"ประวิทย์" ไม่รับโพลระบุ "ช่อง3" เป็นสื่อมีละครตบ-ตีมากที่สุด ส่วนเรื่องจัดเรตเจ้าตัวยันทางปฏิบัติทำไม่ได้ ลั่นหากรัฐดันทุรังทำตนได้รับผลกระทบในแง่การทำงานแต่ไม่ยอมเผยตัวเลขรายได้ที่จะลดลง ด้าน "ป้าแจ๋ว" ออกปากคนคิดด้อยหลักจิตวิทยา บอกคนมีสมองไม่ใช่สัตว์ ถึงอย่างไรก็คิดแหกกฎได้ มั่นใจกลุ่มวิชาชีพตนมีจรรยาบรรณพอ ส่วน "ไตรภพ" มองการจัดเรตคล้ายปัญหา "ทีไอทีวี" รัฐพยายามมัดมือชกประชาชนพร้อมสับเผด็จการ
ในวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา สมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ได้จัดงานสัมมนา "ผลกระทบของการจัดเรตติ้ง" ขึ้นที่โรงแรมรามา การ์เดนท์ มีเหล่าดารา ,ผู้จัด,ผู้ผลิตและสมาชิกของสมาพัน์มารวมตัวกันนับพันคน โดยวิทยากรประกอบด้วย รศ.ถิรนันท์ อนวัชศิริวงศ์ อ.ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ, ถกลเกียรติวีรวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็กแซ็กท์ จำกัด, วิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย, ณภัทร ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม กรรมการผู้จัดการบริษัท ทู แฮนด์ส จำกัด, นพพล โกมารชุน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เป่า จิน จง จำกัด และ สมรักษ์ ณรงค์วิชัย ผอ.ฝ่ายผลิตรายการ ช่อง 3
ถือเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ของวงการสื่อสารมวลชนอีกครั้งสำหรับร่างการจัดเรตติ้งล่าสุดของรัฐบาลถึงขนาดที่สมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ต้องไปยื่นหนังสือคัดค้านการนำระบบการจัดลำดับความเหมาะสมของสื่อทรทัศน์มาใช้ร่วมกับการกำหนดช่วงเวลาออกอากาศตามความเหมาะสมของรายการแต่ละประเภทแก่พลเอกสุรยุทธ์ จุลลานนท์ นายกรัฐมนตรีทีทำเนียบ ในวันนี้ โดยได้รับการร่วมมือจาก เจ้าของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ รวมถึงผู้จัดละคร, ผู้ผลิตรายการ และเหล่าดาราเกือบทั้งวงการที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก
ช่อง 3 ถือเป็นช่องที่ถูกจับตามองอย่างมากที่จะโดนผลกระทบอย่างยิ่งจากการจัดเรตครั้งนี้ แถมมีโพลสำรวจออกมาแล้วว่าเป็นช่องที่มีละครตบตีมากที่สุดเป็นอันดับ 1อีกด้วยโดยหลายฝ่ายหยิบละครซีรียส์จีนเรื่อง "เปาบุ้นจิ้น" และละคร หลังข่าว "แรมพิศวาส" และ "บัวปริ่มน้ำ" ที่มีเนื้อหาการใช้ความรุนแรงมากเกินพอดี เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ "ประวิทย์ มาลีนนท์" ชี้แจงว่า...
