นับได้ว่าเป็นความโชคดีของคนไทยเลยทีเดียวที่ได้มีโอกาสดูละครบรอดเวย์ชื่อดังของโลกอย่างเรื่อง "CATS THE MUSICAL" ที่บินตรงมาแสดงที่เมืองไทยพร้อมเปิดให้สัมผัสกับนักแสดงอย่างใกล้ชิด
หลังจากที่รอคอยมานานในที่สุดละครเพลงบรอดเวย์ แค็ทส์ เดอะ มิวสิคัล ( CATS THE MUSICAL )ก็เปิดฉากการแสดงอันแสนตระการตาเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ณ โรงละครเมืองไทย รัชดาลัย เธียเตอร์ นับได้ว่าคุ้มค่าสมกับที่รอคอยมานาน กับละครเวทีเรื่องเยี่ยมที่กลายเป็นอมตะและถูกกล่าวขานมากที่สุดในโลก
รวมเวลากว่า 20 ปีแล้วที่ CATS โลดแล่นบนเวทีบรอดเวย์ซึ่งถือได้ว่าเป็นการแสดงที่ยาวนานอีกเรื่องในประวัติศาสตร์ สร้างสรรค์โดย Andrew Lloyd Webber ดัดแปลงจากบทประพันธ์ชื่อว่า Old Possum's Book of Practical Cats ของ T.S.Eliot ซึ่งบทประพันธ์นี้เดิมทีเป็นบทกลอนแปลกๆแต่เปี่ยมด้วยจินตนาการที่กล่าวถึงจิตใจและสังคมของบรรดาแมว แต่ Andrew Lloyd Webber เป็นผู้ที่นำแมวเหล่านั้นออกมาจากหน้าหนังสือแล้วโลดแล่นอยู่บนเวทีจนเป็นละครเวทีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดขณะนี้
เนื้อหาของละครเรื่องนี้เกี่ยวกับที่ทิ้งขยะแห่งหนึ่งซึ่งมีการชุมนุมแมวประจำปีมีชื่อว่า Jellicle Balls โดยมี Old Deuteronomy ผู้นำแมวที่จะมาประกาศชื่อของแมวผู้โชคดีซึ่งจะได้ไปเกิดในดินแดน Heavyside Layer
การประกาศชื่อนั้นจะมีขึ้นก่อนรุ่งสาง ขณะที่บรรดาแมวๆต่างเฝ้ารอคอยการประกาศนั้นอย่างใจจดใจจ่อ แมวแต่ละตัวจะออกมาบอกเล่าพร้อมนำเสนอตัวตนให้รู้จักเพื่อจะได้รับการคัดเลือก ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวของแมวแต่ละตัวที่มีชื่อเสียงทั้งในอดีตและในปัจจุบันที่ออกมาถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตในรูปแบบต่างๆ และเมื่อยามเช้ามาถึง บรรดาแมวต่างรวมตัวกันเพื่อรับฟังแมวอาวุโส Old Deuteronomy ที่ออกมาประกาศรายชื่อแมวซึ่งจะได้เกิดใหม่ในดินแดนสุดวิเศษนี้
การแสดงเริ่มขึ้นด้วยบรรดาแมวๆที่วิ่งออกมาจากทางด้านหลังส่งให้เราได้สัมผัสกับเหล่านักแสดงแมวอย่างใกล้ชิด นักแสดงทั้งหมดถือได้ว่าสวมวิญญาณแมวกันมาเลยทีเดียวเพราะทุกท่วงท่า สีหน้า แววตา การแสดงออก ล้วนทำออกมาได้ใกล้เคียงกับแมวจริงๆ ความสนุกที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เพียงแค่เนื้อหาอย่างเดียวแต่ยังรวมถึงความประหลาดใจที่ไม่รู้ว่าบรรดาแมวๆจะมาโผล่เพื่อหยอกล้ออยู่ข้างตัวคุณในตอนไหนด้วย
หากพูดถึงการแสดง การร้อง การเต้น คงไม่ต้องสาธยายอะไรมากเมื่อประสบการณ์จากการออกแสดงไปทั่วโลกเป็นตัวการันตีความสามารถถึงการร้องโอเปราไปด้วยเต้นไปด้วยได้ชนิดที่ว่าเสียงร้องไม่มีตกได้อย่างน่าทึ่ง ความเป็นมืออาชีพของพวกเขาปรากฏชัดในทุกๆครั้งที่เยื้องกรายโลดแล่นอยู่ทั้งด้านล่างและด้านบนเวทีเสมือนมีวิญญาณแมวสิงอยู่ในตัว
และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมละครเวทีเรื่องนี้ถึงถูกยกให้เป็นหนึ่งใน The Big Four ของละครเพลงระดับโลก เมื่อการผสมผสานความหลากหลายในเรื่องของศิลปะการแสดงนั้นทำได้อย่างสอดคล้องลงตัว ไม่เพียงแค่นำเอาบัลเลต์,แจ๊ซ,แท็ป,ยิมนาสติกเข้ามาใช้เป็นท่าเต้นประกอบเท่านั้นแต่ยังนำศิลปะทั้งหมดมาผสมผสานและเลือกใช้ให้สอดคล้องกับแมวแต่ละชนิดด้วย
