"กึ้ง เฉลิมชัย" สู้ศึกเลือกตั้ง บอกอยากรับใช้ประชาชน ทั้งที่จริงๆ แล้วตัวเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องลงการเมือง เพราะฐานะก็มีอันจะกินอยู่แล้ว
เรียกว่ากำลังคึกคักและเข้มข้นกันเลยทีเดียว สำหรับการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ในช่วงนี้ไม่ว่าเดินทางไปไหนมาไหนตามถนนหนทาง นอกจากจะเห็นแผ่นป้ายโฆษณาหาเสียงแล้ว ก็มักจะเห็นเหล่าบรรดาผู้สมัครลงเลือกตั้งตัวเป็นๆ ออกมายืนแจกยิ้มยื่นใบปลิวขอคะแนนเสียงกันเป็นแถวๆ
แต่ที่เป็นสีสันเรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุดเห็นจะเป็นบรรดานักแสดงและลูกหลานคนดังทั้งหลายต่างตบเท้าลงรับสมัครเลือกตั้งกันเป็นแถว
“กึ้ง เฉลิมชัย มหากิจศิริ” ทายาทเนสกาแฟ นักแสดงและพิธีกรก็ไม่พลาดที่จะผันตัวเองจากงานธุรกิจและวงการบันเทิงมาเล่นการเมืองชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขต 3หลังจากที่พลาดโอกาสในการเลือกตั้งเมื่อครั้งที่แล้ว เนื่องจากไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง
แต่ในครั้งนี้กึ้งขออาสารับใช้ชาติ ยืนยันจะเอาประสบการณ์ด้านการเมือง วงการบันเทิง และการทำธุรกิจมาพัฒนาประเทศชาติ ทั้งหมดทั้งมวลนี้กึ้งบอกว่า อยากทำเพื่อประชาชน ทั้งที่จริงๆ แล้วโดยสถานะของตัวเองแล้วไม่มีจำเป็นจะต้องเล่นการเมืองเลยก็ได้
“แรกเริ่มผมไม่เคยคิดที่จะเข้ามาอยู่ในวงการเมืองเลย เพราะผมไม่เคยไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเลยสักครั้ง เนื่องจากไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 18 มันก็เลยส่งผลให้ผมเสียโอกาสที่จะลงสมัครส.ส. แบบปาร์ตี้ลิศในสมัยรัฐบาลครั้งที่แล้ว แต่ก็อาจจะเป็นโชคและโอกาสที่ทำให้ผมได้เข้ามาอยู่ในวงการเมืองแบบเต็มตัวอีกครั้งหนึ่ง”
“ซึ่งจริงๆ ผมอยู่ตรงนี้มาพักใหญ่แล้ว เริ่มจากการเป็นรองโฆษกรัฐบาล และติดตามอดีตนายกของรัฐบาลที่แล้วประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และที่ผมตัดสินใจเล่นการเล่นเมืองครั้งนี้ เพราะรู้สึกคิดถึงประชาชน หนึ่งปีที่ผมหายไปผมได้ไปร่วมทัวร์นกขมิ้นมาทุกจังหวัดในประเทศไทยได้เห็นพี่น้องประชาชน ได้เห็นแววตาที่เขามองมาที่เราเขามีความหวัง มีความสุขที่ได้เจอพวกเรามันทำให้เรารู้สึกดี และอยากเอาประสบการณ์ที่ผมมีไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเมืองที่เคยทำมาสามปี ประสบการณ์ทางด้านงานวงการบันเทิงและทางด้านธุรกิจเอามาพัฒนาพื้นที่ในเขตที่ผมรับผิดชอบ”
“ส่วนเรื่องการเลือกที่จะลงสมัครพรรคพลังประชาชน เพราะอย่างที่บอกผมได้มีโอกาสทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้เห็นวิธีการทำงาน เขาลงไปสัมผัส กับปัญหาไปดูแลพื้นที่ๆ มีปัญหาจริงๆ ไม่ได้เพียงที่จะเขียนนโยบายออกมาให้ดูดีแล้วคิดว่ามันจะต้องเป็นไปตามนโยบาย โดยที่คุณไม่ทำอะไรกับมันเลย
“รัฐบาลชุดที่แล้วเขาทำไว้ดีมาก พูดจริง ทำได้เป็นภาพจริงผมเลยอยากร่วมงานกับคนที่ทำงานมากกว่าคนเรามีวิสชั่นดี แต่ไม่ได้ทำหรือทำไม่เป็นมันก็เป็นฝันกลางวันดีๆ เท่านั้นเอง”
“ถามว่าผมไม่ต้องมาลงเล่นการเมืองผมก็มีอันจะกินอยู่แล้ว แต่ผมอยากที่จะทำ เพราะผมตั้งใจอยากทำให้ทุกคนมีความสุข ซึ่งมันแบ่งเป็นสองอย่าง สุขทางอารมณ์ และ สุขทางการดำเนินชีวิต สุขทางอารมณ์ คือ ผมได้ไปอยู่ในวงการบันเทิง ไปเล่นละคร เป็นพิธีกร เล่นหนัง ทุกคนเห็น เวลาที่ผมไปเจอปนระชาชนเขาบอกว่า เขาชอบนะดูแล้วมีความสุขมากเลย เรารู้สึกแฮปปี้ที่ทำให้เขามีความสุข”
