xs
xsm
sm
md
lg

Die Hard 4.0 : โลกสมมุติของลุงแมคเคลน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย  เวสารัช โทณผลิน

"จอห์น แมคเคลน"เหยียบย้ำคันเร่งจนรถเพิ่มความเร็วทะยานพุ่งไปข้างหน้า บรรยากาศภายในอุโมงแห่งนั้นมืดมิด มีเพียงแสงสาดรำไรจากเปลวเพลิงที่เกิดจากซากรถกลาดเกลื่อนระอุอยู่เป็นหย่อมๆ สองตาของเขาจ้องจดไปที่ขอบปูนยกระดับปากอุโมงค์เบื้องหน้าที่รถกำลังทะยานสืบไปใกล้ ทันใดนั้น "แมคเคลน"ก็เปิดประตูกระโจนลงมากระแทกพื้น แรงจนร่างกระเทือน ส่วนรถคันนั้น เคลื่อนทะยานไปเกยขอบปูนปากอุโมงค์ แล้วไต่เหินสูงขึ้นไปกระแทกกับเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังลอยอยู่บนฟ้า จนระเบิดเป็นเสี่ยงๆ

นั่นเป็นเพียงฉากหนึ่งในภาพยนตร์ภาคต่อ"Die Hard 4.0" ซึ่งทิ้งช่วงมาสิบกว่าปีจากภาคล่าสุด หนังแอ๊คชั่นเรื่องนี้ครองใจชายอกสามศอกมาอย่างยาวนาน ด้วยความที่เป็นหนึ่งในต้นแบบของภาพยนตร์แอ๊คชั่นจำพวกที่มีพระเอกเป็นฮีโร่ประเภท "ข้ามาคนเดียว" บู๊ตะลุยตะบันชนิดเจ็บไม่ได้ ตายไม่เป็น และเป็นแม่แบบของภาพยนตร์แอ๊คชั่นที่มีตัวเอกต่อกรกับวายร้ายซึ่งมักจะใช้สมองและความสามารถที่มีอยู่ไปในทางที่ผิดๆ เที่ยวไปบุกยึดนู่น ยึดนี่ จับผู้บริสุทธิ์เป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นเงินทอง, เกียรติยศหรืออะไรบางอย่าง สุดแท้แต่อดีตของเจ้าวายร้ายผู้นั้นจะเพาะบ่มมา

แม้จะเว้นวรรคไปยาวนาน จนหลายคนเริ่มที่จะลืมเลือนภาพยนตร์แอ๊คชั่นอมตะเรื่องนี้ไปบ้างแล้ว แต่ภาพของ "จอห์น แมคเคลน" ในฐานะของผู้ที่ได้รับสมญานามว่า "ตายยาก" คนนี้ ก็ยังคงตกตะกอนอยู่ในความทรงจำของผู้ที่รับชม Die Hard ทั้งสามภาคที่ผ่านมาอยู่

เนื้อเรื่องของ"Die Hard 4.0" นี้ หากจะว่ากันตรงๆ ก็ถือว่าไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ หนังยังคงเล่นอยู่กับเรื่องของการโผล่ผิดที่ ผิดเวลาของพระเอกจอห์น แมคเคลน กับวายร้ายที่ดูเหมือนว่าจะฉลาดสุดๆ อย่าง "โทมัส แกเบรียล(ทิโมธี โอลิแฟนท์)" ซึ่งคิดการใหญ่ ด้วยการตั้งใจ "โละระบบ" ทั้งหลายทั้งปวงของสหรัฐอเมริกา ทั้งไฟฟ้า ประปา การจราจร บัญชีธนาคาร ตัวเลขในตลาดหุ้น พลังงานต่างๆ ฯลฯ
 ซึ่ง ล้วนแล้วแต่ถูกควบคุมจัดการด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ระบบที่เปรียบเสมือนดาบสองคมสำหรับมนุษย์ คมหนึ่งคอมพิวเตอร์คือลูกจ้างที่คอยอำนวยความสะดวกมากมายให้แก่มนุษย์ แต่อีกหนึ่งคม เราต่างก็อาจจะตกเป็นทาสของระบบได้ หากหวังที่จะคอยพึ่งพาเทคโนโลยีมากจนเกินไป

และเมื่อ "แมทธิว ฟาเรล(จัสติน ลอง)" ยอดแฮกเกอร์ฝีมือดี ถูกวายร้าย อย่าง แกเบรียล หลอกใช้ให้เจาะล้วงข้อมูลเพื่อควบคุมระบบทั้งหลายต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา จนกลายเป็นที่ต้องการตัวของทางการสหรัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าง แมคเคลน ที่บังเอิญเข้าไปมีส่วนพัวพันกับแฮกเกอร์หนุ่มฟาเรล ก็เลยกลายเป็นหัวหอกสำคัญในการหยุดยั้งแผนการนี้โดยปริยาย เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

