โดย อดิศร สุขสมอรรถ
ทุกครั้งที่เราเข้าโรงไปดูหนังของเหล่ายอดมนุษย์ เราจะนั่งดูวีรกรรมในการต่อสู้กับเหล่าอธรรมด้วยพลังอำนาจเหนือมนุษย์ของพวกเขาอย่างสบายใจ ไม่มีการเอากันถึงตาย (ถึงมีคุณก็แทบจะไม่เห็น) และสุดท้ายทุกอย่างก็จะเข้าข้างฝ่ายถูกต้องเสมอ
แต่พอคุณเดินออกมาจากโรง สิ่งที่ผู้สร้างสมมติเอาไว้ก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง และสิ่งที่ย้ำเตือนคุณของโลกที่เราอาศัยอยู่คงไม่มีอะไรจะชัดเจนไปกว่าข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์หัวสีในแต่ละวัน ที่ๆ ความอยุติธรรมป้ายสีโลกใบนี้ด้วยความรุนแรง
ที่ๆ จะพิสูจน์ความจริงเหล่านี้ คงไม่มีที่ไหนจะชัดเจนไปกว่าสถานการณ์ไฟใต้ในบ้านเรา ที่ๆ คนที่ดูข่าวการเสียชีวิตของเหยื่อรายที่ 139 อาจจะกลายเป็นเหยื่อรายที่ 771 อย่างไม่ตั้งตัว และหวังเหลือเกินว่าผู้ที่ดูข่าวความรุนแรงของที่นั่นในวันนี้ จะไม่กลายเป็นข่าวเสียเองในวันถัดไป
และกว่าเหตุการณ์ที่นั่นจะสงบ ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่ร้อยกี่พันครอบครัวต้องมารับกรรมกับสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ก่อ จากภัยมืดที่มองไม่เห็น ที่พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลยแม้ถ้ามันจะเกิดขึ้นกับพวกเขาไปแล้วก็ตาม
แล้วก็มีหนังอยู่เรื่องหนึ่งที่ตัวละครในเรื่องได้พยายามทำในสิ่งที่ผู้ที่เคยเผชิญกับความสูญเสียจากความรุนแรงทั้งหลายได้แต่ฝันอยากจะทำ
**********************
The Brave One หัวใจเธอต้องกล้า
The Brave One เป็นเรื่องราวของนักจัดรายการวิทยุแห่งนิวยอร์ค เอริกา เบน มีชีวิตที่เรียบง่ายและมีคู่หมั้นที่เธอกำลังจะแต่งงาน ทุกอย่างถูกพรากไปเมื่อโดนทำร้ายอย่างรุนแรงจนทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสและคู่หมั้นของเธอต้องเสียชีวิต เธอไม่สามารถก้าวข้ามความโศกสลด เธอเที่ยวออกด้อมๆ มองๆ ตามถนนหนทางในเมืองยามค่ำคืน เพื่อล่าตัวพวกที่เธอคิดว่าต้องรับผิดชอบ การไล่ตามหาความยุติธรรมในด้านมืดของเธอทำให้ผู้คนหันมาสนใจ และทั้งเมืองพากันจับตาดูการกระทำกล้าหาญแบบนิรนามของเธอ แต่สำนักงานตำรวจนิวยอร์คพยายามอย่างเต็มกำลังที่จะหาตัวคนผิด และเมอร์เซอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ทรหด ที่แกะรอยเธออย่างกระชั้นชิด เธอจะต้องตัดสินใจว่าการตามล้างแค้นคือเส้นทางที่ถูกต้อง หรือเธอกำลังจะกลายเป็นเช่นเดียวกับสิ่งที่เธอพยายามจะหยุดยั้ง
The Brave One เป็นผลงานกำกับของ นีล จอร์แดน ผู้กำกับชาวไอริชที่มีผลงานโด่งดังมาตั้งแต่ปลายยุค 80 ถึง 90 ทั้ง We're No Angels, The Crying Game, Interview with the Vampire, The Butcher Boy
แต่ผู้ที่สร้างความโดดเด่นให้กับเรื่องนี้คงต้องยกให้กับดารานำสาวมากฝีมือของวงการอย่าง โจดี ฟอสเตอร์ ในการกลับมารับบทที่เหมาะกับตัวเธอมากๆ อีกครั้งหนึ่ง
หนังจากเปิดตัวในหนังเด็กอย่าง Bugsy Malone ไม่นาน เธอก็ช็อคแฟนๆ ด้วยบทสุดเข้มข้นในการเป็น ไอริส โสเภณีเด็กในหนังสุดฮิตปี 1974 Taxi Driver จนถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ตั้งแต่อายุยังน้อย จนมาประสบความสำเร็จเอาในปี 1988 จากบท ซาราห์ โทเบียส หญิงสาวที่เรียกหาศักดิ์ศรีและความยุติธรรมเมื่อเธอถูกรุมโทรมอย่างป่าเถื่อนใน The Accused ที่เธอคว้ารางวัลออสการ์ในฐานะนักแสดงนำหญิงไปครอง และไม่ต้องรอนานเหมือนการเข้าชิงครั้งแรก เพราะกลับมาคว้ารางวัลเดียวกันนี้อีกเป็นครั้งที่ 2 ใน The Silence of the Lambs ผลงานที่อาจเรียกได้ว่ามีแฟนๆ จำเธอได้มากที่สุด ในบท แคลรีส สตาร์ลิง นักสืบสาวที่ต้องมารับงานสืบคดีฆาตกรรมสยองขวัญ ที่เธอสลัดคราบเด็กสาวพังค์ร็อคจาก The Accused กลายเป็นนักสืบผมสีเข้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในเรื่องนี้ได้อย่างน่าชื่นชม ทุกอย่างเมื่อรวมกับพลังการแสดงของเธอเองมากพอที่จะทำให้ความพยายามที่จะสานต่อบทเดียวกันของนักแสดงมากความสามารถอีกรายอย่าง จูลิแอน มัวร์ ใน Hannibal เกือบจะไร้ความหมายไปเลย