ละครเรื่องนี้ได้สื่อให้เราเห็นถึงความแตกต่างในฝูงแมวที่แต่เดิมเราอาจเข้าใจเพียงแค่ว่าแมวมีนิสัยหยิ่ง มีความเป็นส่วนตัว ซื่อสัตย์ หรืออะไรก็ตามเหมือนๆกันหมด แต่ละครเรื่องนี้กลับบอกเราว่าแมวแต่ละตัวแต่ละชนิดล้วนมีนิสัยส่วนตัวแตกต่างกัน เช่นเดียวกับมนุษย์เรา ที่มีอารมณ์ ความรู้สึกแตกต่างไม่เหมือนกันในแต่ละบุคคล
สังคมแมวในละครเวทีเรื่องนี้นำเสนอออกมาได้ใกล้เคียงกับสังคมของมนุษย์ หากเข้าไปดูโดยหวังว่าจะได้รับความสุขความสนุกกลับบ้าน แน่นอนว่าคุณได้รับสิ่งนั้นกลับไปแน่ๆ แต่ถ้าได้นั่งดูแล้วพินิจคิดตามคำพูด การแสดง และการเล่าเรื่องของพวกเขา เราจะได้ข้อคิดดีๆมากมายติดตัวกลับบ้านไปด้วย
ความโลภ การอิจฉาริษยา การเหยียดหยัน เล่ห์เหลี่ยมกลโกง มีหมดในเรื่องนี้ อย่างตัวละครเอก กริซซาเบลลา แมวสาวใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยสง่างามแต่กลับต้องกลายเป็นแมวที่มีขนขาดวิ่น จนกลายเป็นที่รังเกียจในสังคมแมว เนื้อหานำเสนอให้เห็นว่าอย่ามองแต่เพียงภายนอกเธอต้องการเพียงแค่การยอมรับจากแมวตัวอื่นๆเธอไม่มีอะไรเลิศเลอ หรือความสามารถพิเศษอะไรมานำเสนอเพื่อสร้างความโดดเด่นให้ตัวเอง เธอมีเพียงแค่ความจริงใจและความเป็นตัวตนในแบบของเธอถึงประสบการณ์ในชีวิตที่เธอได้พบพานมาในโลกแสนโหดร้ายมาบอกเล่าให้ฟังซึ่งเธอทำโดยไม่ได้หวังอะไรขอเพียงแค่ไม่เป็นที่รังเกียจจากแมวตัวอื่นๆเท่านั้น และผลจากความจริงใจก็ได้รับผลสัมฤทธิ์ในที่สุด จึงบอกได้ว่าเนื้อหาที่นำเสนอนั้นลึกซึ้งเกินกว่าที่จะดูเพียงฉาบฉวย
สิ่งที่ทุกคนรอคอยจากการมาดูละครเวทีเรื่องนี้ต้องยกให้กับ กริซเบลลา แมวสาวใหญ่ผู้สูญเสียความเปล่งประกายในตัวเอง เธอได้ขับขานบทเพลง Memory เพลงที่ได้รับความนิยมตลอดกาลจวบจนปัจจุบันให้ได้ฟังแบบสดๆถึงพลังเสียงต้นกำเนิดที่ทำเอาขนลุกทุกครั้งเมื่อได้ยิน สีหน้า แววตา และการถ่ายทอดคำพูดผ่านตัวโน้ตสามารถสร้างอารมณ์ให้เราซาบซึ้งในบทเพลงอมตะนี้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย
ตัวละครเด่นที่ใครได้ไปชมเชื่อว่าต้องชื่นชอบมากๆขอยกให้กับ รัม ทัม ทักเกอร์ แมวหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ถือได้ว่าเขาเป็นสีสันและสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี รัม ทัม ทักเกอร์ เป็นแมวหนุ่มที่มีความเป็นตัวของตัวเอง เขาดื้อรั้น ขี้เล่น เจ้าชู้แต่เมื่อเขาจริงจังที่จะทำสิ่งใดแล้วล่ะก็ จะต้องทำให้สำเร็จ ความขี้เล่นหัวไวของเขายังทำให้เขามีไอเดียบรรเจิดเกิดขึ้นเวลาที่ถึงสถานการณ์คับขันด้วย ถือได้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างเสน่ห์ให้แมวตัวนี้ได้ไม่น้อย เชื่อว่าสาวๆที่เข้าไปชมละครเวทีเรื่องนี้ต้องตกหลุมรักแมวหนุ่มตัวนี้ไม่ต่างจากบรรดาแมวสาวๆในเรื่องอย่างแน่นอน
การแสดงในเมืองไทยครั้งนี้นับได้ว่าอยู่ในระดับมาตรฐานเช่นเดียวกับโรงละครบรอดเวย์และโรงละครอื่นๆทั่วโลก ที่ทางทีมงานเนรมิต ฉาก แสง สี เสียง และเทคนิคพิเศษที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดได้อย่างตระการตา แต่ที่สัมผัสได้ชัดเจนมากที่สุดคงต้องยกให้กับฝีไม้ลายมือของนักแสดงทุกคนที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์และท่วงท่าของแมวได้ออกมาเสมือนจริงพร้อมทั้งบทเพลงต่างๆก็ใช้เสียงร้องสดๆที่ทุกคนทั้งร้องทั้งเต้นโดยที่เสียงไม่มีตกแม้แต่นิดเดียว เป็นละครเวทีเรื่องเยี่ยมที่สร้างความประทับใจจนเรียกเสียงปรบมือได้ดังกึกก้องทั่วโรงละครรัชดาลัยเธียเตอร์ ได้สมกับที่เป็นละครบรอดเวย์ชื่อดังของโลกอย่างแท้จริง
