ใครที่เคยไปเยือนแดนเกาหลีใต้คงจะเข้าใจได้ถึงความเป็นประเทศที่นิยมความเพอร์เฟ็กต์ในรูปร่างหน้าตาของทั้งผู้หญิงผู้ชาย และจะเห็นได้ว่าที่นั่นมีสาวประเภท2น้อยมาก ดังนั้น"ฮา รี ซู" จึงถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกและเป็นคนแรกที่กล้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นต่อสังคมซึ่งขัดกับค่านิยมของสังคมเกาหลีเป็นอย่างมาก
ฮา รี ซู เป็นสาวประเภท 2 ที่มีรูปร่าง-หน้าตาไม่แตกต่างจากผู้หญิงแท้ๆ เธอมีดีกรีเป็นนักร้องและนางแบบ ในวงการบันเทิงแดนโสมถือได้ว่าเธอเป็นคนแรกเลยที่ออกมายอมรับและเปิดเผยตัวเองต่อสาธารณชนให้ได้รู้ว่าเธอผ่านการผ่าตัดแปลงเพศมาเรียบร้อยแล้ว นับว่าเธอกล้าหาญมากทีเดียวเพราะเรื่องการผิดเพศในสังคมเกาหลีถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้รับการยอมรับเท่าใดนัก ดังนั้นบุคคลใดที่ตัวเป็นชายใจเป็นหญิงจึงมักจะปกปิดและสร้างภาพให้ดูว่าตนเองเป็นชายแท้ งานนี้เรียกได้ว่าแอบกันถ้วนหน้าเลยทีเดียว
โดยมากผู้ชายที่นั่นมักนิยมชมชอบที่จะทำให้ตนเองมีรูปร่างตามแบบผู้ชายแท้ๆ คือร่างกายสมส่วนแลดูเป็นชายอย่างแท้จริง ทำให้พวกที่แอบซ่อนปิดบังอยู่ต้องกลายเป็นบุคคลที่บ้านเราเรียกว่ากะเทยกล้ามปู ส่วนผู้หญิงก็ต้องมีความเป็นผู้หญิงจริงๆจึงไม่แปลกที่ที่นั่นมักจะนิยมการทำศัลยกรรมไม่เพียงแค่บนใบหน้าแต่รวมถึงบนร่างกายด้วย และฮา รี ซูก็เป็นหนึ่งในนั้น
ฮา รี ซู ไม่เลือกที่จะเติบโตเป็นกะเทยกล้ามปู เธอเลือกที่จะให้สังคมยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น เธอไม่ปิดบัง เธอพร้อมสู้กับคำครหาของสังคม เธอทำให้ตัวเองสวยไม่แพ้สาวแท้คนใดในโลก เธอวางตัวเหมือนสาวแท้ทั่วไปจนกระทั่งในที่สุดเธอได้แต่งงานกับแร๊พเพอร์หนุ่มรูปหล่อ มิคกี้ ชุง ซึ่งทั้งคู่รักกันมากถึงขนาดเอ่ยปากว่า "เวลาที่อยู่ด้วยกันเราเหมือนได้อยู่บนสวรรค์แต่พอเวลาที่เราแยกจากกันเหมือนเราตกนรกเลย" ทั้งคู่เป็นคู่รักที่แสดงออกต่อกันอย่างเปิดเผยโดยไม่คำนึงถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใด
เธอเข้าพิธีแต่งงานเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีผู้ประกาศข่าวสถานี KBS เป็นประธานหลักในพิธีแต่งงาน และ คิม ซอง ควอน ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยทงอาซึ่งเป็นผู้ผ่าตัดแปลงเพศให้กับ ฮา รี ซู เมื่อปี 1995 เป็นผู้ประกอบพิธีให้กับคู่บ่าวสาวด้วย จากนั้นทั้งคู่ได้บินมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่บ้านเราในอีก 5 วันต่อมาหลังเข้าพิธีแต่งงานเรียบร้อยแล้ว
ทั้งคู่สร้างชีวิตครอบครัวด้วยกันพร้อมตกลงว่าจะรับเด็กมาอุปการะเพื่อทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ขึ้นแต่แล้วกระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็ตามมาอีกระลอกถึงความเห็นในประเด็นดังกล่าวว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการที่ทั้งคู่จะรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม หลายฝ่ายต่างไม่เห็นด้วยเพราะกลัวสภาพจิตใจเด็ก และเป็นห่วงเด็กที่ต้องเติบโตในสภาวะที่เหมือนตกอยู่ในตู้ปลาเพราะจะถูกสื่อจับตามองอยู่ตลอดแต่ก็มีผู้ที่เห็นด้วยเพราะคิดว่าด้วยสภาพจิตใจและองค์ประกอบด้านกายภาพ ฮา รี ซูถือว่าป็นผู้หญิงอย่างสมบูรณ์ ประเด็นนี้จึงเป็นที่ถกเถียงกันมากมาย
แต่ภาพถ่ายล่าสุดของเธออาจทำให้ต้องกลับมานั่งคิดกันอีกรอบเพราะการศัลยกรรมครั้งใหม่ของเธอ กับจมูกที่โตขึ้นและปากที่ดูแตกต่างจากเดิม มันไม่เพียงแต่ทำให้เธอดูเด็กขึ้นมันยังทำให้เธอดูเป็นแมนมากขึ้นด้วยหรือว่าบางที่เธออาจจะกลับไปคิดเรื่องสถานะทางเพศของเธออีกครั้งก็เป็นได้!!!
อย่างไรก็ตามการกล้ายืนหยัดในสังคมที่มีแนวความคิดเป็นแบบอนุรักษ์นิยมอย่างเช่นเกาหลี ทำให้เธอได้รับการยอมรับและถูกกล่าวขานถึงความกล้าหาญที่เธอมี ชีวิตเธอมีความสุขดี เธอประสบความสำเร็จในอาชีพเธอได้รับบทนางเอกละคร มีงานแสดงและโฆษณาสินค้าสำหรับผู้หญิงหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาด
เธอกลายเป็นผู้ที่ทำให้สังคมเกาหลีเปิดกว้างทางความคิดในเรื่องนี้มากขึ้น แต่ถึงอย่างไรคนที่ยังพรางตัวเป็นอีแอบก็ยังคงจะแอบต่อไป เพราะค่านิยมเดิมที่นิยมความสมบูรณ์แบบนั้นยังคงฝังรากลึกไว้ในสังคมเกาหลีจนกลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งและกลายเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปในสังคม เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะเปลี่ยนแปลงหรือเปิดเผยนั่นหมายความว่า คุณต้องสวยให้จริงและเปลี่ยนแปลงได้เหมือนจริงๆ มิเช่นนั้นก็จงเป็นอีแอบกันต่อไป
ที่เอามาบอกเล่าให้ฟังไม่ใช่ว่าจะให้เยาวชนคนใดเลียนแบบ เพียงแต่อยากสะท้อนมุมมองของสังคม สังคมหนึ่งบนภาคพื้นเอเชียที่แตกต่างกันเรื่องวัฒนธรรม ต่างกันเรื่องความคิด และต่างกันซึ่งทัศนคติต่อเพศที่สามในสังคมหนึ่งบนโลกใบนี้เท่านั้น