คืนวันจันทร์ที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมาที่สนามกีฬา The O2 ในกรุงลอนดอนต้องถูกจารึกให้เป็นคืนแห่งการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในรอบเกือบ 3 ทศวรรษของ Led Zeppelin หนึ่งในวงร็อกที่สร้างอิทธิพลให้กับวงการมากที่สุด ซึ่งการแสดงครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจต่อแฟนเพลงจากทั่วโลกที่โชคดีได้ตั๋วที่แสนหายากครั้งนี้เท่านั้น แต่เหล่านักวิจารณ์ก็ออกมาแซ่ซ้องการกลับคืนเวทีของสุดยอดวงร็อกวงนี้กันอย่างถ้วนหน้า
คอนเสิร์ตที่ได้สมญาว่า largest demand for one show in history หรือ concert of the millennium by the greatest rock and roll band ever ครั้งนี้ถูกประกาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการอุทิศให้กับ อาห์เม็ต เออร์เตกุน เจ้าของค่ายเพลง Atlantic Records ผู้ล่วงลับ โดยสมาชิกของวงที่เหลือทั้ง จิมมี เพจ, โรเบิร์ต แพลนต์, จอห์น พอล โจนส์ และ เจสัน บอนแฮม ลูกชายของ จอห์น บอนแฮม ผู้ล่วงลับจะขึ้นมาแสดงคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี ซึ่งทันทีที่ตั๋วราคา 125 ปอนด์ หรือ 250 เหรียญ หรือ 8,750 บาท ถูกประกาศขายโดยสุ่มผู้โชคดีทางอินเตอร์เน็ต ก็มีแฟนเพลงเข้ามาที่เว็บไซต์ดังกล่าวกว่าพันล้านคน โดยมีผู้ต้องการบัตรจากทั่วโลกกว่าล้านคนเข้ามาจองบัตรที่มีอยู่เพียง 20,000 ใบครั้งนี้
เดิมทีการแสดงมีกำหนดจะเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่ทางมือกีตาร์อย่างเพจเกิดอุบัติเหตุหกล้มในสวนบริเวณบ้านจนทำให้นิ้วก้อยข้างซ้ายของเขาหัก จนต้องเลื่อนการแสดงที่แฟนๆ ทั่วโลกรอคอยครั้งนี้มาเป็นวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา
The Song Remains the Same
โดยลิสต์เพลงที่ยอดวงร็อกเอาเล่นในครั้งนี้ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นเพลงที่เหล่าสาวกคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทั้งเพลงเปิดคอนเสิร์ตอย่าง Good Times Bad Times ที่แฟนเพลงร้องตามกันอย่างอื้ออึง Stairway to Heaven ที่เพจมาโชว์ด้วยกีตาร์กิ๊บสันคอคู่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเขา ที่แม้จะอยู่ในวัย 63 ก็ยังเล่นได้พลิ้วไหวเช่นเดิม รวมทั้งเพลงที่ไม่เคยนำมาเล่นที่ไหนมาก่อนอย่าง For Your Life ผลงานจากชุด Presence ก็เอามาแสดงให้สมกับการรอคอยด้วย
"มันยากเหลือเกินที่จะจินตนาการ ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเราแต่งเพลงเอาไว้มากมายแค่ไหน กับการเลือกเพลงจาก 10 อัลบั้มมาเล่นในคอนเสิร์ตที่น่าตื่นเต้นครั้งนี้ แต่ต้องมีอยู่บางเพลงที่ยังไงก็ต้องนำมาเล่น และนี่ก็คือหนึ่งในนั้น" โรเบิร์ต แพลนต์ กล่าวก่อนขึ้นเพลง Dazed and Confused ด้วยเสียงร้องที่ยังทรงพลังแม้วัยจะล่วงเลยเข้าสู่ปีที่ 59 แล้วก็ตาม ขณะที่เพจก็เรียกเสียงเฮจากแฟนๆ ด้วยการเอาคันชักเชลโลมาใช้ในเพลงนี้ด้วย