"จริงๆแล้วเราเห็นด้วยกับการจัดเรตติ้งนะครับและเราเห็นด้วยตั้งแต่ธ.ค.แล้วนั่นคือแนวคิดตั้งแต่ต้นเราจะมีเรตติ้งเพื่อแนะนำรายการให้กับผู้ชม ไม่นึกว่าจะมีกฎเกณฑ์เพิ่มเติมมานะครับ ประเด็นที่เราพูดกันอยู่ตรงนี้คือว่าเราทำงานไมได้ ต้องลองเอารายละเอียดไปอ่านดูเราไม่ได้ตีโพยตีพายเท่าที่อ่านดูเราก็ตกใจแล้วครับ มันทำงานกันไมได้น่ะ เอาง่ายๆละกันผมยกตัวอย่างละกันที่คุยกับเพื่อนๆร่วมงานบอกว่าเขาก็ทำไมได้"
"สำหรับโพลก็คงไม่จริงน่ะครับ ละครอย่างอื่นมันก็มี ผมแนะนำอย่างนี้ครับว่าถ้าจะให้มีผลนะครับต้องว่าเป็นรายการๆไป ไม่ใช่ว่าครอบคลุม คนอื่นที่ไม่ได้ทำอะไรมันกระทบหมด เรื่องไหนที่ดูแล้วไม่เหมาะสมจะเป็นสื่อหรือผู้ปกครองก็ดีมาเสนอความคิดเห็น คนดูที่ดูเราอยู่เป็น 10 ล้านคนน่ะ เดี๋ยวนี้สื่อที่แสดงความคิดเห็นได้เยอะแยะไปหมด ก็น่าจะว่ากันเป็นเรื่องๆกันไปและมานั่งคุยกัน เราก็ต้องปรับแน่นอนครับ"
"คือเราไมได้เห็นแก่ตัวนะครับ ถ้าเราเห็นว่าอันไหนที่มันเยอะเกินไปก็มาคุยกันแต่ต้องให้มีบ้างเพื่อประโยชน์การเล่าเรื่อง ให้เห็นแง่ดีไม่เห็นแง่เสียมันไม่มีเรื่องเกิดน่ะครับ"
สำหรับกรณีที่ให้รายการน. แพร่ออกอากาศได้เฉพาะช่วงเวลา 9.00-16.00 น. ในวันธรรมดาและช่วงเวลา 20.00-05.00 น. ในวันเสาร์/อาทิตย์/วันหยุดราชการ และรายการ ฉ. สำหรับผู้ชมอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป ออกอากาศเฉพาะช่วงเวลา 22.00 -04.00 น.นั้น บิ๊กบอสช่อง 3 บอกไม่เกิดประโยชน์
"ที่ต้องไม่มีน.และ ฉ.ผลกระทบคืออาจทำให้รายการมันกระจุกตัวน่ะ ทางออกที่ดีผมมองว่าน่าจะไปรณรงค์ผู้ปกครองล็อคตัวรายการให้ถูกมันถึงจะเกิดผลขึ้นมา ถ้าปล่อยให้เราจัดเรตติ้งไปและไม่สนใจอะไรมันก็ไม่เกิดอะไร เราไม่เห็นด้วยกับการบยังคับเวลา หลังจากที่เราจัดเรตติ้งก็น่าจะเพียงพอ ในโรงเรียนนักเรียบอยู่ต่อหน้าครู มีมาตราการลงโทษยังสอนเด็กไมได้เลยแล้วจะให้รายการสอนเด็กได้อย่างไร"
"มันจะเหลือรายการประเภทเดียวน่ะ ถามว่าจะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ที่จะต้องรื้อผังใหม่หากรัฐยึดมติร่างนี้ ก็มีผลกระทบไปถึงก่อนข่าว ซึ่งผมอยากให้เห็นใจชาวบ้านธรรมดาบ้างว่าเขาไม่ได้ต้องการสาระอยู่ในหัวตลอดเวลา บางทีต้องการพักผ่อนบ้างเขาทำงานมาเหนื่อย คือเจตนาของผู้ออกร่างน่ะไม่มีสีเทาสีดำอะไรเลย"
