"เพราะชีวิตคือสิ่งที่จะต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่สามารถที่จะย้อนกลับหลังได้" ประโยคเกือบคมถูกเปรยขึ้นโดยผู้เล่าเรื่อง ในจังหวะเวลาที่ตัวภาพยนตร์กำลังแล่นไหลไปบนเส้นคอมเมดี้
อาจมีบางจังหวะที่ดูเหมือนพยายามฝืนเลี้ยวเข้าหาดราม่า หรือหักเปลี่ยนเส้นทางไปโรแมนติก แต่ท้ายที่สุดแล้วแกนแก่นของ "สายลับ จับบ้านเล็ก" ก็คือหนังตลกเบาสมอง ที่พราวไปด้วยมุกทุกรูปแบบ หลากระดับ
ตั้งแต่พื้นฐานทั่วไป จนถึงเสียดสีประชดประชันชนิดที่ผู้มีข้อมูลเท่านั้น จึงจะสามารถหัวเราะออกมาได้อย่างสนุกสนาน
หนังเปิดปูด้วยเสียงพรรณนาของผู้เล่าเรื่อง ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ทำให้ตัวภาพยนตร์ดำเนินไปได้ง่ายและเรียบเรื่อยที่สุด ข้อดีอีกประการของการเล่าที่มาที่ไปด้วยเสียงบรรยายในภาพยนตร์คือ ทำให้หนังเรื่องนั้นๆ ใช้เวลาในการปูพื้นที่เกริ่นเรื่องราวน้อยลง เรียกว่า ทำให้เหลือเนื้อที่สำหรับปล่อยของกันอย่างเต็มๆ
ด้วยวิธีการเล่าเรื่องดังกล่าว หากแก่นของหนังเรื่องนั้นๆ เป็นแอ็คชั่น ของที่ปล่อยก็คือฉากต่อสู้,ลุ้นระทึก และเกลื่อนกลาดไปด้วยเสียงปืน เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาท แต่ถ้าเป็นหนังคอมเมดี้ ก็จะมีช่วงเวลามากมายในการเปิด ชงและตบมุกทั้งหลาย รวมไปถึงการเชื่อมร้อยมุกตลกต่างๆ ให้เนียนนุ่มต่อเนื่องยิ่งขึ้น
และก็ดูเหมือนภาพยนตร์เต็มตัวเรื่องที่ 3 ต่อจากเพื่อนสนิทและหนูหิ่น เดอะ มูฟวี่ ของผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรง "เอส-คมกฤษ ตรีวิมล" (ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 คนที่มีสร้อยต่อท้ายชื่อว่า หนี่งในผู้กำกับแฟนฉัน) อย่าง "สายลับจับบ้านเล็ก" ภาพยนตร์คอมมาดี้โรแมนติก ที่มีแว่วประกายมาจากผู้ใหญ่ของค่าย GTH คนหนึ่ง ซึ่งทำการริเริ่ม แล้วส่งมอบพล็อตหลวมๆ ให้เอสสานต่อร่วมกับเพื่อนซี้ชื่อ "ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม" จนสำเร็จมาในรูปของบทภาพยนตร์
ด้วยบุคลิกกับนิสัยส่วนตัวของเอสและปิ๊งทำให้ "สายลับจับบ้านเล็ก"มีความลงตัวในส่วนของมุกตลกและจังหวะการเดินเรื่องโดยรวม เรื่องเริ่มต้นที่ผู้เล่าเรื่องบอกบรรยายเกี่ยวกับชีวิตซึ่งเกือบจะธรรมดาของ "จ๊อก"(ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ในการหยิบจับข้าวของเครื่องใช้มาประดิษฐ์ประดอย จนกลายเป็นอุปกรณ์แปลกใหม่ แต่ความอุตริส่วนตัวก็ส่งให้เขาต้องประสบปัญหาขาดทุนล้มละลายจากการประกอบธุรกิจร้านหมูกระทะ
หลังจากเงินซึ่งกู้มาลงทุนได้อันตรธานไปสิ้น จ๊อกก็บังเอิญไปพบหนังสือคู่มือนักสืบกับป้ายประกาศรับสมัครนักสืบในเวลาไล่เลี่ยกัน ด้วยความจนตรอก ทำให้จ๊อกตัดสินใจเบี่ยงเดินเข้าสู่ถนนของนักสืบ