"มีคนมารวมกันที่นี่จาก 50 ประเทศ มีคนถือป้ายที่เขียนว่า Hammer of the Gods อยู่ตรงนั้นด้วย ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้คนจาก 50 ประเทศจะมาดูการแสดงของคนแก่ทั้ง 3 คนนี้ และนี่คือประเทศที่ 51!" แพลนต์กล่าวก่อนเปิดเพลง Kashmir อันยิ่งใหญ่ของพวกเขา ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายของการแสดงปกติ ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นมาต่อในช่วงอังกอร์ด้วย 2 เพลงดังสุดมันอย่าง Whole Lotta Love (ที่เพจอุทิศให้กับ อาห์เม็ต เออร์เตกุน) และ Rock and Roll เป็นเสร็จสิ้นการแสดง 2 ชั่วโมงกว่ากับ 16 เพลงที่สมอยากเหล่าสาวกที่มาในวันนั้น
การกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี
ทันทีที่การแสดงเสร็จสิ้นลง เช้าวันต่อมาคำสรรเสริญอันพลั่งพลูก็ออกมาจากปลายปากกาของนักวิจารณ์สื่อต่างๆ มากมาย
"ผมไม่คิดว่าพวกเขารับรู้ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของพวกเขาเอง บางทีมันอาจเป็นเพราะการหายหน้าหายตาไปนานที่ทำให้แฟนเพลงคิดถึง แต่มันก็ช่วงเวลาที่ทำให้ผู้คนได้หยุดคิดว่าพวกเขาได้สร้างอิทธิพลให้กับวงการดนตรีที่ผ่านมามากมายแค่ไหน" พอล รีส์ บรรณาธิการของนิตยสาร Q กล่าวยกย่อง
"ซาวด์ของพวกเขายังแน่นมากๆ ความจัดจ้านและทรงพลังแบบที่คุ้นเคยยังคงมีอย่างเต็มเปี่ยม" เดวิด เชล จาก Daily Telegraph กล่าว เช่นเดียวกับ เบน แรทลิฟ จาก New York Times ที่กล่าวยกย่อง โรเบิร์ต แพลนต์ นักร้องนำว่า "ช่างยิ่งใหญ่และสง่างามอย่างมาก" ส่วน จิมมี เพจ มือกีตาร์นั้นแม้เขาจะเห็นว่าการโซโลอาจจะดร็อปไปบ้าง แต่เรื่องสำหรับท่อนริฟนั้น "หนักแน่น, ซาบซ่า, และทรงพลังเช่นเดิม"
"สิ่งที่เขาสร้างสรรค์ในคืนนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าพวกเขายังคงสามารถแสดงได้ระดับเดียวกับที่พวกเขาเคยสร้างชื่อเสียงเอาไว้ในอดีตจนเป็นตำนานในทุกวันนี้ เราได้แต่หวังว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราได้จะเห็นพวกเขาแสดงกันอีก" NME กล่าวสรรเสริญ
ความประทับใจของแฟนๆ
เช่นเดียวกับแฟนๆ ที่ต่างไปเป็นพยานการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ที่ต่างก็ประทับใจกับการได้กลับมาดูคอนเสิร์ตที่ครั้งหนึ่งเป็นแค่ความฝันเท่านั้น
"ฉันเคยดูพวกเขามาเมื่อปี 73, 75 และ 77 ฉันเนี่ยแหล่ะแฟนพันธุ์แท้ มันเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณของคุณ มันเป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำในยุค 70" คำเปิดใจของ ทีนา ริคาโด เจ้าของบาร์ในซาน ฟรานซิสโก ผู้ที่ทิ้งสามีเอาไว้ที่บ้านหลังจากที่รู้ตัวว่าเป็นผู้ถูกเลือกทางอินเตอร์เน็ตให้ได้มีสิทธิ์ซื้อตั๋ว แล้วมาดูการแสดงวันนี้กับเพื่อนสาวของเธอ "จะมีโอกาสซักกี่ครั้งในชีวิตที่คุณทำความฝันให้เป็นจริงได้ แค่คิดฉันก็อยากจะร้องไห้แล้ว"
"ผมเคยดู Led Zeppelin ที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 71 กับ 72 นั่นมัน 35 ปีมาแล้ว ผมตื่นเต้นมากๆ ตอนนั้นพวกเขาทำลายห้องพักในโรงแรมไป 5 ห้องเลยน่ะ มันกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ญี่ปุ่นไปเลย" โยชิฮิโร โฮชินะ แฟนเพลงวัย 53 ที่เป็นผู้โชคดีจากการส่งอีเมล์ไปพร้อมๆ กัน 3 ชื่อกล่าวอย่างตื่นเต้น
"ผมแนะนำพวกเขาให้กับลูกชายของผม ตอนแรกเขาก็ไม่สนใจมันหรอก แต่ซักพักเขาก็เข้าใจ จากนั้นเขาก็หัดเล่นกีตาร์ด้วยตัวเอง แล้วพอ Led Zeppelin เข้ามาในชีวิตของเขา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป สุดท้ายเขาก็ขโมยแผ่นเสียงกับซีดีผมไปหมดเลย" โอเวน วิลเลียม แฟนเพลงชาวอังกฤษวัย 51 ปี ที่มาดูกับลูกชายของเขากล่าวถึงที่มาของวันนี้
