“เอ็กซ์ ปิยะ” เปิดโปงชีวิตนายแบบเซ็กซี่ “ปั่นมังกร” เป็นเรื่องธรรมดา พร้อมเปิดใจชีวิตรัก “สาวแก่” แอนด์ “เมียชาวบ้าน” จนเกือบจะถูกยิงทิ้ง เคลียร์คดีรักร้าวกับ “จิ๊ก เนาวรัตน์” รับผิดเป็นฝ่ายทิ้งนักแสดงรุ่นใหญ่
ขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มตี๋ที่เซ็กซี่ติดอันดับท็อปเทนคนหนึ่งของวงการเลยทีเดียวสำหรับ “เอ็กซ์ ปิยะ วิมุกตายน” เพราะนอกจากจะล่ำกล้ามใหญ่เป็นแรมโบ้แล้ว เอ็กซ์ก็ยังชอบโชว์ของดีถ่ายแบบเดินแบบเซ็กซี่กระจาย งานนี้หนุ่มเอ็กซ์บอกว่ามีเทคนิคเพิ่มดรีกรีความเซ็กซี่ ใครอยากรู้เคล็ดลับ หนุ่มเอ็กซ์ยินดีจะมา “เปลือยเป้า” ให้เห็นกันจะจะ
นอกจากหุ่นจะซี๊ดถูกใจสาวๆ แล้ว อีกเรื่องที่ฟังแลวซี๊ดไม่แพ้กันก็เห็นจะเป็นเรื่องที่เอ็กซ์ออกมายอมรับว่า “หลงรักคนแก่” ชอบเทกแคร์คุณป้า เคยตามรับตามส่งมอบดอกไม้คนรุ่นแม่ทั้งโสดและไม่โสดตั้งแต่อายุ 18 จนเกือบจะถูกยิงตาย
และแน่นอนว่า “จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์” ก็เคยเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นสาวสูงวัยของเอ็กซ์ ฮอตซะขนาดนี้บันเทิงผู้จัดการเลยไม่พลาดที่จะ “เปลือยเป้า....เปิดหัวใจ” ของ “เอ็กซ์ ปิยะ”
ปั้น “มังกือ” ให้เป็น “มังกร”
"คนจะรู้จักผมจากการถ่ายแบบ และที่ฮือฮากันมากคงเป็นแฟชั่นแนวเซ็กซี่ ส่วนใหญ่ผมจะถูกติดต่อให้ถ่ายกางเกงว่ายน้ำกับกางเกงในก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองหุ่นดีก็เลยยังไม่ได้ถ่าย อย่างมากสุดก็คงเป็นแบบใส่กางเกงฟิตๆ แนบเนื้อหน่อย ซึ่งตรงนี้แต่ละคนก็มีเทคนิคของตัวเอง การถ่ายแบบกางเกงในนายแบบบางคนจะต้องปั่น แต่ทุกวันนี้ผมว่าเขาก็ไม่ค่อยสนใจกันแล้วล่ะ เน้นช่วงข้างบนแค่หุ่นดีก็โอเคแล้ว แต่ไอ้ตรงนั้นจะเน้นก็ต่อเมื่อใส่กางเกงในสีขาว ฉากสีขาวเห็นชัดหน่อย มีน้ำพรมนิดนึงก็จะเปียกหน่อย จะไม่เสียเวลาปั่นกันแล้ว”
“ที่ต้องทำคงเพราะอยากให้มันขึ้นมาหน่อย และไม่ให้เอียงซ้ายเอียงขวา อีกอย่างเป็นการโปรโมทหนังสือด้วย ถ้าเกิดคนฮือฮาเพราะตรงนั้นมันเด่นขึ้นมามันก็ดีกับหนังสือดีด้วย แต่ถ้าคนไม่ชอบก็โดนด่าไปเลย”