นักสืบบ้านเล็ก หรือ นักสืบที่ตามสะกดรอยพฤติกรรมของคนที่มีชู้เพื่อหาหลักฐานให้แก่ผู้ว่าจ้าง เป็นภารกิจที่นักสืบมือใหม่อย่างจ็อกเลือก ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนให้คนอื่นรู้ได้ เขาจึงเปิดร้านรับซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ขึ้นบังหน้า โดยมี "แจ๊ค"(แจ๊ค เฉลิมพล หรือ แจ๊ค แฟนฉัน) หนุ่มรุ่นน้องร้านซ่อมมอเตอร์ไซต์ที่ยึดจ๊อกเปรียบเสมือนไอดอลในใจ กับ "ฤทัย"(โอปอล์ ปณิสรา) สาวคาราโอเกะข้างบ้านซึ่งแอบชอบจ๊อก คอยติดตามช่วยเหลือ
หลังจากที่ภารกิจในแต่ละวันของเขาดำเนินไปได้ด้วยดี วันหนึ่ง จ๊อกได้รับมอบหมายจาก "เสาวภา"(จารุภัส ปัทมศิริ)ให้ตามสืบหาชู้รักของ "สารวัตรวศิน"(ปั๋ง-ประกาศิต โบสุวรรณ) สามี และจากงานครั้งนั้น ก็ทำให้จ็อกได้พบ "น้ำปั่น"(พีค-ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ) สาวบ้านเล็กของสารวัตรวศิน จ็อกหลงรักน้ำปั่นตั้งแต่แรกพบ และนั่นก็นำไปสู่เรื่องราวยุ่งๆ เพราะกฎข้อหนึ่งของการเป็นสายลับได้ระบุเอาไว้ว่า "ห้ามหลงรักเป้าหมายเด็ดขาด"
ตัวเรื่องของสายลับจับบ้านเล็ก ดำเนินไปตามสูตรลักษณะภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่น ประเภทที่มีตัวเอกซึ่งไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว จัดเป็นพวก Looser ที่มีความเป็น Genius เจืออยู่นิดๆ เพราะโดยพื้นฐานตัวละครอย่าง จ๊อกมีความเป็นพวกขี้แพ้อยู่ในตัวเกินครึ่ง แต่ก็มีการอุดถมช่องโหว่ให้ตื้นเต็ม ด้วยการเพิ่มศักยภาพด้านอื่นให้เขา ในที่นี้ คือ พรสวรรค์ในเรื่องของการเป็นนักประดิษฐ์นั่นเอง
ส่วนกลุ่มเพื่อนร่วมขบวนการนักสืบ ต่างก็เป็นตัวละครที่มีบุคลิกตายตัวตามพล็อตดาษดื่นของการ์ตูนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น แจ๊ค เด็กร่างยักษ์ที่เทิดทูนจ็อกเป็นดังหัวหน้าเผ่า เขามีความใฝ่ฝันว่าสักวันจะต้องก้าวขึ้นมาเป็นอย่างจ็อกให้ได้ และด้วยบุคลิกที่ไม่ไกลจากตัวจริงมากนัก ทำให้ตัวละครแจ๊ค ที่แจ๊คสวมทับ มีมิติและเรียกเสียงหัวเราะได้ทุกครั้งที่โผล่หน้าอยู่บนฉาก
ฤทัย สาวบ้านใกล้เรือนเคียง ที่แอบปลื้มจ็อกมาโดยตลอด เธอมักจะทำอะไรให้กับจ็อกเสมอ ด้วยคาแรกเตอร์ร่างโคลนนิ่งนักร้องดัง และบุคลิกที่ไม่หนีพ้นจากตัวโอปอล์มากนัก ทำให้บทฤทัย ถูกขับแล่นออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีตัวละครที่เป็นสัตว์อย่าง เจมส์บอน สุนัขพันธ์ชิวาวา ที่ฉลาดเป็นกรด ทั้งหลายทั้งปวง ดูจะเป็นสูตรสำเร็จของพล็อตเรื่องการ์ตูนขบวนการนักสืบ หรือกลุ่มทีมอะไรสักอย่างมาโดยตลอด
จากการลงมือเขียนบทส่วนหนึ่งด้วยตัวเองของผู้กำกับอย่าง เอส ทำให้สายลับจับบ้านเล็กมีจังหวะในการปล่อยมุกตลกที่ลื่นไหลต่อเนื่อง การเชื่อมมุกแต่ละส่วนเข้าด้วยกันทำได้ดี อีกทั้งมุกตลกทั้งหลายที่เกลื่อนล้นอยู่ในหนัง ก็มีทุกระดับ ไล่ตั้งแต่มุกคาเฟ่ถึงตลกหน้าม่าน โดยเฉพาะ มุกตลกจำพวกเสียดสี ประชด จิกกัด ซึ่งพบได้เกือบจะตลอดทั้งเรื่อง
