ได้รับการต้อนรับจากแฟนละครในบ้านเราเป็นอย่างดีทีเดียวสำหรับซีรี่ย์ชื่อดังจากเกาหลี "จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์" ที่กำลังออกอากาศอยู่ทางช่อง 3 ในขณะนี้
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา บันเทิงออนไลน์มีโอกาสร่วมเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้เพื่อท่องเที่ยวไปยังสถานที่สำคัญที่ปรากฏอยู่ในฉากต่างๆ ของจูมงฯ รวมถึงการพูดคุยกับคณะผู้จัดทำและผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ MBC ผู้ผลิตซีรีส์เรื่องดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของซีรีส์เรื่องนี้จนได้รับการยกย่องให้เป็นละครแห่งชาติแล้ว...
การไปครั้งนี้ยังทำให้เราได้รับรู้ถึงที่มาที่ไป เบื้องหลังของการทำงานอย่างเป็นระบบกระทั่งเป็นที่มาในความนิยมของชาวเอเชียต่อซีรี่ส์หลายต่อหลายๆ เรื่องของดินแดนกิมจินี้อีกด้วย
จุดเริ่มต้นของการเดินทางเริ่มกันที่ "Freedom Bridge" สะพานแห่งเดียวที่ข้ามแม่น้ำอิมจินเชื่อมการติดต่อระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ที่นี่มีอนุสรณ์สถานชี้ให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยอาณาจักรโกกุเรียว ซึ่งเป็นสมัยเดียวกับจูมง ที่ตอนนี้อาณาจักรดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตของเกาหลีเหนือ
จากนั้นจึงมุ่งสู่เมืองพาจู ชม"พิพิทธภัณฑ์ธนูยองชิบ" แหล่งผลิตธนูโบราณ ก่อนจะไปที่ "วังฮวาซอง แฮกุง"( วังรอง )ของกษัตริย์ซอนโจเพื่อชมป้อมฮวาซอง ( ป้อมดอกๆไม้ ) และกำแพงเมืองที่สร้างรายล้อมรอบเมืองซูวอนในสมัยราชวงศ์โชซอน
วันที่สองเดินทางไปที่เมืองนาจู จังหวัดชอลลานัมโด สถานที่ถ่ายทำซีรีย์เรื่องจูมงฯ ที่มีการพัฒนากองถ่ายให้เป็น Naju Samhanji Theme Park ซึ่งกว่า 70% ของเรื่องดำเนินภายใต้โรงถ่ายแห่งนี้ โดยภายในมีการจำลองบ้านเมืองและประตูเมืองต่างๆ มีการสร้างพระราชวัง บูยงคุง ป้อมปราการที่ใช้ในการรบ, ประตูปราสาท แฮจาซองมึน หมู่บ้านที่มีทั้งโรงงานตีเหล็กแหล่งผลิตอาวุธสำคัญของเรื่อง
"ที่ผ่านมามีละครเกาหลีหลายเรื่องที่ได้ไปฉายที่ต่างประเทศ แต่ว่าที่เป็นละครเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จริงๆ ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับความรัก เกี่ยวกับอาหารซะมากกว่า..." ตัวแทนจากบริษัท Olive 9 บอกถึงที่มาของการผลิตซีรีส์ "จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์" ที่มีเรตติ้งสูงที่สุดแห่งปีและกลายเป็นละครแห่งชาติของคนเกาหลีไปแล้ว
"หลายประเทศในเอเชียเคยโดนต่างประเทศบุกมายึดเป็นเมืองขึ้น แต่อย่างประเทศไทยเองก็เคยได้ยินมาว่าเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร เช่นเดียวกันกับความภูมิใจของเกาหลีที่ครั้งหนึ่งเคยมีดินแดนที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดและมีอำนาจมากที่สุดอย่างโกกุเรียว จึงอยากให้คนเกาหลีได้ภาคภูมิใจกับประวัติศาสตร์ของตนเองด้วย"
"จริงๆ แล้วละครเรื่องจูมง ประวัติศาสตร์ของเรื่องนี้อย่างอาณาจักรโกกุเรียวจะไปชนกับประวัติศาสตร์ของจีน ที่เขาไม่ยอมรับว่าที่ดินของเขาเคยเป็นของโกกุเรียวมาก่อน แต่จะว่าไปตอนที่ฉายไปแล้วทางจีนเขาก็ไม่มีการ complain กลับมานะ ทางจีนเพียงแต่บอกว่าเป็นละครเรื่องใหม่ที่ควรต้องดูมากกว่า แล้วตอนนี้ที่จีนก็ฉายอยู่เหมือนกัน"