"ผมมองว่าเป็นการลิดรอนสิทธิการรับรู้น่ะ ทำไมจะต้องมาบังคับว่าเราดูละครได้หลัง 2 ทุ่มก็ผมนอน 2 ทุ่มน่ะ มีสิทธิ์อะไรมาบังคับผม"
ปิดปากเรื่องการเสียผลประโยชน์จากรายได้ของละครที่ต้องสูญเป็นพันล้าน หากรัฐยึดร่างล่าสุด
"ผลกระทบเชิงธุรกิจเราบอกไม่ได้นะครับว่ามีมากน้อยแค่ไหน เราอย่าพูดถึงเรื่องธุรกิจเลย คือจริงๆแล้วผลกระทบกับผู้จัดเนี่ยมีอย่างเดียวเท่านั้นคือทำงานยาก ครีเอทยาก เราเองไม่ใช่มีบุคลากรพร้อมทุกด้านอย่างรายการเด็กเรามีจำกัด เราไมได้เตรียมคนกลุ่มนี้ไว้ ถ้าเราไปเร่งตรงนั้นงานออกมาจะฟุ้ง ล้มเหลวเลย แต่ที่ผ่านมาเราก็ประกาศชัดเจนว่าปีนี้เราจะมีรายการเด็กนะครับ รอดูอีกสัก 2เดือนเรามีรายการเด็กแน่"
"ถามว่าประเมินรายได้ลดลงแค่ไหนหากรัฐยึดร่างนี้ ก็ถ้าดันทุรังกันจริงๆนะครับเราก็เพียงแต่ปรับรายการเท่านั้นส่วนจะมีผลกระทบเราไม่รู้เราต้องไปวัดดู เราอาจจะเพิ่มรายการข่าวมากขึ้น"
ประวิทย์แนะอยากให้รัฐเข้มเรื่องเรตติ้งแต่อย่าจำกัดเวลา
"แต่ก็เป็นปัญหาอีกว่าจะจบอย่างไร คือเคารพวิชาชีพเราก็ควรให้เราเรตว่ารายการนี้เป็นเรตอะไรโดยเฉพาะละคร เรตภาพรวมหรือเป็นตอนๆ เปาบุ้นจิ้นเป็นเรื่องง่ายที่สุดนะที่ยกมาเป็นตัวอย่าง คุณเรตเป็นอะไร ผมว่าคนในสถานีผมเข้มงวดมากเลยเลยให้น. ผมให้ด.นะเพราะผมอยากให้เด็กดูแต่มีข้อโต้แย้งว่าจะมีฉากประหารเราก็ตัดตรงนี้ออก แต่ว่านานๆเราจะมีรายการที่เป็นลักษณะคุณธรรมแบบนี้น่ะ เป็นการส่งเสริมคุณธรรมทั้งเรื่องเลยแล้วจะให้ไปอยู่หลังข่าว"
"ก็ขอบคุณนะที่ยกเรื่องเปาบุ้นจิ้นขึ้นมา อย่างเรื่อง โฮม อะโลน คุณเรตเป็นอะไร มีคนบอกเป็นด.ก็โอ้โห! ทำร้ายกันทั้งเรื่องน่ะ เห็นมั้ยล่ะ นั่นคือความฉลาดของเด็กไง ที่เขาเอาตัวรอดได้ในขณะที่อยู่บ้านคนเดียว ถ้าเอาตามกฎเขาก็ต้องเป็นน.น่ะ"
ด้าน "ป้าแจ๋ว ยุทธนา ล.พันธ์ไพบูลย์" ในฐานะผู้กำกับ-คนเขียนบทลั่นคนทีวีทุกคนทำงานด้วยการยึดหลักจรรยาบรรณสุดๆแล้ว
"ถือว่าตรงนี้เราก็ทำสมควรแล้วสำหรับจรรยาบรรณและวิชาชีพที่มีอยู่ ปรับเรื่องนี้ให้กับผู้ชมทั่วไปซึ่งตอนนี้มันก็ปรับได้พอดีพอสมควรแล้ว มันจะมีเรื่องที่เกินออกไปบ้างแต่ช่องก็จะสกรีนอีกทีหนึ่ง สังเกตว่าบางครั้งดูทีวี ละครบางเรื่องถ้ามันมีคำพูดหรือเสียงที่ไม่เหมาะสมเขาก็ดูดเสียงออกหรือทำภาพเบลออยู่แล้ว"
