xs
xsm
sm
md
lg

Curiosity Kills the Cat : แมวมักจะตายเพราะความขี้สงสัย

เผยแพร่:   โดย: ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี


จางอี้ไป๋ เป็นผู้กำกับชาวจีนที่สร้างชื่อเกาะกลุ่มมากับคนทำหนังรุ่นใหม่จากแผ่นดินใหญ่อย่าง เจี่ยจางเค่อ (Unknown Pleasures), เจียงเหวิน (Devils on the Door Step), หลี่อวี้ (Lost in Beijing) และ หลูเหย่ (Suzhou River) ฯลฯ – คนหนุ่มที่ทำหนังในรูปแบบเฉพาะตัวอย่างชัดเจน และก้าวข้ามกำแพงหนาทึบที่ผู้กำกับจีนรุ่น จางอี้โหมว-เฉินไค่เก๋อ สร้างไว้อย่างงดงาม

สำหรังจางอี้ไป๋นั้น เขาเริ่มต้นจากการเป็นผู้กำกับละครโทรทัศน์และมิวสิควิดีโอ นักดูหนังบ้านเราอาจจะเคยชมผลงานของเขามาก่อน จากหนังสั้นตอนสุดท้ายในหนังเรื่อง About Love หรืองานเรื่องแรกที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จัก – Spring Subway

พิจารณาจาก About Love งานของจางอี้ไป๋ติดจะเชยที่สุดในแง่ของสไตล์ แต่สิ่งที่มาทดแทนได้สมน้ำสมเนื้อ คือ ความซับซ้อนของตัวละครและความเจ็บปวดซึ่งมาจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด

แม้จะเติบโตมาจากงานมิวสิควิดีโอ (ที่เรียกร้องความช่ำชองในการสร้างภาพ) แต่ความสนใจของจางอี้ไป๋กลับไปตกอยู่ที่พฤติกรรมของตัวละครเสียมากกว่า ใน Spring Subway – ที่ดูเหมือนจะเป็นหนังรักโรแมนติคธรรมดาๆ – จางอี้ไป๋ได้สอดแทรกสภาวะอันไม่มั่นคงทางจิตใจของตัวละครซึ่งเกิดจากความวุ่นวายในเมืองปักกิ่งยุคใหม่ – ได้อย่างแยบยล

Curiosity Kills the Cat งานที่ออกฉายในปี 2006 ของเขาก็ยังคงลักษณะเช่นนั้นไว้ มันเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น และชีวิตอันซับซ้อนในเมืองซึ่งเต็มไปด้วยตึกสูงใหญ่เบียดตัวกันแน่นขนัด

ฉากหลังคือเมืองฉงชิ่ง ในมณฑลเสฉวน – บ้านเกิดของตัวผู้กำกับเอง – เมืองที่มีแม่น้ำแยงซีไหลตัดผ่าน ขนาบท่าน้ำนั้นมีตึกสูงระฟ้าที่อยู่อาศัยของผู้มีอันจะกินหลังจากที่จีนทำการเปิดประเทศ และเศรษฐกิจก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

บทแรกของหนังเป็นเรื่องของ โมโม่ (หลินหยวน) เด็กสาวที่เปิดร้านอัดรูปอยู่ใต้คอนโดมีเนียมฉากหลักของเรื่อง โมโม่เป็นคนที่ชอบแอบดูโน่นนี่เป็นประจำ เวลาที่เธออยากจะมองอะไรสักอย่าง เธอจะมองมันผ่านกล้องในโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา

โมโม่ทำให้คนดูคิดว่าเธอจะต้องอยู่ในฐานะ “แมวขี้สงสัย” ที่สุดท้ายจะต้อง “ตาย” ตามที่ชื่อเรื่อง (ซึ่งมาจากคำพังเพยในภาษาอังกฤษ) ที่ว่า “ความสงสัยจะฆ่าแมว” เหตุการณ์ที่เธอได้รับรู้โดยนิสัยสอดรู้สอดเห็นคือ การมาใหม่ของหญิงสาวที่ชื่อ หลิน (ซงเจี้ย) ทำให้เกิดรอยร้าวสองสามีภรรยาตระกูลเจิ้ง

หลินและนาย เจิ้งจง (หูจุน) ลักลอบมีความสัมพันธ์กันแน่นอน โมโม่มีหลักฐานซึ่งเป็นภาพถ่ายระหว่างที่ทั้งคู่นัดพบกัน แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังไม่กล้าพอที่จะเป็นคนเปิดเผยความลับนี้

บทต่อไปหนังค่อยๆ เผยรายละเอียดที่ว่าทำไมหลินและเจิ้งจงถึงได้รู้จักกัน หญิงสาวเปิดร้านเสริมสวยเล็กๆ แห่งหนึ่งและฝ่ายชายเข้าไปใช้บริการ ก่อนที่ความสัมพันธ์จะรุดหน้าอย่างรวดเร็ว จากลูกค้าไปเป็นคู่รัก

เจิ้งจงมีปมในใจสำคัญอยู่ที่เขาเป็นคนยากจน แต่มาได้ดีเพราะเมียและพ่อตาอุปถัมภ์ เขาเป็นคนที่เหมาะกับหลินมา เพราะนอกเหนือจากการมาจากชนชั้นเดียวกันแล้ว – ยังเป็นคนอารมณ์ร้อนด้วยกันทั้งคู่ และแล้วก็มาถึงจุดที่เจิ้งจงไม่อยากคบกันหลินอีก เขาให้เงินตั้งตัวกับเธอก้อนหนึ่ง และขอร้องให้เธอหายไปจากชีวิตของเขา