เผยครั้งแรกทางสถานีตั้งใจจะทำละครเกี่ยวกับสามก๊กของเกาหลี (อาณาจักรโกกุเรียว, เพ็กเจ, ชินลา) แต่พบว่าสถานีคู่แข่งทำอยู่จึงหันมาทำจูมงฯ แทนโดยใช้เวลาเตรียมงานนานทั้งหมด 1 ปี 8 เดือน สำหรับรายได้คร่าวๆ นั้น ตัวแทน Olive 9 เผยว่าเฉพาะตัวละครขายได้ถึง 9 ล้านยูเอสดอลลาร์, รายได้จากโฆษณาอัตรา 28 ล้านบาทต่อตอน รวมถึงกำไรจากการขายไลน์โปรดักส์ต่อเดือนประมาณ 4 ล้านบาท
"ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ละครเกาหลี เรื่องนี้มีเรตติ้งอยู่ที่อันดับ 8 แต่ยอดขายจากต่างประเทศสูงสุดเป็นอันดับ1 ในประวัติศาสตร์ และเรื่องนี้ไม่ได้ขายได้เพียงแค่ละครเท่านั้นแต่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ไลน์โปรดักส์จากเรื่องจูมง มีทั้งหมดกว่า 80 ชนิด ขนาดที่ว่ามีเกมส์โมบายล์ด้วย"
ในต่างประเทศ ณ เวลานี้จูมงได้ถูกส่งไปขายแล้วถึง 11 ประเทศด้วยกัน อาทิ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไทย สหรัฐฯ โดยที่กระแสตอบรับดีมากๆ ก็คือ อิหร่านที่จากการสำรวจบ้าน 10 บ้านพบว่า มีถึง 9 บ้านที่ดูซีรี่ส์เรื่องนี้อยู่
"ตอนแรกเลยเราคิดว่าจะมีแค่ไม่กี่ประเทศที่จะซื้อละครเรื่องจูมงไปฉายเพราะ 81 ตอน มันยาวเกินไปส่วนมากต่างประเทศจะมองว่าถ้ามากกว่า 24 ตอนจะไม่ค่อยชอบซื้อเท่าไหร่ต่อให้เรื่องราวสนุกแค่ไหนก็ไม่สนใจเท่าไหร่ แต่ทางบริษัทเราพยายามทำทุกตอนออกมาอย่างดีที่สุด และเรื่องนี้ยังบอกเล่าเรื่องที่ประเทศเกาหลีเคยเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วย และที่สำคัญตอนแรกเรานึกว่าประเทศจีนจะไม่ซื้อ แต่เขาก็ซื้อไปด้วย"
ใช้เรื่องความรักและอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อให้คนเกิดความสนใจ..."ก็มีบ้าง เพราะเรื่องนี้มันไม่ได้ตรงกับประวัติศาสตร์ในอดีตทั้งหมด ซึ่งจะให้เหมือนทั้งหมดเลยคงเป็นไปไม่ได้เพราะต้นฉบับที่เป็นลายลักษณ์อักษรมันไม่ได้ระบุเรื่องราวอะไรไว้มาก เราจึงต้องเพิ่ม"
แต่ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญก็คือความพยายามทำให้เนื้อหายังคงดำเนินไปตามประวัติศาสตร์ เฉพาะอย่างยิ่งคือจุดที่บอกว่าอาณาจักรโกกุเรียวเป็นทายาทของอาณาจักรโชซอน"
"เพราะถ้าไม่ได้เป็นทายาทของอาณาจักรโชซอนประวัติศาสตร์เกาหลีก็จะสั้นลงเหลือแค่ครึ่งเดียว ซึ่งในประวัติศาสตร์มีหลายประเทศเหลือเกินที่บุกเข้ามาที่อาณาจักรโกกุเรียว ทำให้บางคนที่เคยเรียนหรืออ่านประวัติศสาตร์ไม่ค่อยจะเชื่อถือว่าเรื่องในประวัติศาสตร์จะเป็นเรื่องจริง ซึ่งทางผู้กำกับต้องการจะถ่ายทอดให้คนเชื่อมั่นว่าประวัติศาสตร์ที่มีอยู่เป็นเรื่องจริง เราเป็นทายาทของโชซอนจริงๆ"
"แล้วจุดเด่นอีกอย่างคือ อยากให้ผู้ชมเกาหลีและอีกหลายๆ ประเทศเห็นว่า เดิมทีจูมงเป็นคนธรรมดา ไม่เก่ง ไม่โดดเด่น ไม่มีความสามารถอะไรเลย ไม่เก่งทั้งเรื่องบู๊และบุ๋นแต่หลังจากที่เขาได้รู้เรื่องจริงเกี่ยวกับพ่อของตัวเอง เขาก็ตั้งสติได้ และทำให้ตัวเองกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในประวัติศาสตร์เกาหลีได้"
"เป้าหมายของผู้กำกับง่ายๆ เลยคืออยากให้คนทุกเพศ ทุกวัยตั้งสติได้ ให้เรื่องนี้เตือนสติว่าเราทุกคนสามารถเป็นใหญ่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจของเรา เช่นเดียวกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่จบแค่ม.6 แต่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจเรียนเพื่อจะเป็นประธานาธิบดีให้ได้ จึงอยากให้คนที่เมืองไทยได้คิดแบบเดียวกันว่าถ้าเราตั้งสติได้เมื่อไหร่เราก็จะเป็นคนรวยได้ เป็นผู้นำได้"
