xs
xsm
sm
md
lg

อดเพื่อลูก “พ่อบิ๊ก” บอกกินกับข้าวมื้อละถุงมา 4 ปีด้านหมอเผย ต่างประเทศขอเชื้อราไปศึกษา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พ่อบิ๊ก” ลั่นสภาพจิตใจดีขึ้น ย้ำส่วนลึกของหัวใจยังคงคิดถึงลูกอยู่ เผยความรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปหลังกลับบ้าน บอกช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อดทนเพื่อหวังลูกหาย ยอมอดกินกับข้าวถุงเดียวทุกมื้อ หวังเอาเงินรักษาลูกให้ดีที่สุด ด้านหมอเจ้าของไข้เชื่อ “บิ๊ก” พ้นทรมานแล้ว พร้อมฝากอุทาหรณ์ทิ้งท้ายถ้าหลับอย่าขับรถ

ผ่านมาวันที่ 2 แล้วสำหรับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของอดีตวงบอยแบนด์ชื่อดัง “บิ๊ก ดีทูบี” สำหรับสภาพจิตใจของผู้เป็นพ่อแม่ที่ดูแลไม่เคยห่าง นับแต่วันที่ประสบอุบัติเหตุ ก็คงยากที่จะเยียวยา ซึ่ง “พ่ออุดม กิตติกรเจริญ” เปิดใจก่อนสวดพระอภิธรรมศพ ในวันนี้ว่าสภาพจิตใจของพ่อและแม่ดีขึ้น แต่มีช่วงเหงาเป็นช่วงๆ ทุกครั้งที่กลับบ้าน บอกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง

ก่อนเผยช่วงชีวิตที่ต้องดูแลลูกชายอันเป็นที่รัก ตนอดทนทุกอย่าง เพื่อเก็บเงินไว้เป็นค่ารักษาบิ๊ก กินกับข้าวถุงเดียวทุกมื้อมาตลอด 4 ปี ก่อนฝากขอบคุณอาร์เอสช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายช่วงอยู่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ และประสานในงานศพทั้งหมด อีกทั้งซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเมตตารับบิ๊กไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ก่อนที่พ่อจะเปิดใจกับสื่อมวลชนอีกครั้งว่า..

“ทั้งพ่อและแม่ทำใจได้มากขึ้นแล้ว บางช่วงก็สบายใจขึ้น ถึงแม้ว่าส่วนลึกของหัวใจยังคิดถึงบิ๊กก็ตาม แต่พอกลับบ้านก็รู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง สำหรับงานศพก็ไม่ค่อยยุ่ง เพราะว่าทางอาร์เอสช่วยประสานงานให้ ขอบคุณมาก”

“ยังมีค่ารักษาพยาบาลที่บิ๊กอยู่วิชัยยุทธ ทางอาร์เอสดูแลให้ทั้งหมดตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 7 หลัก พอออกจากจากวิชัยยุทธก็ได้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณสูงสุด หลังจากนั้น ก็มีค่าใช้จ่ายอีก 3-4 หมื่นบาทต่อเดือน อีกทั้งค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์ในการรักษาทางการแพทย์ก็เยอะอยู่ พ่อแม่ก็ใช้จ่ายกันอย่างประหยัด ข้าวมื้อหนึ่ง 2 คนพ่อแม่กินกันมื้อละถุง แต่ไม่เป็นไรไง อยากให้ลูกไปได้ดี แต่ตอนนี้ไม่มีบิ๊กอยู่แล้ว พ่อก็อยากอยู่นิ่งๆ”

“4 ปีที่ผ่านมาเหนื่อยมาก ตอนนี้อยากอยู่อย่างสงบๆ นิ่งๆ ไม่อยากทำอะไรอีกเลย”

ด้าน นายแพทย์ “มนูญ ลีเชวงวงศ์” หัวหน้าคณะแพทย์ผู้รักษาและแพทย์เจ้าของไข้ของหนุ่มบิ๊ก ก็เดินทางมาร่วมสวดพระอภิธรรมศพด้วย พร้อมทั้งเปิดใจต่อการจากไปของคนไข้พิเศษที่ดูแลกันมาตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุ เผยว่า บิ๊กทรมานมา 4 ปีแล้ววันนี้ก็พ้นทุกข์ทรมานไปแล้ว ซึ่งสาเหตุก็น่าจะมาจากการติดเชื้อจากสภาพอากาศภายนอก ก่อนจะเปิดใจว่าถึงเรื่องสเต็มเซลล์ ว่า เป็นเพียงการทดลองที่แม้พ่อแม่ยอม แต่ทางการแพทย์ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะติดเรื่องกฎจริยธรรม

