“อ๊อด” แยกเตียงนอน “แก้ว” แม้อยู่บ้านเดียวกัน ลั่นขาดกันทุกอย่างแล้ว แต่อยู่เพื่อลูก บอกหมดสิทธิ์รีเทิร์น เนื่องจากเคยต่อแล้วแต่ไม่ติด ยันสัมพันธ์ได้แค่เพื่อน พร้อมปัดข่าวกิ๊ก นศ.สาว อ้างไม่ชอบเด็ก ด้านหุ้นส่วนลูกชิ้นปลาก็ไม่อยากดึงมาเกี่ยว บอกตนโสดสนิทแต่ถ้ามีแฟนใหม่ก็พร้อมแยกบ้านทันที
เคยประกาศแถลงข่าวว่าเตียงยังไม่หัก แต่ที่ต้องเซ็นใบหย่า เนื่องจากผลทางธุรกิจเมื่อกลางปีที่แล้ว สำหรับคู่รักที่เคยหวานจนหลายคนอิจฉาอย่าง “แก้ว อภิรดี ภวภูตานนท์” และเจ้าพ่อเพลงหวาน “อ๊อด โอภาส ทศพร” ซึ่ง ณ ปัจจุบันทั้งคู่ยังใช้ชีวิตคู่อยู่บ้านเดียวกันแต่ด้านความสัมพันธ์ถึงขั้นแยกเตียงกันนอนหรือไม่ ?
พอเจอตัว “อ๊อด โอภาส” ที่อุตส่าห์หิ้วของมาให้อดีตภรรยากลางกองถ่ายละคร “เพียงผืนฟ้า” จึงเข้าไปสอบถามถึงข่าวต่างๆ นานา รวมถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าแท้จริงเป็นอย่างไรนั้น ซึ่งเขาเผยว่า....
“ยังไม่รีเทิร์นครับ เป็นเพื่อนกันอยู่คนละห้อง ก็รักนะแต่ว่าต่อไม่ติดแล้วละ ไม่รู้ซิ การไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้มากกว่าถึงจุดๆ นึงเป็นเพื่อนกันก็ดีกว่า เหมือนบางคนที่เขาอยู่มานานๆ ก็เหมือนเพื่อนกันไม่เหมือนหนุ่มสาวกันอยู่แล้ว พี่ก็อยู่เป็นเพื่อนกัน อยู่บ้านเดียวกันจริง แต่แยกกันอยู่ครับ อยู่คนละห้อง แยกกันขาดแต่ว่ามีอะไรก็ช่วยเหลือกันมีอะไรมากกว่าเพื่อนสนิทหน่อยนึง”
ถามถึงกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่ตกเป็นข่าวกิ๊กกับนักศึกษาสาวนั้น เจ้าพ่อเพลงหวานยันไม่มีแน่นอน เพราะไม่ชอบเอาใจเด็ก ส่วนหุ้นส่วนกับลูกชิ้นปลายันไม่มีอะไรในก่อไผ่ พร้อมย้ำสัมพันธ์กับอดีตเมียได้แค่เพื่อน
“ไม่มีครับ ไม่คบเด็ก คบเด็กๆ ต้องไปเอาใจเด็กไม่ใช่นิสัยพี่ ชีวิตไม่มีอิสระมานานแล้ว ตอนนี้มีอิสระก็ใจแตกบ้างเป็นบางครั้ง รู้สึกเราอยากสนุกบ้างเป็นบางครั้ง เด็กๆ ก็มีแต่ลูกครับ เด็กๆ คุยกันเข้าใจยากนิดนึง งอแงเอาแต่ใจตัวเองเหมือนลูกๆ พี่ไม่ชอบผู้หญิงสไตล์นั้น ชอบคนคุยรู้เรื่อง คุยกันง่ายๆ พี่แก้วก็คุยกับพี่รู้เรื่องนะ ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันรุนแรง”
“แต่เราเป็นเพื่อนดีกว่าครับ เขาแฮปปี้นะครับลูกๆ ที่อยู่ทุกวันนนี้ส่วนนึงต้องดูแลลูกๆ ด้วย เพราะว่าลูกๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ถ้าพ่อแม่เข้ากันไม่ได้แล้วเลิกกันไปดีกว่าทะเลาะกันแล้วมองหน้ากันไม่ติด ทุกวันนี้ก็คุยกันปกติสถานภาพต่างไป ลูกเข้าใจดี”
“ส่วนหุ้นส่วนลูกชิ้นอันนั้นเขาเป็นนักธุรกิจครับ อย่าไปโยงถึงเขาเลย เป็นเรื่องของอีกคนนึงไปพาดพิงอีกคนนึงเขาไม่ใช่คนในวงการเดี๋ยวเสียหายเดี๋ยวเขาเล่นงานผม”
ถามต่อพอมีข่าวกับผู้หญิง ดูเหมือนว่า ม่ายสาวจะแสดงทีท่าไม่ชอบ ถึงขั้นพูดว่า “ลองมีสิ ถ้ากล้า” “อ๊อด” แจงเรื่องดังกล่าวเธอไม่มีสิทธิ์จะยุ่งอีกต่อไปแล้ว ....“น่าจะมีบ้างเรื่องไม่ชอบไปคบผู้หญิง มีเพื่อนผู้หญิงเยอะน่าจะประมาณนั้น แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งอะไรกับผม เพราะตกลงกันแล้ว เพื่อนก็คือเพื่อน ก็ปกติไม่ค่อยมีเพื่อนเยอะ พอมีเพื่อนเขาก็รู้สึกระแวงบ้าง แต่จริงๆ เขาไม่มีสิทธิ์ระแวงผมจะมีใครก็ได้ไม่ใช่เรื่องผิด”