โดยเฉพาะถ้าพูดถึงบทที่สะท้อนอารมณ์อันบีบคั้นหรือฉากการระเบิดอารมณ์เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมนั้น โจดี ฟอสเตอร์ ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
ในผลงานเรื่องใหม่อย่าง The Brave One ก็ถือว่ามีส่วนคล้ายคลึงกับผลงานที่สร้างชื่อให้เธอในอดีตอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ใน Taxi Driver เธอได้รับการช่วยเหลือจากคนขับแท็กซี่ผู้ทรงคุณธรรมที่ทำเรื่องทุกอย่างลงไปเพราะผลกระทบจากสังคมโดยรวม แต่เรื่องนี้โจดีถูกกระตุ้นจากปัญหาส่วนตัว และขณะที่ใน The Accused เธอเรียกหาความยุติธรรมโดยมีฝ่ายรักษาสันติราชอย่างอัยการสาวค่อยช่วยเหลืออยู่เสมอ ในเรื่องนี้เธอออกตามหาสิ่งเหล่านั้นเพียงลำพัง ด้วยปืนกระบอกเดียวของเธอ
หนังในสไตล์ศาลเตี้ยเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมอยู่คู่กับวงการภาพยนตร์โลกมานาน นับตั้งแต่ Seven Samurai จนถึง The Unforgiven แต่มีไม่กี่เรื่องที่นำเอาประเด็นเรื่องสิทธิ์อันชอบทำในการสร้างความยุติธรรมด้วยวิธีดังกล่าวมาตีแผ่อย่างชัดเจน ซึ่งมันเป็นหนึ่งในประเด็นที่สร้างข้อถกเถียงมากที่สุดทุกครั้งที่สื่อนำเสนอข่าวที่ระบบยุติธรรมไม่สามารถนำมาซึ่งสิ่งเหล่านั้นได้ ในเรื่องเราจะเห็นฉากที่นางเอกของเรื่องที่รับหน้าที่เป็นนักจัดรายการวิทยุนำประเด็นดังกล่าวมาเปิดสายให้แฟนรายการแสดงความคิดเห็น ซึ่งต่างก็แสดงทัศนะกันไปคนละทิศละทาง ไม่ต่างจากความเห็นที่มีต่อบทบาทของ คิระ ใน Death Note แม้แต่น้อย
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจาก เอริกา เบน ได้พบกับปืนกระบอกนั้นของเธอ เรียกได้ว่ามี "ชะตากรรม" เข้ามาเกี่ยวข้องสูงมาก เช่นเดียวกับชะตากรรมที่เธอถูกทาบให้มาพบกับสุดยอดนักสืบตงฉินอย่าง เมอร์เซอร์ (เทอเรนซ์ โฮเวิร์ด) ตัวละครทั้งสองที่กำลังมองหาอะไรที่คล้ายๆ กันอยู่ การดำเนินเรื่องของทั้งสองตั้งแต่ตอนกลางถึงท้ายเรื่องเป็นพลังที่หนังเรื่องนี้ส่งผ่านไปยังผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม
**********************
ขณะที่ข่าวอาชญากรรมในมุมมองของหลายคนๆ มักจะคิดว่าเป็นข่าวที่ไร้คุณค่า ในฐานะทรัพยากรที่กลั่นกรองออกมาง่ายๆ ต่างจากข่าวเศรษฐกิจ, การเมือง, วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แต่สำหรับชาวบ้านเดินดินที่ยังต้องให้ "การเดินถนน" ในชีวิตประจำวันอย่างเลี่ยงไม่ได้ รายงานเหล่านี้เป็นเหมือนเสียงเตือนถึงระดับความปลอดภัยในชีวิตของพวกเขา โดยเฉพาะผู้ที่มีคนในปกครองให้ระวังถึงภัยที่มักจะมาถึงตัวเราในทุกรูปแบบขณะที่เราไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว
เป็นที่ทราบกันดีว่า หากปราศจาก "สถานการณ์" แล้ว ความเป็น "วีรบุรุษ" ก็คงจะเกิดขึ้นไม่ได้ แต่บ่อยครั้งที่วีรบุรุษก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่าการเป็นผู้กู้ศพ หรือ ทำสิ่งที่ช่วยปลอบใจเราเท่านั้น
จึงทำให้นึกว่า การที่เรายังใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขทั้งๆ ที่สังคมแวดล้อมยังเต็มไปด้วยภัยอันตรายที่ยังไม่มีทีท่าจะเบาบางลง เสียงเตือนเล็กๆ จากใครหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เราไม่ต้องเอาตัวไปอยู่ใน "สถานการณ์" ที่นำมาซึ่งความสูญเสียเหล่านั้น เราสมควรที่จะยกมองสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนกับ "วีรบุรุษ" ที่แท้จริงด้วยเช่นกัน