“เมื่อหลายเดือนที่แล้วก็ยังได้ไปเยี่ยมที่บ้าน ได้ไปคุยกับพ่ออยู่เรื่อยๆ น้องบิ๊กก็ยังดีร่างกายยังแข็งแรงดี ก็ยังปรึกษากับพ่อเรื่องการทำสเต็มเซลล์ แต่หมอก็ได้ปรึกษากับหลายคนว่าจะทำมั้ย แต่ก็ยังไม่มีใครทำ มีแต่การวิจัยออกมาเท่านั้น กลัวว่าทำไปก็จะเอาบิ๊กมาทำหนูตะเภา แต่จริงๆ พ่อแม่ก็ยอมแหละ แต่เรามีกฎแห่งจริยธรรม คือ ไม่มีใครจะยืนยันพิสูจน์ได้ว่าจะประสบความสำเร็จได้จริง เพราะว่าก้านสมองของบิ๊กเนี่ย มีแค่พอหายใจได้ แต่ทำให้ถึงขนาดรับรู้เลยได้เนี่ยมันยาก ที่จะทำให้เขาทำออกมาแล้วรับรู้ได้”

“เคสนี้ของบิ๊ก ถือเป็นเคสสตั๊ดดี้ เกี่ยวกับการรักษา ผมเขียนไปยังต่างประเทศ ใน mycoses ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับเชื้อราที่ใหญ่ที่สุดในโลก แล้วเขาสนใจเอาลงนิตยสารนี้ มีหมอทางเนเธอร์แลนด์ก็สนใจเรื่องของบิ๊ก ก็สนใจเอาเชื้อบิ๊กไปศึกษาต่อ แล้วเขาก็ฝากว่าเรื่องของบิ๊กน่าจะเป็นอุทาหรณ์ในเรื่องของการขับรถ เนื่องจากเกิดอาการหลับ อย่างเมื่อวานดูรูปหนังสือพิมพ์มา ภาพบิ๊กกับพ่อบิ๊กข่าวหนึ่ง มีข่าวข้างๆ ก็เป็นรูปคนขับรถไปชนรถขยะ ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์ที่ดีนะครับหมอว่านะ”

“ซึ่งอาการบิ๊กเนี่ย จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้โคม่าถึงร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างเจ้าชายนิทราที่ 100% เขาจะไม่ตอบสนองอะไรเลย แต่เวลาหยิกบิ๊ก เขายังรู้สึก แสดงว่าเขารับรู้ได้บ้าง จริงๆ ร่างกายบิ๊กเนี่ยเขาแข็งแรงมาก การเกิดครั้งนี้ถือว่าเป็นการเกิดแบบไม่คาดคิด มีความเป็นไปได้ว่าเชื้อโรคอาจจะมาจากอากาศที่อาจจะเข้าไปในทางคอ เพราะว่ามีการเจาะคอ อาจมีเชื้อโรคที่โรงพยาบาล อะไรแบบนี้ ไม่น่าจะมีเชื้อในบ้าน เพราะว่าพ่อแม่ดูแลอย่างดี”

ลั่นส่วนตัวก็เสียใจกับการจากไปของนักร้องหนุ่ม “บิ๊ก ดีทูบี” แต่อยากให้ย้อนกลับไปคิดว่าสาเหตุที่แท้จริงมาจากอุบัติเหตุที่ทุกคนต้องระวัง

“ผมว่าเขาไปสบาย อย่าไปยื้อเขาเลย เราต้องยอมรับ แน่นอนทุกๆ คนต้องเสียใจ บิ๊กเพิ่งอายุ 25 แต่สำหรับการรักษาตัวมาถึง 4 ปี เนี่ยก็ถือว่าเขาทรมานมาก”

“แต่สำหรับหมอ หมอเสียใจที่เขาจากไป เขาน่าจะทำประโยชน์ให้สังคมได้มากกว่านี้ เรื่องนี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์ในสังคมถึงการทำงาน ต้องมีเวลาพักผ่อน หลับให้เพียงพอ หรือถ้าเกิดง่วงก็น่าจะหยุดขับแล้วก็ขับเสียก่อน อุบัติเหตุดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้น ไม่ใช่ฝืนขับ ตอนนี้คนลืมไปแล้วว่าอุบัติที่เกิดขึ้นมันคืออะไร หมอว่าน่าจะไปดุที่สาเหตุจริงๆ ของเรื่องตรงนี้”

***
แฟนคลับกรูขึ้นศาลาสวดศพ "บิ๊ก" ด้าน "บีม" เผย เตรียมตั้งมูลนิธิเพื่อ "บิ๊ก"

"แดน-บีม" เปิดใจทั้งน้ำตา บอกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง "บิ๊ก" จากไปแล้ว

นาทีชีวิต "บิ๊ก" พ่อ-แม่ เผยไม่ขอปั๊มหัวใจ ลั่นอยากให้ลูกหลับสบาย

สุดอาลัยงานศพ "บิ๊ก" แฟนคลับนับพันแห่ร้องไห้ระงม

4 ปีแห่งปาฏิหาริย์ ก่อนวันไร้ปาฏิหาริย์

อาลัยแด่ “บิ๊ก ดีทูบี” นักร้อง “ชินจัง”

สุดเศร้า “บิ๊ก ดีทูบี” เสียชีวิตแล้ว!


กำลังโหลดความคิดเห็น