“ผมเองก็ผ่านการถ่ายแบบเซ็กซี่มาเยอะ ทั้งถ่ายเดี่ยวและถ่ายประกบนางแบบ ถามว่ามันเกิดอารมณ์ได้หรือเปล่า จริงๆ ขึ้นอยู่กับหน้างานว่าเก็บอารมณ์ได้รึเปล่า บางทีอาจมีเพลงด้วย แต่บางทีดีไม่ดีเราอาจเหี่ยวไปเลยก็ได้เพราะว่าเราเครียด กังวลว่าจะทำได้ไม่ดี คือ นาทีนั้นคงไม่ได้คิดถึงเรื่องอารมณ์แบบนั้น เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับตัวผู้หญิงคนนั้นด้วย และเรามีความรู้สึกพิเศษกับเขารึเปล่า เพราะว่าไม่ใส่อะไรเลยเกิดเราคิดกับเขามันก็เกิดอารมณ์ได้เหมือนกันนะ”
เส้นทางรัก “สาวแก่คราวแม่”
“ชีวิตผมเจอกับผู้หญิงไม่ค่อยเยอะนะ ส่วนมากจะอายุเยอะซะมากกว่า (หัวเราะ) ผมเริ่มไปไหนมาไหนกับผู้หญิงอายุเยอะตั้งแต่ผมอายุ 18 คือ คบแล้วมันมีความสุข ถามว่าผมแคร์คนอื่นไหนผมก็แคร์นะเวลาใครมอง แต่บางครั้งผมก็ไม่แคร์”
“คนที่ผมไปด้วยจะมีทั้งคนที่โสดและไม่โสด แต่ส่วนมากจะมีลูกกันหมดแล้วอายุ 40 ขึ้นไปผมเรียกป้าหมด เขาก็เอ็นดูผมนะ เดี๋ยววันนี้มากินข้าวกับป้านะลูก เราก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเขา มันก็กุ๊กกิ๊กกันกระหนุงกระหนิงกันบ้างในสไตล์ของเรา ตอนนั้นใจหนึ่งก็กลัวจะโดนไล่ยิง (หัวเราะ) เพราะสามีเค้าไม่รู้ ก็ไม่รู้ว่าที่บ้านเขามีปืนหรือเปล่า ถามว่ากลัวมั้ย กลัวแต่ก็ช่วยไม่ได้...”
“การที่เราออกเดตกับคนที่อายุมากกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผิด เขาทำให้เรารู้สึกปลอดภัย เขาห่วงเรามากกว่าเราห่วงเขา บางทีเขาก็อยากจะเอาเราไปอวดกับเพื่อนๆ บางคนก็เป็นแม่หม้าย บางคนก็เหงา ซึ่งเรารู้สึกว่าเขาต้องการสิ่งชดเชย เราต้องการความปลอดภัยส่วนเขาต้องการคนเอาใจ เหมือนเขาโดนสามีทิ้งคว้าง ซึ่งถ้าเราทำได้มันก็คือการเติมเต็มซึ่งกันและกัน”
“การเทกแคร์ก็เหมือนทำให้แฟน เราไม่ได้ดูอายุเลย เราคิดว่านั่นคือสิ่งที่เราอยากทำ ป้อนน้ำป้อนข้าวให้ดอกไม้ ขับรถให้เพราะเขาก็สายตาไม่ดี ผมติดคนมีอายุมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ตั้งแต่มีความรู้สึกว่ายาย ป้าเลี้ยงมา ไปๆ มาก็มีความรู้สึกว่าอยู่กับคนสูงอายุปลอดภัยกว่า อยู่กับเด็กมีแต่ถูกแทงข้างหลัง ก็เลยรู้สึกว่าคนไหนอายุน้อยกว่าจะไม่อยากคบ”
“ผมไม่ได้ทำเพื่อขอของกำนัลอะไร แต่ก็มีคนเสนออะไรมาเหมือนกัน นาฬิกาเก่าไปหรือเปล่า อยากได้นาฬิกาใหม่มั้ย มันเป็นปกติที่คนที่กระเป๋าตังค์หนักกว่า ต้องดูแลคนที่กระเป๋าตังค์เบากว่า แต่คนกระเป๋าตังค์เบากว่าจะรับเอามากน้อยแค่ไหน แต่ตอนนั้นผมชอบนาฬิกาเปิดไฟ แต่ผมมีอยู่แล้วไม่อยากได้ของใหม่ บางทียี่ห้อดีแต่เปิดไฟไม่ได้ผมก็ไม่เอา”