จวกคนคิดร่างเป็นพวกโลกทัศน์แคบ
"แต่ร่างอันนี้มันดูร้ายแรงมาก จำได้มั้ยสมัยก่อนบอกว่าห้ามกระเทยออกทีวีพี่ว่ามันเกินไป มันจำกัดสิทธิส่วนบุคคลหรือเปล่า มันทำให้เห็นได้ว่าคนที่คิดกฎนี้มีความคิดตื้นมา มีโลกทัศน์แคบ"
"เราไมได้ว่าเรื่องการจัดเรตเลยนะ เราว่าเรื่องนี้สมควร ผู้ปกครองจะได้รู้ว่าอันไหนที่จะให้ลูกหลานดูได้ อ่ะอันนี้ ท.ดูได้ ถ้าเป็นฉ.เด็กก็จะรู้แล้วว่าไม่ต้องดู ไปนอนได้แล้ว มันเป็นเรื่องสมควรอยู่แต่ถามว่ากฎที่มันมากเกินไป ยิบย่อยจนเรารู้สึกว่าเขาไปคิดอะไรมา คนคิดได้เป็นคนทำรึเปล่า คนคิดอาจจะไมได้ทำ คนคิดอาจไม่ได้เป็นคนที่ดูละครด้วยซ้ำไปแล้วไปคิดเอาเองณ ขณะนั้นคือคนคิดไม่ได้เสพคนคิดไม่ได้ผลิต จริงๆแล้วการที่คิดอะไรแบบนี้ควรจะเชิญคนที่เสพ คนที่ผลิตมาร่วมชี้แจงมาร่วมคิดด้วยกัน"
"แต่พี่ไมได้คิดว่าคนคิดแบบนี้จะถอยหลังลงคลองหรอกแต่เขาอยู่นิ่งๆเกินไป แต่จู่ๆเขาก็คิดว่าตรงนี้ไม่เหมาะ เขาไม่ได้ไปเจาะลึกน่ะอย่างถ้าคนดูอยากได้ของที่ไม่เบลอซึ่งในวีซีดีลิขสิทธิ์จะทำเบลอแต่คนดูก้ไปซื้อที่ไม่ใช่ลิขสิทธิ์เพื่อที่จะดูภาพที่ไม่เบลอ มันแก้ไมได้น่ะ มันยากน่ะ เหมือนสมัยก่อนตอนพี่เด็กๆหนังโป๊ หนังสือโป๊ก็ห้ามดูแต่พวกเราจะไปขวนขวายหาดูกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม"
"แต่มีช่วงหนึ่งเราโตขึ้นมาทุกอย่างดูฟรีมากขึ้น ไม่ต้องแอบซื้อ ความอยากลดเพราะรู้สึกว่าหาง่ายไปจนเบื่อน่ะ จนแบบไม่เอาแล้วไม่สนุกชั้นลักซ่อนดูสนุก มันเป็นแค่จิตวิทยาง่ายๆเขาก็ยังคิดไม่ออก อะไรที่คุรห้ามเขายิ่งอยากแต่ถ้าคุณไม่ห้ามแล้วเนี่ยเขาไม่อยากแล้ว เขารู้สึกว่าดูเมื่อไหร่ก็ได้อะไรแบบนี้"
"ถ้าต้องใช้กฎแบบที่เขาบอกจริงๆตัวละครทุกคนจะเป็นคนดีหมด ไม่มีการพูดกู มึง ไม่มีคนอยู่สลัม ไม่มีการกดขี่เราก็ไม่รู้ว่ารุปแบบละครจะเป็นแบบไหน มันเปลี่ยนแน่นอนจนกระทั่งวันหนึ่งอาจไม่มีใครเปิดทีวีดูก็ได้แล้วหันไปดูแผ่นดีวีดีที่เป็นแผ่นผีด้วยนะ แผ่นลิขสิทธิ์ก็ไม่ดู คนได้เห็นด้านเดียวก็ยิ่งแยกไม่ออกว่าอันนี้คือดีหรือไม่ดี มันไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบให้เด็กเห็น จะไม่มีอุปสรรคใดๆให้เด็กๆเห็นทีนี้เด็กๆก็จะเดินไปแบบมีภูมิคุ้มกันต่ำพอเดินไปที่ราบสูงเขาปีนไม่เป็นแล้วเพราะเขาเดินแต่พื้นที่ราบตลอดอย่างเรือ่งยาเสพติดไม่ให้เสนอเขาก็ไม่รู้วันที่เขาไปเจอจริงๆใครมาหลอกให้เขาทำเขาก็ทำโดยที่เขาไม่รู้ว่านั่นมันผิดเพราะเขาไม่มีตัวอย่างให้ดูไง"
