โดย เวสารัช โทณผลิน
"หน้าที่เดียวในชีวิตใดก็ตามของเจ้า ก็คือการเป็นตัวของเจ้าเอง" นกนางนวลโจนาธานกล่าวกับนกนางนวลหนุ่มที่มาหัดบินกับเขา ต่ำลงไปเบื้องล่างของท้องนภาเวิ้งว้างที่โจนาธานและลูกศิษย์กำลังทะยานร่อนอยู่นั้น ยังมีหนูตัวสีฟ้าชื่อเรมี่ ที่แอบย่องเข้าไปหาเครื่องปรุงในครัวของบ้านหลังหนึ่ง กำลังแบกตำราอาหารเล่มโตไว้เหนือหัว กระแทกกระจกพุ่งตัวออกมา วิ่งหนีห่ากระสุนจากเจ้าของบ้านที่สาดไส่ไล่หลังของเขาอยู่
เรมี่ คือชื่อตัวละครเอกจากเรื่อง Ratatouille ภาพยนตร์อนิเมชั่น เรื่องที่ 8 ของ Pixar บริษัทผลิตอนิเมชั่นชื่อดังของอเมริกา ซึ่งจับมือเป็นพันธมิตรอย่างแน่นแฟ้นกับวอล ดิสนีย์ เจ้าพ่อโลกการ์ตูน ผลิตภาพยนตร์การ์ตูนในรูปแบบอนิเมชั่นออกมาป้อนตลาด เอาใจเด็กๆ และผู้ใหญ่หัวใจเด็กทั้งหลาย ต่อเนื่องยาวนานหลายปี หลังจากที่วางรอยเท้าแรกกับ Toy Story ได้อย่างสวยสดงดงามไปแล้วนั้น ก็ดูเหมือนว่า Pixar จะค้นพบทางสว่างที่จะเดินต่อไป ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องต่อมา อย่าง A Bug’s Life, Toy Story 2 จึงกลายมาเป็นก้าวที่สอง ที่สามของ Pixar ในเวลาต่อมา
หนังชื่อประหลาด ที่อ่านออกสำเนียงได้ยากเย็นเรื่องนี้ ว่าด้วยเรื่องราวของ หนู ที่ตามธรรมชาติคือสัตว์ซึ่งมีภาพลักษณ์สัตว์สกปรกที่คอยขโมยเศษอาหารใส่ปากอย่างไม่เคยพิถีพิถันกับการกิน
แม้ภาพดังกล่าวจะเป็นปกติวัตรของบรรดาหนูส่วนใหญ่ในโลก แต่ดาวเคราะห์ดวงนี้ก็มักผลิตสิ่งมีชีวิตนอกกรอบออกมาอยู่เรื่อยๆ เพราะถ้าหนูคือสัตว์ที่ชอบคุ้ยเขี่ยเศษขยะกิน โดยไม่คำนึงถึงสุนทรียรสของการรับประทานแล้ว เรมี่ หนูสีฟ้าผู้มองโลกในแง่ดี ก็คงเป็นสัตว์หน้าขนตระกูลหนูเพียงตัวเดียวในฝูง ที่ใช้ชีวิตนอกกรอบไปกับการดื่มด่ำรสชาติของการกินและปรุงอาหาร เขามีจมูกที่สวรรค์ประทานให้ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถดมแยกกลิ่นของกินประเภทต่างๆ ได้ในระดับที่เป็นเลิศ นอกจากนั้นเรมี่ยังมีพรแสวงฝักใฝ่มุ่งมั่นที่จะเป็นพ่อครัวมืออาชีพอีกด้วย
เมื่อชาติกำเนิดของเรมี่ยืนอยู่คนละด้านมุมกับความฝัน การวิ่งคว้ามันจึงเหน็ดเหนื่อยกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หลายเท่าตัว การเกิดมาเป็นหนู ไม่ได้เอื้อให้เขาเติบโตเป็นพ่อครัวระดับโลกได้เลย เพราะเพียงแค่ย่างเข้าครัว เรมี่ก็ถูกไล่ตะเพิด และจับตัวไว้ในโหลแก้ว หนูสกปรกที่หลุดเข้าไปตามหาความฝันผิดที่อย่างเรมี่ ถูกเชฟใหญ่ประจำภัตตาคารหรู ใช้ให้เด็กทำความสะอาดห้องครัวชื่อ ลิงกวินี่ นำไปกำจัดให้พ้นสายตาทันที
ชีวิตของมนุษย์ชื่อ ลิงกวินี่ กับหนูสีฟ้า อย่าง เรมี่ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อฝ่ายหนึ่งกำลังไล่คว้าความฝันซึ่งอยู่ห่างไกลจากชาติพันธ์ที่กำเนิด แต่อีกฝ่ายกลับมีชีวิตล่องลอยอยู่กลางสุญญากาศชีวิต ลิงกวินี่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการเป็นมนุษย์กระทำสิ่งที่จะช่วยผลักดันตัวเขาให้ก้าวไปข้างหน้าแม้แต่น้อย ในขณะที่สิ่งมีชีวิตใต้โหลแก้วในเงื้อมมือของเขานั้นกลับมีจุดหมายและความฝันที่มั่นคงชัดเจน
