xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำโสมแดงแหกกฏแอบชอบ "ลี ยอง เอ" ดาราสาวแดนโสมขาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดูเหมือนว่าตอนนี้บุคคลผู้เป็นที่กล่าวขานมากที่สุดเวลานี้ต้องยกให้"คิม จอง อิล" ผู้นำเกาหลีเหนือที่ข่าวคราวการพบกันของ 2 ผู้นำเกาหลีทั้งเหนือและใต้เกี่ยวกับการประชุมหารือร่วมกันทางเศรษฐกิจของ 2 ผู้นำแดนโสมเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลก แต่เรื่องนี้คงไม่น่าพูดถึงเท่าไหร่ในส่วนของบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ หากแต่รู้หรือไม่ว่า"คิม จอง อิล" ผู้นำเกาหลีเหนือนั้นเป็นปลื้มเอามากๆกับดาราสาวเกาหลีใต้อย่าง "ลี ยอง เอ" และของกำนัลที่ผู้นำฝั่งโสมขาวนำไปฝากผู้นำฝั่งโสมแดงนั้นล้วนเกี่ยวกับแม่นางจังกึมทั้งสิ้น!

"ผู้นำคิม ชอบดูรายการทีวีเกาหลีใต้มากๆ และดาราในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ท่านผู้นำชอบลี ยอง เอ มากที่สุด ดีวีดีหนังและละครซีรีย์ของเกาหลีใต้ รวมทั้งทุกอย่างที่เกี่ยวกับลี ยอง เอ เป็นหนึ่งในของขวัญระดับสุดยอดที่จะมีการส่งมอบให้ผู้นำเกาหลีเหนือด้วย" เจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้ผู้ไม่ประสงค์จะออกนามได้อ้างถึงผู้นำโสมแดงผ่านทางจูงอัง เดลี

ลี ยอง เอ นักแสดงสาววัย 36 ปี มีแฟนๆชื่นชมเธออยู่ทั่วเอเชียเมื่อครั้งที่เธอรับบทเป็น แด จัง กึม ละครทีวีที่เป็นจุดกำเนิดกระแสละครแนวพีเรียดของเกาหลีรวมถึงวัฒนธรรมที่ถูกสอดแทรกอยู่ในเนื้อหาให้แพร่ระบาดไปทั่วเอเชีย กลายเป็นกระแสเกาหลีฟีเวอร์และเป็นตำนานของวัฒนธรรมป็อปในขณะนี้

เจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้ยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า นอกเหนือจากดีวีดีหนังและละครแล้ว ทางเกาหลีใต้ยังส่งมอบชุดเครื่องเสียงระบบโฮมเธียเตอร์รวมถึงเครื่องเล่นดีวีดีให้เป็นของขวัญแก่ท่านผู้นำคิม ผู้คลั่งไคล้ภาพยนตร์เป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งเขาต้องพบกับประธานาธิบดี โนห์ มู เฮียน จากเกาหลีใต้ที่มีกำหนดการข้ามเส้นเหลืองเข้าสู่โสมแดง และมุ่งตรงสู่เมืองเปียงยางวันที่ 2 - 4 ต.ค.นี้

คิม จอง อิล เคยถูกขนานนามว่าเป็นผู้ที่มีภาพยนตร์ต่างประเทศมากกว่า 20,000 เรื่องสะสมเก็บไว้เป็นคอลเล็คชั่นอยู่ในห้องสมุดส่วนตัว และตามรายงานยังกล่าวอีกว่าเขาเคยสร้างหนังของเขาเองหลายต่อหลายครั้งแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาพรรณนายกย่องวีรบุรุษผู้นำการปฏิวัติ

ความคลั่งไคล้ของเขากับการพัฒนาวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในเกาหลีเหนือเป็นเรื่องใหญ่เมื่อปี 1978 ที่ตามรายงานระบุว่าเขามีคำสั่งให้ตัวแทนจากเกาหลีเหนือลักพาตัวผู้กำกับภาพยนตร์ชาวเกาหลีใต้อย่าง ชิน ซาง อ็อก และเช อึน ฮุย นักแสดงสาวภรรยาของเขามาที่เกาหลีเหนือ

ทั้งคู่อาศัยอยู่ในแดนคอมมิวนิสต์เป็นเวลานานกว่า 8 ปี เพื่อสร้างภาพยนตร์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และในที่สุดปี 1986 ทั้งคู่ก็ได้หลบหนีออกมาและเขียนบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานชะตากรรมการใช้ชีวิตที่เขาต้องเผชิญในแดนโสมแดงออกเผยแพร่ไปทั่ว

และในเดือนก.ค. เกาหลีเหนือก็ได้มีคำสั่งออกมาให้ปิดสถานบริการคาราโอเกะ , ห้องเกมส์ออนไลน์ , โรงฉายภาพยนตร์และอินเตอร์เนตคาเฟ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการทำสงครามต่อสู้กับกระแสนิยมเกาหลีใต้ที่แพร่ระบาดไปทั่วเอเชียในขณะนี้

ผู้อพยพลี้ภัยกล่าวว่า เพลงป็อปจากเกาหลีใต้และภาพยนตร์เป็นที่นิยมอย่างมากในเกาหลีเหนือประเทศคอมมิวนิสต์ที่แยกตัวโดดเดี่ยว และยังมีการรณรงค์อย่างหนักให้ประชาชนถอนตัวออกจากประเทศที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมสื่อภายใต้ข้อคิดเห็นที่ว่า "เป็นวัฒนธรรมและแบบอย่างอันเสื่อมทรามจากต่างชาติ" ( แต่เหตุใดท่านผู้นำถึงดูเสียเองทั้งที่ประชาชนคนอื่นห้ามดู )

ตามรายงานยังระบุอีกด้วยว่า วิดีโอเทปและซีดีภาพยนตร์รวมทั้งเพลงและละครทีวีของเกาหลีใต้ ตอนนี้ได้แพร่ระบาดเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนแผ่นดินใหญ่แล้วด้วยเช่นกัน
 
อย่างไรก็ตามการพบกันของ 2 ผู้นำแดนโสมเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะขจัดสิ่งขวางกั้นและความบาดหมางต่างๆระหว่าง 2 ดินแดนเชื้อชาติเดียวกัน ให้กลับมาเป็นพันธมิตรที่ดี มีความสมานฉันทน์ร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว


กำลังโหลดความคิดเห็น