นอกจากประเด็นหลักๆ ดังกล่าวแล้ว หนังยังมีประเด็นรองอย่างเรื่องของความสัมพันธ์ของแมคเคลนกับลูกสาว(ที่โตเป็นสาวแล้ว) ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไร ซึ่งหนังไม่ได้เปิดถางปมประเด็นดังกล่าวชัดเจนเท่าไรนัก ว่าเพราะเหตุใดลูกสาวคนสวยของแมคเคลนจึงต้องการตัดเยื่อแตกใยกับผู้เป็นพ่อนักหนา บอกเพียงแต่ว่าความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกอยู่ในภาวะสั่นคลอนเต็มที
ซึ่งในภายหลังก็จำต้องมีเหตุให้แมคเคลนและลูกสาวพบเจอเรื่องร้ายร่วมกัน จนนำไปสู่การเปิดเปลือยความรู้สึกลึกๆ ที่มีต่อกัน ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ ถือเป็นพล็อตดาษดื่นอีกหนึ่งพล็อตที่ฮอลลีวู้ดนิยมหยิบมาเล่นกันอย่างแพร่หลาย

เมื่อเนื้อเรื่องไม่มีอะไรใหม่สดมากนัก ผนวกกับการที่ไม่ต้องแนะนำตัวละครอย่าง จอห์น แมคเคลน ที่เราคุ้นเคยสนิทสนมประหนึ่งญาติคนหนึ่งอีกต่อไปแล้ว รายละเอียดมวลรวมจึงมาว่ากันที่ฉากแอ๊คชั่นล้วนๆ ซึ่งต้องบอกเลยว่า ฉากแอ๊คชั่นของ Die Hard เวอร์ชั่นแมคเคลนแก่ชราหัวโล้นเลี่ยนนี้ ดูฟู่ฟ่า โอ่อ่า และเกินจริงชนิดสุดโต่ง มากกว่าระดับที่ Die Hard สามภาคก่อนเคยเป็นมา
ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้หนังขาดรสชาติฉากแอ๊คชั่นแบบที่ต้องตามลุ้นตามเชียร์เหมือนกับที่เราเคยได้เห็นตอนแมคเคลนวัยหนุ่มได้เสี่ยงตายตีนเปล่าบนตึกระฟ้าในภาคที่ 1 หรือตอนที่แมคเคลนบุกไปช่วยภรรยาในสนามบินในภาคที่ 2 ไปพอสมควร คงเหลือแต่ฉากระเบิดวินาศสันตะโรที่คนดูอาจไม่ต้องเอาใจช่วยพ่อพระเอกไม่มีวันตายคนนี้เท่าไรนัก

ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์แอ๊คชั่น ความสมเหตุสมผลจึงเป็นสิ่งที่ผู้ชมควรตัดออกไปจากหัวสมองก่อนเข้าไปชม หากต้องการเสพสัมผัสถึงอรรถรสของหนังอย่างแท้จริง เพราะตลอดเวลา ร่วมๆ 2 ชั่วโมงนี้ ผู้ชมจะเสมือนหลุดเข้าไปในโลกสมมุติที่เต็มไปด้วยความห่ามดิบ กระสุนปืน ระเบิด และสรรพสิ่งเหนือจริงทั้งหลาย ของจอห์น แมคเคลน ที่เขานำเสนอให้ชมด้วยการกระทำที่แทบจะไม่ได้ผ่านการตรึกตรองใดใดทั้งสิ้น

ความเหนือจริงทั้งหลาย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมบัติของภาพยนตร์แอ๊คชั่นนี้ หากประกอบอยู่ในเกร็ดยิบย่อยของหนัง คงไม่สร้างความรู้สึกตะขิดตะขวงใจให้ผู้ชมสักเท่าไร แต่ถ้ามันเกิดไปยึดโยงอยู่กับแก่นของเรื่องเมื่อไร อารมณ์ร่วมของผู้ชมก็จะพลอยบางเบาลงไปได้ ใน Die Hard 4.0 นี้ มีทั้งความเหนือจริงที่ประกอบเกลื่อนอยู่ในฉากแอ๊คชั่นทั้งหลายของเรื่อง และที่ไปเกี่ยวโยงกับเนื้อเรื่องหลักๆ อีกด้วย

ฉะนั้นหากเราได้เห็นแมคเคลนในวัยผู้ใหญ่ตอนปลายกระโดดลงมาจากรถที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง แล้วกระอักเลือดจนแทบเดินไม่ได้ เป็นคนเดียวกับผู้ชายวัยดึกที่วิ่งตามผู้ร้ายบุเรงๆ หลังจากเพิ่งผ่านพ้นอาการกระอักเลือดไปหมาดๆ พร้อมทั้งบาดแผลที่เลือนหายไป ทั้งๆ ที่ยังไม่มีแม้แต่การปฐมพยาบาลขั้นต้น ตลอดจนการขี่ช้างเพื่อไล่จับบรรดาตั๊กแตนตัวร้ายทั้งหลายของแมคเคลน ซึ่งดูเสมือนเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ฯลฯ เหล่านั้นเราอาจจะพอทำใจยอมรับได้บ้างในระดับหนึ่ง

แต่เหตุผลในการแทรกแซงระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมระบบต่างๆ ของอเมริกา หรือที่แกเบรียล เรียกให้สวยหรูว่าการ "โละระบบ"นี้ แม้หนังจะมาเฉลยในตอนท้ายว่าเกิดจากอะไร แต่เหตุปัจจัยก็ดูเหลาะหลวมเกินกว่าที่ผู้ชมจะเชื่อได้อย่างสนิทใจว่า สิ่งที่แกเบรียลในฐานะ จอมวายร้ายผู้ฉลาดเฉลียวคนนี้ ยอมลงทุนทำไปนั้น มันจะคุ้มค่าสมราคาที่ต้องจ่ายแลก รวมไปถึงปมประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแมคเคลนกับลูกสาว ที่หนังไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญมากนัก จนทำให้ผู้ชมขาดอารมณ์ร่วมที่จะเชื่อว่า สองพ่อลูกที่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ง่อนแง่นเต็มทีนี้ แท้จริงทั้งสองรักกันเพียงใด

แต่ถึงอย่างไร ฉากแอ๊คชั่นใน Die Hard ภาคที่ 4 นี้ ยังอุดมไปด้วยความเมามันส์ บ้าระห่ำ ถึงฉากแอ๊คชั่นประเภทลุ้นๆ ลดน้อยลง แต่ก็ใช่จะไม่มีให้เห็นเลย เพียงแต่ว่าหนังไปเน้นความแอ๊คชั่นจำพวกฟู่ฟ่าอลังการมากไปสักหน่อย

บรู๊ซ วิลลิส ในบทของจอห์น แมคเคลน ในศักราชนี้ ถือว่าแก่ลงไปเยอะ ซึ่งก็ทำให้การเคลื่อนไหวที่ทรงพลังของแมคเคลนในอดีตด้อยลงไป แต่ก็ต้องยอมรับว่า วิลลิส คือ สัญลักษณ์ของ Die Hard ที่ไม่อาจมีใครมาแทนได้จริงๆ ฝีมือในการกลับมารับบทแมคเคลนของเขานั้น ถือว่าอยู่ตัวแล้ว เคาะสนิม ปัดฝุ่นเล็กน้อย บรู๊ซ วิลลิสก็กลับมาเป็นจอห์น แมคเคลนได้อย่างสบายๆ

เพียงแต่น่าคิดว่า หากผู้สร้างจะยังดื้อดึงหยิบ Die Hard มาทำต่อไปเรื่อยๆ แล้วจำต้องเรียกใช้บริการป๋าวิลลิสอยู่เรื่อยๆ ความขรึมขลังที่เป็นภาพติดต่อที่เรามีต่อ จอห์น แมคเคลน อาจขาดหายไป หากใครที่หยิบ Die Hard ภาคเก่าๆ มาดูเปรียบเทียบจะเห็นถึงลักษณะการเคลื่อนไหวที่อ่อนลง ถึงแม้จะยังคงไว้ซึ่งคำพูดเหน็บเจ็บ ที่เปรียบเสมือนเอกลักษณ์ประจำตัวของแมคเคลนไปแล้วก็ตาม

เป็นที่เข้าใจว่า ตัวตนของแมคเคลนจริงๆ ไม่ใช่ประเภทฮีโร่จ๋า เขาคือนายตำรวจธรรมดาๆ ที่บ้าระห่ำ เขาไม่ได้ยิงปืนแม่น ไม่มีศิลปะการต่อสู้ที่เก่งกาจ (ในภาคนี้เขาโดนผู้หญิงเตะเป็นว่าเล่น) ซึ่งเขาเองก็สำนึกถึงสัจจะข้อนี้อยู่เสมอ ถึงขนาดที่เขาโพล่งออกมาในช่วงหนึ่งของหนังว่า "ฉันไม่ใช่ฮีโร่ ฉันเป็นเพียงคนธรรมดา ที่ถูกเมียขอหย่า และมีลูกสาวที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้า"
แต่นี่คือเสน่ห์ของ Die Hard ที่สามารถก้าวขึ้นมาครองใจผู้ชมได้ยาวนานเป็นสิบๆ ปี เพราะแท้จริงแล้ว ลึกๆ ในใจ เราทั้งหลายต่างเอียนความเป็นฮีโร่และนิยมความเป็นสามัญชนคนธรรมดาอย่าง แมคเคลน กันทั้งนั้น















กำลังโหลดความคิดเห็น