ด้านหนึ่งในผู้บริหารของสถานี "MBC" ผู้วางแผนผลิตละครเรื่อง "จูมง" เผยถึงกระแสเรตติ้งตลอดการออกอากาศนานกว่า 8 เดือนของซีรี่ส์เรื่องนี้ว่า..."เรตติ้งละครเรื่องจูมง เฉลี่ยแล้วประมาณ 45% ซึ่งตลอด 35 อาทิตย์ติดๆ กันเรตติ้งไม่ต่ำกว่า 45%บางทีสูงถึง 50กว่าเปอร์เซ็นต์เลยซึ่งการที่เรตติ้งสูงขนาดนี้คนเกาหลีเรียกว่าละครแห่งชาติ"
"จุดที่ทำให้คนเกาหลีหันมาดูละครจูมงคือ ส่วนใหญ่ละครเกาหลีที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์จะสร้างละครเกี่ยวกับราชวงศ์โชเซินมากกว่า คือปี 1392 - 1910 ละครจูมงเป็นเรื่องแรกที่ทำละครเกี่ยวกับอาณาจักรโกกุเรียวทำให้คนเกาหลีหันมาสนใจประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่กว่าราชวงศ์โชเซิน"
"อีกอย่างก็คงจะเป็นเพราะในช่วงที่จูมงออกาอากาศนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับกระแสละครเรื่องอื่นๆ ไม่ดีด้วย"
ปัจจัยแห่งความสำเร็จของซีรี่ส์เกาหลีหลายต่อหลายเรื่องในตลาดเอเชียปัจจุบันจากมุมมองของคนภายนอกหลายคนอาจจะคิดว่าส่วนสำคัญมาจากรัฐบาลเป็นหลัก ทว่าจากการบอกกล่าวของผู้บริหาร "MBC" แล้วหาใช่เช่นนั้นไม่แต่อย่างใด
"ไม่มีเลยครับ ทางรัฐบาลไม่ได้สนับสนุนเลย แต่ว่าหลังจากที่ละครออกอากาศไปแล้ว สถานที่ถ่ายทำถ้ามีคนต่างชาติมาเที่ยว ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะเป็นผู้ดูแลในส่วนนั้นโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางสถานี"
"แต่ถ้าถามว่าเพราะอะไรที่ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านเอเชียสนใจในละครเกาหลีค่อนข้างมากคิดว่ามี 2 จุดครับ อย่างแรกคือ ละครเกาหลีตรงกับความคิดของชาวเอเชีย คือทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว และอีกอย่างหนึ่งคือ วิธีผลิตละครเกาหลีที่เน้นความสวยงาม เราจะนำเสนอภาพที่สวยงามของโลเกชันต่างๆ"
"รวมถึงเรื่องอาหาร ชุด สถานที่ต่างๆ จริงๆ แล้วเป็นธรรมชาติของแต่ละประเทศในเอเชีย ซึ่งคล้ายๆ กัน แต่ว่าวิธีที่ผลิตภาพต่างๆ ยังดูล้ำหน้าอยู่ ทำให้คนหันมาสนใจละครเกาหลีมากยิ่งขึ้น"
ถือว่าไม่ธรรมดากับการทำละครเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างจะเป็นเรื่องน่าเบื่อให้ประสบความสำเร็จได้เช่นนี้
"คือเท่าที่เรารู้กันส่วนมากเรารู้ว่าประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดคนจะนึกว่าประเทศจีนมีประวัติศาสตร์ที่เก่แก่อยู่ประเทศเดียว รวมถึงชาติตะวันตกก็มองว่าประเทศที่มีอารยธรรมและประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่สุดคือประเทศจีน ซึ่งจะว่าไปประเทศไทย ประเทศเกาหลี และประเทศอื่นๆ ในเอเชียต่างก็มีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่และยืนนานด้วยกันทั้งนั้น ไม่อยากให้เห็นว่ามีแค่ประเทศจีนประเทศเดียวที่มีประวัติศาสตร์ยืนนานที่สุด"
"ทุกประเทศก็สำคัญรวมถึงมีวีรบุรุษที่สำคัญของตัวเองทั้งสิ้น อยากให้คนไทยที่ได้ชมละครจูมงได้นึกถึงฮีโร่หรือวีรบุรุษของตนเองในอดีตด้วยว่าพวกเขามีความสำคัญและประวัติศาสตร์ของชาติเราก็สำคัญเช่นกัน จึงอยากให้เป็นตัวสะท้อนและให้แต่ละประเทศหันมาสนใจประวัติศาสตร์ของชาติตนเองมากขึ้นด้วย"
งานนี้คงต้องฝากบอกบรรดาผู้จัดละครไทยเฉพาะที่เป็นไทยกลายพันธุ์ซึ่งเลียนแบบวัฒนธรรมความดังของคนอื่นเพราะหวังเกาะกระแสขายงานเพียงอย่างเดียวว่า ดู "จูมง" แล้วก็ย้อนดู(รากเหง้า)ตัวเองบ้างก็ดีนะ