ไม่นานนัก หลินปรากฏตัวเป็นผู้เช่ารายใหม่ของคอนโดฯ เธอเปิดร้านทำเล็บไว้บังหน้า เพื่อหวังกลับมาทวงความรักจากเจิ้งจง โดยมีโมโม่คอยสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด

ตัวละครสำคัญอีก 2 รายที่เข้ามามีส่วนสำคัญในปมครั้งนี้คือ รปภ.หนุ่ม (เหลียวฝ่าน) ที่ชอบมองความเป็นไปอย่างเงียบๆ และเหมือนจะเก็บงำความลับบางอย่างไว้ อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นหัวใจของเรื่องทั้งหมด คือ คุณนายเจิ้ง (หลิวเจียหลิง) ภรรยาที่ไม่เคยระแคะระคายว่าสามีจะมีชู้

ท่ามกลางบรรยากาศนิ่งๆ ที่เหมือนมีคลื่นใต้น้ำ เริ่มกระเพื่อมขึ้นเมื่อคุณนายเจิ้งถูกปองร้ายจากบุคคลลึกลับ รถเบนซ์สปอร์ตคันงามของเธอโดนกรีด และอาบด้วยน้ำสีแดงเหมือนเลือด เริ่มจากครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง และครั้งถัดๆ มา จนกระทั่งเป้าหมายและตัวการค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น

พล็อตเมียหลวง-เมียน้อยที่คนดูบ้านเราเห็นมาจนชินตา ถูกจางอี้ไป๋คลุกเคล้าใหม่ด้วย 2 วิธีการด้วยกัน เขาใส่ปริศนาบางอย่างไว้เฉลยในตอนจบ (แม้ความลับที่ว่านั้นจะไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดเดาก็ตาม) ประการต่อมาที่น่าสนใจกว่านั้น คือการพยายามทำให้ตัวละครที่ดูน้ำเน่ามากๆ ดูมีชีวิตจริงๆ ด้วยการไม่ปรุงแต่งอะไรที่ดูเกินเลย

ความเจ็บปวดและคั่งแค้นในใจของตัวละครทุกตัวถูกนำเสนออย่างสมจริง หลิน - หญิงสาวที่เป็นเหมือนตัวอิจฉาของเรื่องได้บอกว่า ผู้ชายดีๆ หาได้ไม่ง่ายนัก เมื่อเธอเจอคนที่ใช่ เธอก็แค่อยากอยู่กับเขาให้นานที่สุด

บุคลิกของหลินถูกบอกเล่าผ่านโซฟาสีแดงทรงน่าเกลียดที่ติดตัวเธอไปทุกที่ คนดูรู้สึกว่ารูปร่างมันแปลกเกินกว่าจะชวนมอง แต่หลินก็ชอบในแบบของเธอ เธอเอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีซื้อโซฟาตัวที่ว่านี้อย่างไม่ลังเล “ฉันก็แค่อยากมีอะไรเป็นของฉันเองบ้าง อะไรก็ได้ที่ฉันชอบ ฉันยอมแลกทุกอย่าง”

คุณนายเจิ้ง (ชื่อในคำบรรยายภาษาอังกฤษคือ Rose) ชอบปลูกดอกกุหลาบ เธอเล่าว่าเธอไม่ได้ชอบการปลูกต้นไม้เลยสักนิด แต่เธอชอบในความงามของกุหลาบและพยายามศึกษาทุกองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับมัน ทุกครั้งที่คุณนายเจิ้งปรากฏตัว เธอจะอยู่ในชุดขาวดูบริสุทธิ์ เมื่อเธอถูกคุกคาม คนดูจึงรู้สึกสงสารและเอาใจช่วยเธออย่างเต็มที่

การปลูกกุหลาบอาจมาจากความชอบส่วนหนึ่ง และอีกส่วนอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เธอกับสามีมีชีวิตคู่ที่ราบรื่นแต่ก็ราบเรียบเกินไป กุหลาบเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวของเธอ มากกว่าสามี และมากกว่าลูก

รปภ.หนุ่มเฟินโต๋ว อายุเพียง 25 ปีเท่านั้น เขาเองก็เหงาและโหยหาอะไรบางอย่างไม่ต่างจากคนอื่นๆ เขาเฝ้ามองห้องพักชั้นบนสุดอยู่ทุกวัน วันละหลายชั่วโมง เมื่อโมโม่ถามว่าเขาเคยขึ้นไปบนนั้นหรือไม่ เขาตอบว่า เคยขึ้นไปตอนที่ต้องช่วยขนของเท่านั้น “รปภ.ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปหรอก มันไม่เหมาะกับคนอย่างพวกเรา”

แต่ละคนเสพติดกันคนละอย่าง โดยที่ไม่สามารถประคับประคองความสัมพันธ์กับคนข้างๆ ได้ตลอดรอดฝั่ง

Curiosity Kills the Cat ของจางอี้ไป๋เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำหนังคุณภาพโดยไม่ต้องไปให้ความสำคัญกับพล็อตเรื่องหรือคอนเซปต์ที่หวือหวานัก การทำหนังที่มีเนื้อเรื่องเดิมๆ เชยๆ นั้นไม่ผิดอะไรเลย ถ้าสามารถทำให้มันหนักแน่น มีชั้นเชิงและเต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ



กำลังโหลดความคิดเห็น