสร้างขึ้นมาเหมือนกัน
***************
50 Smartest People in Hollywood:
1. จัดด์ อปาโทว์, ผู้กำกับ/นักเขียนบท/โปรดิวเซอร์
2. สตีเวน สปีลเบิร์ก, ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
3. เจมส์ คาเมรอน, ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
4. เอเรียล เอมานูเอล, ผู้ต่อตั้งบริษัทตัวแทน Endeavor Agency
5. วิล สมิธ, นักแสดง/โปรดิวเซอร์
6. เมอรีล สตรีป, นักแสดง
7. ไทเลอร์ เพอร์รี, นักแสดง/โปรดิวเซอร์/ผู้กำกับ/นักเขียนบท
8. ปีเตอร์ ไรซ์, ประธานค่ายหนังอินดี้ Fox Searchlight
9. เดวิด เฮย์แมน, โปรดิวเซอร์
10. จอห์น โนล, หัวหน้าฝ่ายสเปเชียล เอฟเฟค Industrial Light & Magic
11. ไบรอัน เกรเซอร์, โปรดิวเซอร์
12. ดิ๊ก คุก, ประธาน Walt Disney
13. จอร์จ คลูนีย์, นักแสดง/ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
14. เจอร์รี บรัคไฮเมอร์, โปรดิวเซอร์
15. เอมี พาสคาล, ประธานร่วม Sony Pictures Entertainment
16. ปีเตอร์ แจ็คสัน, ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
17. วิล ฟาเรล, นักแสดง/โปรดิวเซอร์
18. โรเบิร์ต เซเมคิส, ผู้กำกับ
19. ทอม ร็อธแมน, ประธานร่วม Fox Filmed Entertainment
20. เบน สติลเลอร์, นักแสดง/ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์
21. จอห์นนี เด็ปป์, นักแสดง/โปรดิวเซอร์
22. เจ็ฟฟรีย์ คัทเซนเบิร์ก, ซีอีโอ DreamWorks Animation
23. แบรด เบิร์ด, นักเขียนบท/ผู้กำกับ
24. เอมมานูเอล ลูเบสกี, กำกับภาพ
25. แซ็ค ชไนเดอร์, ผู้กำกับ
26. สเตซี ชไนเดอร์, ซีอีโอ DreamWorks SKG
27. ไมเคิล มัวร์, ผู้กำกับสารคดี
28. พอล กรีนกราส, ผู้กำกับ
29. เจ.เจ. อับบรามส์, โปรดิวเซอร์/ผู้กำกับ
30. โจดี ฟอสเตอร์, นักแสดง/ผู้กำกับ
31. แคธลีน เคนเนดี, โปรดิวเซอร์
32. เธลมา ชูนเมคเกอร์, นักลำดับภาพ
33. แองเจลินา โจลี, นักแสดง
34. ซาชา บารอน โคเฮน, นักแสดง/นักเขียนบท/โปรดิวเซอร์
35. ทิม พาเลน, ประธานร่วมฝ่ายการตลาด Lionsgate
36. โมดิ วิคเซค, ซีอีโอร่วม Media Rights Capital
37. กิลแลร์โม เดล โทโร, นักเขียนบท/โปรดิวเซอร์/ผู้กำกับ
38. เดียโบล โคดี, นักเขียนบท
39. แมรี โซเฟรส, นักออกแบบเครื่องแต่งกาย
40. เจ็ฟ สคูล, ผู้ก่อตั้ง Participant Productions
41. สเตฟาน ซันเนนเฟลด์, ประธาน Company 3
42. แดเนียล บัตเซค, ประธาน Miramax Films
43. เบธ สวอฟฟอร์ด, ตัวแทนจาก CAA
44. โรเดอริค เจส์, นักลำดับภาพ
45. เคท แบลนเช็ตต์, นักแสดง
46. เจฟ วอร์คเกอร์, ผู้จัดงาน Comic-Con
47. เอมี โพเวล, รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดอินเตอร์แอ็คทิฟของ Paramount
48. กุสตาโว ซานเตาลัลลา, นักแต่งเพลง
49. ซาราห์ พอลลี, นักแสดง/นักเขียนบท/ผู้กำกับ
50. เบน อัฟเฟล็ก, นักแสดง/ผู้กำกับ/นักเขียนบท/โปรดิวเซอร์
50 "หน้าโง่" แห่งฮอลลีวูด 2007