“และที่เขาบอกอย่างนั้นก็พูดแหย่ไปอย่างนั้นแหละ ถ้ามีแฟนใหม่คงไม่พาเข้ามาในบ้านหรอกครับก็เหมือนกับพี่แก้วแหละครับที่ตกลงกันไว้ จะมีก็มีได้ส่วนชอบไม่ชอบอีกเรื่องนึงแต่ว่ามีกันได้เพราะทุกอย่างเราขาดกันหมดแล้ว ทุกๆ เรื่องเลยครับขาดกันหมด ทรัพย์สิน เงินทอง ธุรกิจก็แยกกันผมยังไม่รู้เรื่องงานเขาเลย เขาก็ไม่รู้เรื่องงานผม”
เผยก่อนหน้านี้ มีการพยายามปรับความเข้าใจกันหลายครั้ง....“ก็มีการคุยกันหลายครั้งนะครับ แต่ว่ามันก็ไม่ได้นะครับ มันก็ตอบลำบากนะเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในกันจริงๆ เอาเป็นว่ามันต่อกันไม่ติดหรอกครับ เป็นเพื่อนกันโอเคถึงเป็นแฟนกันต้องทะเลาะกันแน่ต่อไป เป็นเพื่อนกันดีแล้วครับ”
ลั่นหากมีภรรยาใหม่แยกบ้านกันอยู่แน่นอน...“ถ้ามีแฟนคงไม่พาเข้ามาที่บ้านอย่างน้อยเรื่องความเหมาะสมอะไรต่างๆ มารยาทก็ไม่ถูกอยู่แล้ว เรามีเด็กๆ ต้องดูแล แล้วพวกลูกจะตอบเพื่อนเขายังไง เขาจะทำหน้ายังไง ถ้าพ่อแม่จะมีแฟนใหม่ควรเป็นเรื่องนอกบ้านไม่ใช่ในบ้าน อีกอย่างผมไม่ได้อยู่บ้านตลอดเวลา อยู่บ้านพ่อด้วย”
“แต่อาจไปๆ กลับๆ ยังไม่อยากมีด้วยครับ ตั้งแต่สมัยเรียนก็มีเพื่อนผู้หญิงเยอะ พอแต่งงานปุ๊บเพื่อนก็ไม่ค่อยมีเพราะพี่แก้วเขาไม่ค่อยชอบก็ไม่ค่อยได้คบแต่พอหลังจากหย่ากันเพื่อนผู้หญิงก็มาเยอะเหมือนเดิมแต่ไม่มีอะไร เราทำธุรกิจหลายอย่างต้องมีเพื่อนต้องมีสังคมเมื่อก่อนเป็นศิลปินอย่างเดียวไม่ต้องมีสังคมอะไรครับ ก็มีหน้าที่รู้จักคนในวงการทำงานไปเท่านั้น”
“ถามว่า วันข้างหน้าจะแต่งงานมั้ย คงไม่แต่งหรอกครับ ตอนนี้ไม่มีแฟนหรอกพูดตรงๆ นะแต่อนาคตไม่รู้แต่ว่ายังไงก็คงไม่แต่งงานคิดว่าชีวิตพี่คงแต่งงานแค่ครั้งเดียวพอแล้ว พี่แก้วก็คงคิดเหมือนผมที่คุยกันถ้าคิดมีแฟนก็มีไป แต่งงานเรื่องใหญ่ อยู่อย่างนี้ดีแล้ว ถ้าไม่รู้สึกไม่สบายก็ไปอยู่บ้านพ่อ เราก็ไปๆ มาๆ ไม่ได้ซื้อบ้านใหม่นะ”
“มีหลายคู่นะที่เป็นแบบนี้แต่เขาอาจไม่ใช่คนในวงการบันเทิง พี่ว่าถ้าอยู่บ้านเดียวกันคุยกันได้ ยังดูแลกับลูกๆ ได้น่าจะเป็นเรื่องที่ดีนะครับตอนนี้เราอยู่คนละห้อง คนละชั้นด้วย ก่อนเข้าห้องยังต้องเคาะประตูก่อนด้วยซ้ำว่าสามารถเข้าไปได้มั้ย เพราะเป็นเพื่อนกันก็ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง แล้วออกไปนั่งคุยกันข้างนอก”
ถามถึงเหตุผลว่าอะไรที่ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถต่อกันติดใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้อีกครั้ง ทั้งๆ ที่อยู่บ้านเดียวกัน บอกเป็นเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้
“คือ บางเรื่องอธิบายไม่ได้จริงๆ ยังไงก็ต่อไม่ติดแต่ในฐานะเพื่อนฝูงดูแลลูกๆ ก็โอเค มันมีหลายเรื่องที่พูดไม่ได้ต้องคุยกันเอง ต่อไม่ติดไม่เกี่ยวบุคคลที่สามเป็นเรื่องของใจมากกว่าที่ตกลงกันว่าเป็นอย่างนี้ ่ส่วนเรื่องบุคคลที่เท่าไรก็ว่ากันไป อะไรก็ตามบางเรื่องเขาไม่อยากเปิดเผยเขาก็ไม่อยากเปิดเผยเป็นเรื่องภายในจริงๆ เอาเป็นว่าผมไม่มีแฟนแล้วกัน พี่แก้วก็คงคล้ายๆ ผมเหมือนกัน”