“บ้านรถยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย คือเราไม่ได้สานสัมพันธ์สึกซึ้งมากมายขนาดนั้น มันเป็นแค่สิ่งที่เราไปเทคแคร์เขา แล้วทำให้เขาแฮปปี้ ตอนเด็กๆ แค่ขับรถมารับมาส่งที่บ้านก็รู้สึกดีแล้ว แม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกด้วยซ้ำว่าไปเป็นเพื่อนป้าหน่อย ไปเป็นเพื่อนของแม่หน่อย หลังๆ กลับกลายเป็นว่าเรามีความสุขที่ได้ทำ พอทำบ่อยๆ บางคนก็เลยมองว่าผมเป็นแมงดา ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ก็แค่การเทคแคร์ให้เขามีความสุขก็เท่านั้น มันไม่มีอะไรมากไปกว่านี้”
หักอก “จิ๊ก เนาวรัตน์”
“ตอนนั้นมันสับสนหลายอย่าง จริงๆ ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่รอบข้างคลุมถุงชนกันขนาดนั้น แล้วมันก็เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ มันพุ่งเข้ามาทุกอย่างเลย สื่อด้วย เพื่อนด้วย เฮ้ย...มึงเอาจริงๆ ใช่เปล่า พอบอกว่ายังไม่ใช่แต่ไม่มีใครเชื่อ สุดท้ายมันก็เออๆ ก็ได้วะ แต่เรายังสับสนในคำตอบอยู่ ไม่อยากพูดอะไรออกไปเพราะเป็นห่วงอิมเมจพี่เขาด้วย”
“กับคนนี้เรารู้เลยว่าเราจะต้องมีลิมิต เพราะว่าถ้าเราชอบมากและไปใกล้ชิดเราจะรู้เลยว่าเราเข้ากันไม่ได้ ด้วยตัวตนที่เราเป็นอยู่ไม่มีทางที่ใครจะเข้ากับเราได้ เพราะฉะนั้นขอรักษาระยะห่างแค่ระดับหนึ่ง ในช่วงที่สับสนอยู่ก็บอกตัวเองว่าควรจะรักษาระดับ เพราะมันจะเป็นการพิสูจน์ว่าเราต้องการจริงหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง จะได้ไม่มีใครเสียใจ กลัวเข้าไปใกล้มากๆ แล้วมันจะเลยเส้น”
“แต่สุดท้ายแล้วเรื่องของใจมันก็ห้ามกันไม่ได้ ที่ผ่านมาก็ยอมรับว่ามีความสุขมีความรู้สึกดีๆ ให้เขา ในขณะเดียวกันมันก็มีเรื่องอะไรบ้างตามประสา มีง้อมีงอนกันบ้าง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์หนึ่งที่พอง้อกันเสร็จก็คุยกัน เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่วันรุ่งขึ้นผมเปลี่ยนใจเอง ผมรู้สึกว่าหยุดดีกว่า ซึ่งเขาก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ พอวันแรกที่เขารู้ ไม่มีการพูดคุยกันอีกเลย เพราะคิดว่ามันคงจบด้วยดีแล้ว ก็หายกันไปเลยดีกว่า”