"ผมเคยดูพวกเขา 2 ครั้งในยุค 70 แต่คิดว่าซาวด์วันนี้ออกมาดีกว่าตอนนั้นซะอีก ต้องเข้าใจว่าเครื่องเสียงยุคนั้นมันค่อนข้างแย่" จอห์น แฟนเพลงวัย 50 กล่าวอย่างประทับใจ
ความสำเร็จของโชว์ครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอยของแฟนเพลงมากๆ เพราะมีอยู่หลายคนที่ไม่ได้มาอยู่ที่นั่นเพราะโชคช่วยเท่านั้น เพราะราคาบัตรที่บางคนได้มาจากการซื้อมือสองทางอินเตอร์เน็ตสูงถึงใบละ 2,000 เหรียญหรือประมาณ 70,000 บาททีเดียว ขณะที่นาย เคนเน็ธ ดอนเนล หนุ่มสก็อตวัย 25 ต้องจ่ายถึง 168,500 เหรียญหรือเกือบ 6 ล้านบาทจากการประมูลเพื่อการกุศลของทางบีบีซี ขณะที่ สตีฟ โดโนฟริโอ เด็กหนุ่มวัย 17 จากนิวยอร์กต้องใช้เวลาเดินทางกับแม่ถึง 3 วันก่อนที่จะได้มาร่วมในเหตุการณ์ทางดนตรีครั้งนี้
นอกจากแฟนระดับบ้านๆ แล้ว เหล่าคนดังจากหลากหลายวงการก็เข้ามาเป็นสักขีพยานการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของพวกเขาด้วยทั้ง เดฟ โกรห์ล แห่งวง Foo Fighters ที่กล่าวยกย่องการทำหน้าที่แทนพ่อผู้ล่วงลับของเจสันอย่างยกใหญ่, พอล แม็คคาร์ทนีย์, ไบรอัน เมย์, เดวิด กิลมอร์, พี่น้องกัลลาเกอร์แห่ง Oasis, Arctic Monkeys, ดิ เอจ แห่ง U2, เบอร์นาร์ด ซัมเมอร์, เดฟ มัสเทน, มิค แจ็คเกอร์, จูเลียต ลิวอิส, ริชาร์ด แอชครอฟ แห่ง The Verve, มาริลีน แมนสัน รวมทั้งไอดอลสาวคนดังจากญี่ปุ่นอย่าง เอริกะ ซาวาจิริ ที่เป็นแฟนตัวยงของวงด้วย
อนาคตของวง
หลังจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมดังกล่าว สิ่งที่ตามมาก็คือข่างลือเรื่องการกลับมารวมตัวกันอย่างเป็นทางการเพื่อออกทัวร์อย่างจริงๆ จังๆ เช่นการจะไปปรากฏตัวที่เทศกาลดนตรี Bonnaroo ในฤดูร้อนปีหน้าด้วย แต่ แรนดี ฟิลลิป ซีอีโอของ AEG Live โปรโมเตอร์จัดคอนเสิร์ตออกมากล่าวต่อทาง Los Angeles Times ว่าข่าวลือก็ยังเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น
"เรื่องจริงก็คือพวก Zeppelin ไม่เห็นด้วยเรื่องการออกทัวร์ พวกเขาแค่ต้องการแสดงในคืนนั้นและคอยดูว่ามันจะออกมาอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจกันต่อไป ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่จะยืนยันได้"
อย่างไรก็ดี การเปิดใจที่ไม่ปิดประตูต่อหน้าเหล่าสาวกรายอื่นๆ ทั่วโลกที่ไม่มีโอกาสเข้าไปสัมผัสบรรยากาศในวันนั้นของ โรเบิร์ต แพลนต์ ต่อ Sunday Times น่าจะให้ความหวังกับเหล่าแฟนเพลงได้บ้าง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
"มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่จะกลับมาเล่นด้วยกันนานๆ ครั้ง"
รายชื่อเพลงการคืนวงการของ Led Zeppelin เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 10 ธ.ค.
Good Times Bad Times
Ramble On
Black Dog
In My Time of Dying
For Your Life (live debut)
Trampled Under Foot
Nobody's Fault but Mine
No Quarter
Since I've Been Loving You
Dazed and Confused
Stairway to Heaven
The Song Remains the Same
Misty Mountain Hop
Kashmir
-------------------
Whole Lotta Love
Rock and Roll
Stairway to Heaven ณ สนาม O2 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
ภาพจาก viewimages.com และ Led Zeppelinpics.com