ป้าแจ๋วย้ำการจัดเรตแบบเดิมดีอยู่แล้ว
"ทางออกคือมันเป็นแบบเดิมน่ะดีแล้วเพียงแต่ว่าให้ช่อง สถานีหรือผู้ที่ต้องตัดสินกำชับกำชาว่าของแบบนี้อย่านะ อย่างละครของช่าอง 3ที่ไม่วันที่"แรมพิศวาส" แรงมากๆเขาก็ขึ้น ฉ.เลยนะ อย่าง "บัวปริมน้ำ" มีวันหนึ่งตีกันขนาดหนักเขาขึ้นฉ.ก่อนเลยอ่ะผู้ปกครองก็ต้องรีบไล่ลูกไปนอนได้แล้ว คือทำอะไรที่มันมากไปกว่านี้หรือหาระเบียบมาจัดสรรมากไปกว่านี้มันจะเกิดอาการอึดอัดทั้งผู้ทำ ผู้ดูและคนที่ไม่อึดอัดเลยคือผู้ออกกฎเพราะไมได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น"
"จัดเวลาไมได้ประโยชน์หรอกเหมือนพักหนึ่งที่เราปิดทีวีไปหลังเที่ยงคืนถึงคนที่อยากนอนหลังเที่ยงคืนก็ยัดวิดีโอดูได้ เหมือนกันคุณ น.ไม่ให้มีก่อน 2 ทุ่มก็จะมีคนแบบชั้นเบื่อไม่ดูแล้วละครเรียบๆราบๆ ชั้นก็ไปหยิบแผ่นวีซีดีโป๊ๆใหม่เหมือนกัน คนเราตราบใดที่ไม่ได้ถูกมัดมือมัดเท้าเขามีทางเลือกที่จะไปหยิบนั่นมาดูเองมาทำเอง มันเป็นไปไมได้"
"อย่างต่างประเทศเขาก้พยายามจะแก้อยู่แต่ทำเต็ม 100%ไมได้เพราะบุคคลเป็นสิ่งที่พิเศษกว่าอื่นๆคือไม่ใช่สัตว์ที่ถูกบังคับขังอยู่ในกรงที่จะทำแะไรก็ได้ ต่อให้ขังมันมีหัวสมองมีมือมีความคิด มันพร้อมที่จะแหกกฎได้หมดคืออย่าไปตั้งกฎตั้งกรอบให้ฟิกส์มากไปเพราะจะมีคนที่พร้อมที่จะแหก แต่ถ้ากลางๆกำลังดีเขาจะมีความสุขกับการที่อยู่ตรงนี้"
"ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์" เจ้าของบริษัทบอร์นฯผลิตรายการป้อนให้ "ทีไอทีวี" ช่อเงดียว มองการที่คนทีวีรุกมาคัดค้านการจัดเรตครั้งนี้คล้ายกรณีเดียวกับคนใน "ไอทีวี" กำลังจะถูกทำจอดำและถูกเปลี่ยนเป็น "ทีวีสาธารณะ"