“สุขทางการดำรงชีวิตคือ เขามีพร้อมทุกอย่างในชีวิตไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน สุขภาพ ซึ่งอันนี้มันต้องเป็นการเมืองผมถึงได้บอกว่า การเมืองกับบันเทิงมันคล้ายกัน ตอนนี้ถามว่าผมยังอยากอยู่วงการบันเทิงไหมผมก็ยังอยู่ แต่เนื่องจากว่าตามจรรณยาบรรณแล้วช่วงนี้ผมก็ไม่ควรที่จะออกสื่อ แต่ถ้าหลังจากเลือกตั้งแล้วผมก็กลับไปใหม่ คนเรามันทำได้ทุกอย่างถ้าเรามีความสามารถพอและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
ที่ผ่านมากึ้งเป็นข่าวค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะข่าวกับสาวๆ ไม่ว่าจะเป็น แองจี้ เฮสติ้ง , หยาดทิพย์ ราชปาล และอั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ซึ่งถ้ามองในแง่ดีก็ถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักกึ้งมากขึ้น แต่มองในแง่ร้ายข่าวเจ้าชู้รายวันก็ถือว่าเป็นบ่อนทำลายคะแนนเสียงได้เหมือนกัน
“เรื่องของข่าวที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบหรือเปล่านั้น ผมว่าประชาชนเดี๋ยวนี้ฉลาดเราอย่าไปดูถูกประชาชนดีกว่า เพราะข่าวที่ออกไปคนจะรู้ว่านี่ คือข่าวบันเทิง ข่าวการเมือง ข่าวสังคมเขาแยกแยะกันออก อย่าไปดูถูกความคิดเห็นของประชาชนผมเชื่อว่าประชาชนคงเลือกคนที่ดีที่สุด สำหรับเขาผมไม่ได้บอกว่าเขาต้องเลือกผมเขาอาจเลือกผู้สมัครคนอื่นก็ได้”
“เรื่องคู่แข่งน่าจะเป็นตัวผมเองมากกว่า ไม่ได้มองคนอื่น ผมคิดว่าถ้าเราจะทำสิ่งที่ต้องการและคาดหวังไว้ให้ได้นั่นเราต้องชนะตัวเราเองก่อน ถ้าจะแพ้ก็เป็นเพราะเราทำไม่ได้ สมมติว่าเราต้องตื่นตีห้าและกลับสี่ทุ่มเพื่อออกไปหาเสียงพบปะพี่น้องประชาชน แล้วนำปัญหามาแก้ไขอันนี้ถ้าเราทำไม่ได้เราก็แพ้ตัวเองแล้ว”
“กับการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ผมไม่ได้คาดหวังอะไรเลยเพียงแค่อยากเสนอตัว และเคารพในการตัดสินใจของประชาชน ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรถือว่าเราได้เรียนรู้ประสบการณ์ของการสมัครเป็นส.ส. ครั้งหนึ่งในชีวิตเราสามารถบอกใครต่อใครว่าเราเคยไปสมัครส.ส. มาแล้ว เราได้เข้าไปเจอพี่น้องได้เห็นปัญหาต่างๆของเขา แล้วนำปัญหาเหล่านี้มาช่วยแก้ปัญหาและเราอาจนำปัญหาตรงนี้มาปรับเปลี่ยนใช้แก้ไขให้กับองค์กรของเราในอนาคตก็ได้ ซึ่งมันไม่มีอะไรจะเสียเราได้ประสบการณ์มากกว่า”
“ผมเป็นคนที่อยากเรียนรู้และอยากทำ ถ้าเรากลัวเสียภาพพจน์เดี๋ยวจะเสียอย่างโน่นอย่างนี้ก็คงต้องอยู่บ้านอย่างเดียว ผมอยากที่จะสนับสนุนให้ทุกคนไปลองทำดู แต่สิ่งที่เราทำอย่าไปเดือดร้อนคนอื่น เพราะการทำเราจะได้ประสบการณ์และทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ถ้าเราไม่ทำแล้วจะคิดว่ามันอาจจะไม่ดีมีผลกระทบแล้วหยุดอยู่กับที่เราจะไม่ได้เรียนรู้และทำอะไรใหม่ๆ”
“แต่ถ้าผมมีโอกาสได้เข้าไปทำงานในสภา ผมจะทำทุกอย่างปัญหาที่เราแก้ไขได้เราจะแก้ไขด้วยศักยภาพที่เรามีพยายามทำทุกอย่าง แต่สิ่งที่ผมเล็งมากที่สุดคือการเลือกตั้งมากกว่า เรายังไม่ได้มองว่าเราต้องไปแก้รัฐธรรมนูญจุดไหนในรายละเอียด จุดแรกของผมเราต้องไปลุยในการเลือกตั้ง”
“อยากให้คนไปเลือกตั้งหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องช่วยกันดูแลประเทศไทย เพราะว่าการเมืองมันเป็นหน้าที่ของคนทุกคนที่จะต้องช่วยกัน การเลือกตั้งมันเป็นสิทธิของบุคคลที่ควรจะไปลงเลือกคนที่ตัวเองชอบหรือมีนโยบายที่ถูกต้องและต้องทำได้ตามนโยบายด้วย เลือกคนที่เราคิดว่าเขาจะมาทำงานแทนเราได้เป็นกระบอกเสียงให้เราได้ ไม่ต้องเป็นผมก็ได้เลือกคนที่คุณคิดว่าคนๆ นั้นจะทำให้คุณมีความสุข”
ส่วนดาราที่ลงสมัครรับเลือกตั้งคนอื่นๆ จะมีใครและมีนโยบายอย่างไรมาว่ากันต่อในอาทิตย์หน้า