การโคจรมาพบกันของมนุษย์ไม่เอาถ่าน กับหนูสีฟ้าที่พกความฝันติดตัวในยามตื่น นำไปสู่การร่วมมือกันทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ลิงกวินี่ตัดสินใจร่วมมือกับเรมี่ ที่มีความสามารถและลมหายใจจดจ่ออยู่กับการเป็นพ่อครัวระดับโลก ในขณะที่การเดินเข้าครัวไปปรุงอาหารเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับพ่อครัวตัวน้อยนั้น ลิงกวีนี่ก็ใช้ความเป็นมนุษย์เบิกทางให้เรมี่เข้าไปสานฝันของตัวเอง ด้วยการควบคุมการทำอาหารผ่านมือและร่างกายของลิงกวินี่ เรมี่สามารถใช้ชีวิตเป็นพ่อครัวดังที่เขาประสงค์ได้ ในขณะเดียวกันลิงกวินี่ก็กลายเป็นพ่อครัวที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีคุณค่า โดยที่แท้จริงแล้วความฝันของมนุษย์เช่นเขาก็ยังไม่งอกเงยขึ้นมา
ความสัมพันธ์ของคนกับหนูคู่นี้ ดำเนินไปอย่างซึมลึก หนังค่อยๆ เผยให้เห็นด้านมืด และมุมสว่างในความสัมพันธ์ ที่ฝ่ายหนึ่งเอาชีวิตที่เลื่อนลอยไปแขวนไว้ แต่อีกฝ่ายมีความฝันอันงดงามผูกติดอยู่ที่ปลายเชือกความสัมพันธ์ เมื่อลิงกวินี่เริ่มคำนึงถึงชื่อเสียงของตัวเองมากจนไปกระเทือนเชือกเส้นนั้น ส่วนเรมี่ก็ใช้อารมณ์ชั่ววูบในการวิพากษ์ความสัมพันธ์ครั้งนี้ กระทั่งท้ายที่สุด ชาติกำเนิดของลิงกวินี่และเรมี่ก็ไม่ได้ช่วยจำแนกเขาทั้งสองให้ต่างกันในด้านที่ลึกไปกว่ากายภาพของความเป็นมนุษย์และหนูเลย
ภาพในหนังอนิเมชั่นของ Pixar อยู่ในระดับที่เชื่อมือได้ ความคมชัด น้ำหนัก แสงเงาที่ถ่ายทอด จนเสมือนว่าคนและหนูในเรื่องมีชีวิตจริง ในขณะเดียวกันก็ยังแฝงเสน่ห์ความเป็นการ์ตูน ด้วยรูปลักษณ์ของตัวละครที่จำลองมาให้ดูน่ารักน่าชัง ในสไตล์ถนัดของวอลดิสนีย์
Ratatouille เป็นภาพยนตร์สำหรับครอบครัวอย่างแท้จริง มุขตลกต่างๆ ที่สอดแทรกอยู่ในหนังทำได้อย่างลงตัวและต้องจังหวะของผู้ชมทุกเพศวัย ไล่ระดับตั้งแต่มุขพื้นๆ ประเภทตกนู่น ชนนี่ ที่ผู้ชมตัวน้อยสามารถเข้าใจได้ ไปจนถึงมุขตลกเสียดสีต่างๆ โดยเฉพาะการจิกกัดนักวิจารณ์ที่ทำตัวเยี่ยงเทวดาทั้งหลาย ด้วยการตั้งชื่อตัวละครที่เป็นนักวิจารณ์อาหารว่า อีโก้(Ego) และตบท้ายด้วยการให้นักวิจารณ์อย่างอีโก้ กล่าวถึงอาชีพการเป็นนักวิจารณ์ของตัวเอง ซึ่งทำเอาบรรดานักวิจารณ์ผู้สูงส่งทั้งหลายรู้สึกแสบคันไปตามๆ กัน
ถึงจะต่างที่มา และผิดยุคสมัยกัน แต่ชีวิตแสนขบถของนกนางนวลชื่อ โจนาธาน ในหนังสือ Jonathan Livingston Seagull ที่ประพันธ์ขึ้นโดยริชาด บาค ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1972 กับชีวิตนอกคอกของหนูอย่าง เรมี่ ที่เขียนขึ้นโดย แบรด เบิร์ด ก็มาทาบทับกันได้อย่างบังเอิญ โจนาธานเป็นนางนวลหนุ่มที่ค้นพบว่า ความสุขในชีวิตอยู่ที่การบินด้วยลีลาท่วงท่าต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่การดิ่งลงไปจับปลามาเป็นอาหารเฉกเช่นนกนางนวลตัวอื่นๆ ในฝูง ส่วนเรมี่ก็พบว่า ปลายทางชีวิตของหนูตัวสีฟ้าอย่างเขา คือการเป็นพ่อครัว ไม่ใช่เพียงแค่การไปคุ้ยเศษอาหารกินไปวันๆ เหมือนหนูส่วนใหญ่ในโลก
ออกจะเป็นเรื่องที่ปวดร้าว ที่ทั้งโจนาธานและเรมี่ตื่นขึ้นมาพบว่า ความฝันของตัวเอง ไม่ได้รับการยอมรับนับถือจากเพื่อนสมาชิกและครอบครัว แต่มันคงเป็นเรื่องที่เจ็บร้ายฝังลึกยิ่งกว่า ถ้าหากว่าเขาทั้งสองไม่ได้วิ่งไล่ล่าความฝันของตัวเอง เพียงเพราะว่าชาติกำเนิดมิได้อำนวยความสะดวกให้
เพราะมีมนุษย์อีกหลายคน ที่เติบโตมาพร้อมกับสมองกลวงเปล่า เขาเหล่านั้นยังไม่พบแม้กระทั่งความฝันให้ไล่ล่า พวกเขาไม่เคยรู้ว่า ปลายทางของชีวิตคืออะไร ต่างจากนกนางนวลโจนาธาน และหนูอย่างเรมี่ ที่มองเห็นความฝันของตัวเองแล้ว แม้ว่า ฝันเหล่านั้นจะอยู่ด้านตรงข้ามกับเผ่าพันธ์ของตัวเองก็ตาม