“ที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง ผมดูหงอๆ พูดง่ายๆ ก็คือผมเป็นลูกไก่มือเขา แต่คนอื่นอาจจะไม่คิดแบบนั้น คนคิดว่าผมต้องเป็นคนเลวมันต้องเป็นคนที่ข่มเหง แล้วก็ไม่มีใครเอามันอยู่ แต่จริงๆ แล้วผมเป็นคนอยู่นิ่งๆ หงอยๆ ยังไงก็ได้ครับ โอเคครับพี่ ซึ่งมันไม่เป็นตัวของตัวเองเลย คือถ้ามันเป็นแบบนี้ ผมมีความรู้สึกว่าเลิกดีกว่า ไม่งั้นผมเป็นตัวของตัวเองมาเมื่อไหล่เขาคงจะหนีผมไปเลย”
“เราไม่อยากข้ามเส้นเพราะถ้าเราข้ามเส้นไปเทกโอเวอร์ชีวิตเขา แล้วเราจะแบบ...ไม่เอาห้ามกลับดึก นิสัยผมจะเป็นคนอย่างนี้ ซึ่งคาดว่าเขาคงรับเราไม่ได้หรอก และผมก็ไม่อยากทำแบบนั้นกับพี่เขาด้วย อีกอย่างคือเรารู้กันตั้งแต่แรกว่า คงเป็นคู่ชีวิตกันไม่ได้อยู่แล้ว ที่ผ่านมาถามว่ามันใช่ความรักหรือเปล่า ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะมันกล้ำกึ่งกันมากระหว่างความเป็นห่วง กับคำว่ารัก”
“สุดท้ายมันก็เลยจบ อย่าถามเหตุผลผมตอบไม่ได้ พูดไปมันก็เหมือนฆ่ากันเลย ไม่ฆ่าเขาผมก็ถูกฆ่า พูดไปผมจะเป็นผู้ชายที่เลวมากที่เอาผู้หญิงมาขาย เอาเป็นว่าให้เป็นเรื่องที่เรารู้กันสองคนก็พอ จากนี้ไปก็คงจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ เวลาที่ผมเป็นแฟนกับใครพอเลิกกันไปแล้วมันเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ซึ่งผมก็ไม่เคยคิดว่าจะเลิกกันนะ แต่ว่าถ้ามาถึงจุดที่ต้องเลิกมันจะต้องเป็นสิ่งที่รับกันไม่ได้จริงๆ แม้กระทั่งเป็นเพื่อนกันมันก็ต้องไม่ได้ เพราะฉะนั้นยังไม่เคยเจอที่รักกันมากเลิกกันแล้วมาเป็นเพื่อนกัน มันต้องหายไปจากชีวิตกันเลย”
“เลิกกับเขาผมก็เสียใจนะ เวลาเสียใจผมจะชอบกรีดข้อมือตัวเอง มันเห็นมีดไม่ได้อยากจะกรีดๆ แต่ไม่เคยเข้าหรอกเพราะว่ามีดมันไม่คม แล้วผมจะเป็นประเภทคิดว่าเอ๊ะ...ถ้ากรีดไปแล้วมันไม่ตาย ถ้าเกิดเป็นบาดทะยักมันต้องเสียค่ารักษาเพิ่มอีกนะ หลังๆ ก็ไม่ทำแล้วเพราะโตขึ้นด้วย สงสารพ่อแม่ ทุกวันนี้ก็เลยเลือกไม่มีแฟนดีกว่าถูกแฟนทิ้ง"
“แต่ผมก็ต้องแอบเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกดีมาก สำหรับผมแล้วจะให้เขาเป็นคนที่สวยที่สุดในประเทศไทยก็ได้ พูดแบบไม่ต้องคิดเลยก็ได้ ซึ่งที่ผ่านมามันเป็นความภูมิใจอย่างมากเลยที่มีผู้หญิงที่สวยที่สุดมาเป็นแฟน มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีมาก แต่พอมันไม่ใช่มันก็เป็นอย่างอื่นไม่ได้”