ตัวละครที่ถือว่า ขโมยซีนที่สุด คือกลุ่มสามโหดนักทวงหนี้ ที่คอยตามจองล้างจองผลาญพระเอก อันประกอบไปด้วย ปิ๊ง(ที่เรารู้จักกันดีในนาม ปิ๊ง หมากเตะ ผู้ร่วมเขียนบทกับเอสนั่นเอง),ต่อ และตี๊ (เพื่อนสองคนที่ปิ๊งคัดเลือกมาร่วมแสดงด้วยตัวเอง) ด้วยคาแรกเตอร์ของทั้งสาม จะมีความหลุดไปจากโลกมนุษย์ใกล้เคียงความเป็นการ์ตูนมากที่สุด ซึ่งด้วยความสนิทส่วนตัวและการสอดใส่บทยิบย่อยด้วยตัวเองนี้เอง ที่ส่งให้ทุกฉากที่สามโหดปรากฏตัวครื้นเครงและเฮฮา
ผู้กำกับ เอส ใช้จังหวะการเล่าเรื่อง และจังหวะการปล่อยมุกตามสไตล์ถนัดส่วนตัว ซึ่งก็สามารถทำได้ลื่นไหลต่อเนื่อง มุกหยิกกัดที่เอสบรรจงกัดทั้งหนังของตัวเองและเรื่องทั่วไปพบเห็นได้อย่างต่อเนื่อง มุกสดมีให้เห็นประปราย
สำหรับเนื้อเรื่องยังอ่อนด้อยในส่วนของเหตุผลที่มารองรับการกระทำ เพราะหากหนังจะทำให้ผู้ชมรู้สึกว่า เป็นหนังล้อเลียน ปล่อยมุก หลุดโลก ก็ควรจะทำให้เกิดรู้สึกว่ายืนอยู่ฝั่งด้านการ์ตูนไปอย่างสุดโต่งกว่านี้ แต่กลิ่นอายที่ "สายลับจับบ้านเล็ก" ส่งมานั้น ยังคงมีการยึดบุคลิกคนปกติในบทของตัวเอกทั้งสอง จึงทำให้เหตุผลหลายประการของเนื้อเรื่อง เช่น เหตุผลที่จ๊อกตัดสินใจเลือกงานนักสืบ หรือสาเหตุที่น้ำปั่นหันมาเป็นบ้านเล็ก หรือกระทั่งเหตุผลที่น้ำปั่นเลือกที่จะมาช่วยพระเอกนั้น ดูล่องลอยไป
ในส่วนของความเป็นดราม่า หรือโรแมนติกยังดูเป็นการพยายามฝืนดันไปให้ถึง ส่วนหนึ่งอาจมาจากการแสดงของพีค ภัทรศยา ที่ยังทำได้ไม่ถึงขั้น ประกอบกับตัวบทที่ยังด้อยอ่อนในเรื่องเหตุผลดังกล่าว จึงอาจทำให้คนดูไม่เชื่อว่า วินาทีที่น้ำตาของน้ำปั่นกำลังรินไหล หรือจังหวะที่จ๊อกสบตาอย่างลึกซึ้งกับน้ำปั่น ตัวละครอย่างเธอจะรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
แต่ต้องยอมรับว่า พีคมีเซ็กแอพพีลในปริมาณที่มากพอที่จะมารับบท น้ำปั่น ซึ่งจุดบกพร่องที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากความเป็นมือใหม่ของพีคเอง(พีคแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องแรก) และอีกส่วนก็มาจากตัวบทที่ไม่ได้มีมิติลงลึกในรายละเอียดของการรองรับการกระทำของทั้งตัวน้ำปั่นและคนรอบข้าง
ต่างไปจาก จ๊อก ที่รับบทโดยซันนี่ ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์ที่เขาแสดงบทนำเต็มตัวเป็นเรื่องที่สอง และจากการที่ได้มาร่วมงานกับผู้กำกับคู่บุญอย่างเอสด้วยแล้ว ซึ่งเอสก็ได้ดึงเอาบุคลิกส่วนหนึ่งของซันนี่มาทาบทาลงในบท ทำให้ตัวละครจ็อกที่ซันนี่สวมอยู่ออกมาดูทะเล้นเจ้าเล่ห์ และเคลื่อนไหวราบลื่น แทบไม่มีจังหวะสะดุดติด
หากตั้งความหวังกับ "สายลับจับบ้านเล็ก"ถึงขั้นว่าจะต้องมีคติธรรมสอนใจ ให้แง่คิดออกมาเป็นรูปธรรมจับต้องได้ หรือกระทั่งคาดหมายว่ามุกตลกในหนังจะสามารถทำให้หัวร่องอหายกระเจิดกระเจิง ก็อาจจะรู้สึกเจ็บเพราะพลัดตกจากภูเขาความคาดหวังได้ แต่ถ้าหากเข้าไปเสพอย่างไม่คาดคั้นมุ่งหวังอะไรนัก "สายลับจับบ้านเล็ก" ก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถช่วยสร้างบรรยากาศเบาสบายในขณะที่โลกภายนอกกำลังร้อนเป็นไฟได้