"เปิ้ล นาคร" เคลียร์ข่าวแฟนสาวโดดตึกฆ่าตัวตาย บอกแค่อุบัติเหตุหยิบของพลาดแล้วตกลงมา ไม่ใช่ทะเลาะถึงขั้นเลิกราจนคิดทำร้ายตัวเองตามที่เป็นข่าว ยันไม่ใช่ฟันแล้วทิ้งแน่นอน เผยตอนนี้อาการแฟนสาวดีขึ้นแล้ว ตนไปเยี่ยมทุกเช้าทุกเย็น แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อโรงพยาบาล
เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นอีกจนได้เมื่อ หนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่งพาดพิงถึงพิธีกรตลก "เปิ้ล นาคร ศิลาชัย" ทะเลาะกับแฟนสาว "น้องจูน" วัยละอ่อน ถึงขั้นเลิกรา จนแฟนสาวโดดตึกฆ่าตัวตาย นักข่าวเลยแห่ไปสัมภาษณ์พิธีกรชื่อดัง ถึงสตูดิโอกันตนา โดยเจ้าตัวเล่าว่าเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น และเหตุการณ์ก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว และตอนนี้อาการของแฟนสาวก็ดีขึ้นแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อโรงพยาบาล ก่อนจะเปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า..
"กับเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดต้องบอกเลยนะว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่ได้มีการล้อเล่นอะไรทั้งนั้น คือน้องเขาตกตึกจริงๆ ตกมาจากชั้น 4 ตอนที่ตกมาอาการก็ไม่เป็นอะไรมากนักเขาแค่มีอาการเจ็บหลังแต่ว่ายังมีสติดีอยู่ แต่ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้ว อยู่โรงพยาบาลอยู่ในความดูแลของแพทย์แล้ว แต่ผมไม่ขอเปิดเผยว่าเป็น รพ.อะไร เพราะผมไม่อยากให้ใครรบกวนเขา อยากให้พักผ่อนให้เต็มที่ กับข่าวที่ออกมาในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่งนั้น ผมรู้สึกตกใจมากที่ว่าผมฟันแล้วทิ้ง"
"และผมขอเลิกเขาก็เลยมีการทะเลาะกัน ทำให้น้องเสียใจน้องก็เลยโดดตึกฆ่าตัวตาย พอมีอีกครั้งก็ว่าเมายาและเมาสุราและกระโดดลงมา คือจริงๆ มันคืออุบัติเหตุ วันนั้นอุบัติเหตุเกิดประมาณ 4 ทุ่ม น้องเขาอยู่กับพี่ชายแล้วน้องเขาจะออกไปซื้อข้าวให้พี่ แล้วเดินไปที่ระเบียงกำลังจะไปหยิบของก็เลยลื่นแล้วพลัดตกลงมา กับเรื่องนี้ตรงนี้ที่เกิดอุบัติเหตุผมไม่ได้อยู่ด้วยหรอก ที่ผมรู้ได้เพราะพี่ชายเขาเล่าใหัฟัง เพราะตอนนั้นผมอยู่งานแต่งงานของเพื่อน"
"แล้วพอดีเพื่อนผมโทรมาบอก ว่าน้องเขาตกตึก ตอนนั้นตกใจมากเลย แต่พอรู้เขาตกแค่ชั้น 4 คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากเพราะยังพูดได้ดีอยู่และพอตอนที่ไปเจอน้องเขาที่โรงพยาบาล ก็ยังไม่ได้ถามอะไรเขามากนัก เพราะเขายังเจ็บอยู่ แต่จริงๆ แล้วเหตุการณ์ในครั้งนี้มันก็เกิดได้เกือบอาทิตย์แล้วนะ ตอนนี้ผมก็จะไปเยี่ยมน้องเขาก่อนไปทำงานและหลังเลิกงานเท่านั้น แต่ยังไงผมยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะกันเหมือนในข่าวจริงๆ ผมกับเขาเวลาเจอกันก็สนุกสนาน เฮฮาอย่างเดียวไม่เคยทะเลาะกันเลย"
หลังจากมีข่าวเปิ้ลแจงแม่ฝ่ายหญิงไม่ได้ว่าอะไร แถมบอกอย่าสนใจข่าว และตนก็ไม่ได้โกรธ เพราะรู้ตัวดีว่าต้องพึ่งพาสื่ออยู่แล้ว ไม่ได้คิดฟ้องร้อง
"กับข่าวต่างๆ ที่ออกมาที่เขียนและทำให้ผมเสียๆ หายๆ ผมก็ไม่คิดจะฟ้องอะไรเขานะ ผมไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไรเขาด้วย เพราะเราทำงานในวงการนี้เราก็ย่อมรู้ดีว่าเหมือนเป็นน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า แถมที่ผ่านมาพวกพี่ๆ สื่อมวลชนก็ช่วยเหลืออะไรผมมาเยอะ ที่ผมได้ออกมาพูดในวันนี้ก็รู้สึกดีมากแล้วที่ทำให้ทุกคนได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องมามองผมเสียๆ หายๆ อีก กับหนังสือพิมพ์เล่มนั้นก็ปล่อยเขาไปไม่อยากยุ่งอะไรเขาแล้ว"
"แม่น้องเขาบอกว่าอย่าไปสนใจอะไรกับข่าวที่ออกมาเลย และวันนี้เขาก็ยังบอกว่าให้เราพูดไปเลยตามความจริง พูดไปเลยว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ตอนนี้ก็ขอยืนยันว่าน้องเขาหายดีแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน"