คนบันเทิงกอดคอกันสอบตก ส.ส.ปี’50 มากกว่าครึ่ง มีเพียง บรู๊ค ดนุพร, กรุง ศรีวิไล, นาถยา แดงบุหงา, ก้อย พรพิมล, บุญยอด สุขถิ่นไทย, มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ และ เอกพจน์ วงศ์นาค เท่านั้นที่สอบผ่าน สามารถฝ่าด่านเข้าไปพิสูจน์กึ๋นในสภาหินอ่อนในฐานะ ส.ส.คนใหม่ ที่เหลือกว่า 20 คนกินแห้วไปตามๆ กัน
ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี 2550 อย่างไม่เป็นทางการออกมาเป็นที่เรียบร้อยว่า “พรรคพลังประชาชน” ที่มี “นายสมัคร สุนทรเวช” ยืนเป็นหัวหน้าพรรคได้รับคะแนนนิยมสูงสุด กวาดที่นั่งไปเกือบครึ่งมองเห็นเก้าอี้ผู้นำประเทศอยู่รำไร
คนที่สอบผ่านได้เข้าไปรับใช้ประชาชนอย่างที่ตนมุ่งหวังไว้ก็คงจะมีเฮ ในขณะเดียวกัน คนที่สอบตกก็ต้องรู้สึกเสียใจเป็นธรรมดา เพราะอุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาหาเสียงมาแรมเดือน แต่สุดท้ายก็ชวดตำแหน่ง ส.ส.ไปอย่างหน้าเสียดาย โดยเฉพาะเหล่าบรรดา “คนบันเทิง” ที่ในปีนี้ได้รับความสนใจจากหลากหลายสาขาทั้งนักแสดง พิธีกร ผู้ประกาศข่าว อดีตนักร้อง หรือแม้แต่จากเวทีนางงาม ต่างก็ตบเท้าลงเล่นการเมืองกันอย่างคึกคัก กว่า 30 คน นับเป็นสีสันที่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ฮือฮาขึ้นมาไม่ใช่น้อย รวมไปถึงการถูกจับตามองในฐานะคนดัง
แต่ทว่าสุดท้ายกลับมีเพียง 7 คนเท่านั้น ที่ได้รับชัยชนะและผ่านเข้าไปนั่งในสภาหินอ่อนได้อย่างสง่างาม ซึ่งคนแรกได้แก่ “บรู๊ค ดนุพร ปุณณกันต์” หวานใจตัวจริงของนางเอกสาว “กบ สุวนันท์ คงยิ่ง” แม้ว่าเจ้าตัวจะอกหักจากการเล่นการเมืองครั้งแรก แต่ก็สามารถแก้ตัวได้ในสมัยนี้ โดยหนุ่มบรู๊คกระโดดลงสมัครในนามพรรคพลังประชาชน เขต 7 (บางกะปิ สะพานสูง มีนบุรี ลาดกระบัง) คนที่สองคือนักแสดงรุ่นใหญ่ “กรุง ศรีวิไล” ลงสมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 2 ตามด้วยอดีตนักร้องเสียงดี “ก้อย พรพิมล ธรรมสาร” เขต 2 จังหวัดปทุมธานี ในนามพรรคพลังประชาชนเช่นกัน
คนที่สี่ที่ได้รับเลือกตั้ง ก็คือ อดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “เอกพจน์ วงศ์นาค” ผู้สมัครพรรคชาติไทย เขต 1 จังหวัดปทุมธานี คนที่ห้าได้แก่ ผู้ประกาศข่าวมากประสบการณ์ “บุญยอด สุขถิ่นไทย” จากพรรคประชาธิปัตย์ เขต 4 (บางซื่อ หลักสี่ จตุจักร พญาไท) และที่เข้าวินมาอีกคน ก็คือ อดีตนักแสดงชื่อดัง “กุ๊ก นาถยา (แดงบุหงา) เบ็ญจศิริวรรณ” พรรคประชาธิปัตย์ เขต 7 และอดีตผอ.ช่อง 9 ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีอย่าง มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ พรรคพลังประชาชน ที่ลงสมัครเลือกตั้งแบบสัดส่วน
ถึงตอนนี้เชื่อว่า ทั้ง 7 คนคงจะหายเหนื่อย และคงเตรียมล้างมือจากวงการมายาเพื่อก้าวเข้าไปทำงานเพื่อบ้านเมืองอย่างที่ตั้งใจจริงๆ สักที
ส่วนคนบันเทิงที่เหลือต้องปิ๋วไปตามๆ กัน ซึ่งก็มีทั้งผู้ลงสมัครหน้าเก่า-หน้าใหม่ อาทิ แบม จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ พรรคชาติไทย เขต 5, แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี พลังประชาชน เขต 3, กึ้ง เฉลิมชัย มหากิจศิริ พลังประชาชน เขต 3, นาท ภูวนัย พรรคเพื่อแผ่นดิน เขต 2 จังหวัดชัยภูมิ, โกวิท วัฒนกุล พรรคเพื่อแผ่นดิน เขต 2 จังหวัดชัยภูมิ, ศุภรัตน์ นาคบุญนำ พรรคพลังประชาชน เขต 8, ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ พรรคเพื่อแผ่นดิน เขต 7, ฤทธิ์ ลือชา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เขต 7, แอ๊ด สมบัติ เมทะนี พรรคประชาราช ลงสมัครเลือกตั้งแบบสัดส่วน, สดใส รุ่งโพธิ์ทอง พรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 จังหวัดปทุมธานี
รวมไปถึงนักแสดงสาวสุภาภรณ์ แสงทอง พรรคมัชฌิมาธิปไตย เขต 2, ลีลาวดี วัชโรบล พรรคพลังประชาชน เขต 1, ภักดีหาญส์ หิมะทองคำ พรรคพลังประชาชน เขต 6, สุรชัย สมบัติเจริญ พรรคมัชฌิมาธิปไตย เขต 9, กี้ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พรรคพลังประชาชน เขต 12, วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส พรรคชาติไทย ที่จังหวัดเชียงราย เขต 2, จอย จตุพร แสงทอง พรรคพลังประชาชน เขต 1 จ.ราชบุรี, พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ พรรคพลังประชาชน แบบแบ่งเขต จ.พังงา และ เขาทราย แกแลคซี่ หรือ สุระ แสนคำ พรรคเพื่อแผ่นดิน ผู้สมัครระบบสัดส่วน จ.ขอนแก่น ล้วนแล้วต่างก็กอดคอกันปิ๋วตำแหน่งไปตามๆ กัน
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นสัญญาณที่ดีของประเทศไทย อย่างน้อยๆ ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า คนไทยไม่ได้เลือกคนที่ “ชื่อเสียง” กับ “หน้าตา” หากแต่เลือกคนที่มี “สมอง” เข้ามาเป็นตัวแทน เข้ามาเป็นกระบอกเสียง เพื่อนำพาประเทศชาติให้อยู่รอดและรุ่งเรืองกว่าที่เป็นอยู่!?...