"การที่เหล่าผู้จัดต้องออกมาคัดค้านแบบนี้เพราะกลัวว่ารัฐจะมัดมือชกหรือเปล่า ...อันนี้คุณเป็นคนพูดเองนะว่าเหมือนมัดมือชก ผมไมได้พูดนะ แล้วคุณว่าเหมือนมั้ยล่ะ คือวิธีการพูดผมไม่สามรถพูดแบบนั้นได้แต่ผมพูดมาตลอดตั้งแต่วันแรกนะผมพูดว่าทำอะไรไม่ปรึกษาเลย ทำอะไรไม่เคยถามเลยแล้วสั่ง พอสั่งเสร็จแล้วก็บอกว่าคุยกับเราแล้ว เขาเชิญใครบ้างไม่เคยเชิญเขาอาจจะมองว่าผมกระจอกก็ได้ แต่ไปถามใครก็ไม่มีใครเคยถูกเชิญ แล้วก็จัดรูปร่างแล้วบอกว่าด้วยความเห็นชอบแล้ว เห็นชอบจากใคร เห็นชอบจากเขาคนเดียว"
"จะออกเป็นกฎหรือกฎหมายอะไรก็ช่างแต่เขาไม่ยอมคุยก่อนน่ะ มันไม่ถูกต้องแต่ผมว่าเขาเก่งนะ ถามว่าเขาจะฟังเรามั้ยกับการคัดค้านครั้งนี้ก็ถ้าเป็นเรื่องของวิชาการเขาคงฟังแต่ถ้ารวมตัวแล้วเป็นเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก และความสูญเสียผลประโยชน์เขาคงไม่ฟังเพราะฉะนั้นแนวทางการต่อสู้มันต้องต่อสู้แนวทางที่ชัดเจนว่าเราคนไทยนะไม่ใช่แค่ผู้ผลิต"
"เราพร้อมรึเปล่าที่ต่อไปในอนาคตข้างหน้าเราจะมีคนๆหนึ่งมาบอกเราว่าเราควรคิดอย่างไรและทำอย่างไรโดยไม่มีใครถามอะไรเราเลย มันตรงนั้นต่างหาก"
จวกรัฐใช้อำนาจในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
"ไม่ใช่ผมไม่เห็นด้วยที่รายการชิงรักหักสวาท ฆ่าฟันผมก็เห็นด้วยกับเขานะแต่วิธีการที่ทำไม่เห็นด้วยหรือวิธีการที่อยู่ๆบังคับสื่อ วันหนึ่งอาจจะบอกว่าหนังสือพิมพ์ห้ามลงภาพหนึ่งอย่านี้ เอ๊ะ นี่มันกฎหมายอะไรเลยเหรอ หรือการนำเสนอข่าวควรนำเสนอในเชิงสร้างสรรค์ คุณคอยดูก็แล้วกัน แล้วจะเรียนอย่างไรแล้วออกมาทำงานอะไรตรงนี้ต่างหกาที่น่าสนใจ ดีเลวผิดถูกชอบไม่ชอบต้องไปแก้ไขแต่ไม่ใช่เห็นคนเดียวแล้วสั่ง ต้องร่วมกันแก้ไข"
"มันบังคับน่ะ บังคับได้อย่างไรน่ะ รายการเด็กต้องให้เด็กต่ำกว่า 12 เป็นพิธีกรแล้วเด็ก 13,14,15จะเชื่อเด็ก 12 มั้ยหรือเด็ก 13-15 ไม่ดูแล้วรายการเด็ก ต่อไปนี้เด็กก็ฟังกันแต่เด็กต้องไม่ฟังผู้ใหญ่นะ ไตรภพเนี่ยเป็นพิธีกรเด็กไมได้นะ คุณดูวิธีคิดเขาสิ มันมีหลายอย่างที่เขาต้องทบทวน ยอมรับว่าเขาเจตนาดีแต่วิธีการไม่ถูกและวิธีการที่เป็นเผด็จการสั่งมาเนี่ยอันนี้ไม่ถูก"
"ผมคิดแค่ว่าเป็นช่วงเวลาที่มันเป็นโอกาสที่จะทำอะไรก็ได้ก็เลยทำกันใหญ่ ควรใช้อำนาจในทางที่ทำให้ประเทสเจริญก้าวหน้าและสร้างสรรค์ ไม่ใช่แตกแยก นี่กำลังทำให้ประเทศแตกแยก มองไม่ออกจริงๆว่าจะจบกันตรงไหน แต่เขาน่าจะฟังเราบ้าง เนี่ยต่อไปมันอาจจะถูกจำกัดการนำเสนอและความคิดยิ่งกวาคอมมิวนิสต์อีก"