ดาราสไตล์ "แอ๊บแบ๊ว" ใครดูดี ใครดูดัด...?

จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ปัจจุบันมีดาราหญิงของบ้านเราหลายต่อหลายคนทีเดียวที่มีลักษณะของการพูดรวมถึงการตีสีหน้าที่เรียกกันว่า "แอ๊บแบ๊ว"

แอ๊บแบ๊วที่เข้าใจอย่างตรงกันในความหมายกว้างๆ ว่าเป็นการพยายามทำหน้าตาใสซื่อ บ้องแบ๊ว คิขุฯ พูดจาบีบเสียงไม่ค่อยจะชัดถ้อยชัดคำ ฯ ซึ่งโดยรวมแม้จะเป็นการกระทำเพื่อให้ออกมาดูน่ารัก ทว่าในความเป็นจริงก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ด้วยองค์ประกอบที่แตกต่างกันไป ทั้งหน้าตา อายุ หรือการแต่งตัว

มาดูกันว่าดาราหญิงคนไหนที่เข้าข่ายในลักษณะที่ว่านี้ และเสียงตอบรับต่อการแอ๊บแบ๊วนั้นเป็นเช่นไร?

เริ่มกันที่นางเอกสาว "หยาด-หยาดทิพย์ ราชปาล"

กิริยาท่าทางการพูดที่เป็นไปในลักษณะแอ๊บแบ๊วของนักแสดงหญิงคนนี้จะเห็นได้จากการทำหน้าที่พิธีกรในรายการ "สีสันบันเทิง" ไม่ว่าจะเป็นลักษณะท่าทางของสาวคิกขุ อาโนเนะ การพูดที่บีบเสียง รวมไปถึงการให้สัมภาษณ์ในทุกๆ ครั้งของเธอที่จะต้องตีหน้าใสซื่อ งุนๆ งงๆ และคำพูดติดปากที่ว่า...มีอะไรกันเหรอคะ? หยาดไปทำอะไรเหรอคะ? พวกพี่ๆ ไปเอาข่าวมาจากไหน? ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าตนเองจะถูกถามเรื่องอะไร

อย่างกรณีก่อนหน้านี้ที่สาวหยาดไปมีข่าวว่าควงกับลูกนักการเมืองชื่อ "ไผ่" อยู่แก๊งค์รถวันพอยท์ แต่เธอก็ยังคงออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้จัก จนตอนหลังเริ่มที่จะมีคนเห็นเยอะจนเธอต้องออกมาบอกอีกครั้งหนึ่งว่า "หยาดคิดออกแล้วว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนแต่ก็ไม่ได้ไปสนิทอะไรมากนะ"

แต่ถึงแม้เจ้าตัวจะบอกเช่นนั้นก็ยังคงมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ถึงการไปไหนมาไหนด้วยกันของทั้งสองอยู่ตลอด เรียกได้ว่าหนุ่มคนนี้เป็นสาระถีคอยตามรับตามส่งกันเลยทีเดียว

เข้าข่ายแอ๊บแบ๊วคนที่สองเป็น "หมิง-ชาลิสา บุญครองทรัพย์" ซึ่งแม้จะได้ชื่อว่าเป็นกุลสตรีไทยที่มีดีกรีความสวยจากเวทีนางสาวไทย ทว่าในเรื่องที่เกี่ยวกับข่าวฉาวๆ ของเธอนั้นก็มีออกมาไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นของการตกเป็นผู้ต้องหา "มือที่สาม" ต่อบรรดาคู่รักคนอื่นๆ อาทิ "ชมพู่ อารยา - หนึ่ง ธนาวัฒน์" "หยาด - โอ๊ค" "แอ๊ฟ - หมวดอ๋อ"

ทั้งนี้ที่ชัดเจนที่สุดก็คือกับหนุ่มหนึ่งอดีตหวานใจของสาวชมพู่โดยมีภาพของปาปารัซซีฟ้องชัดว่าสาวหมิงมักจะไปไหนมาไหนกับหนุ่มคนนี้ค่อนข้างจะบ่อย แต่ทว่าทุกครั้งที่ซักถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกไปเธอเองก็มักจะทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง และตอบอย่างใสซื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งในระยะหลังๆ พอโดนตื๊อเกี่ยวกับเรื่องนี้บ่อยๆ เจ้าเอาเจ้าตัวหายจากความแอ๊บแบ๊วมีอารมณ์โกรธขึ้นมาอยู่เหมือนกัน

"กับข่าวต่างๆ ที่ออกมาว่าไปเป็นมือที่สามของคนโน้นคนนี้ก็เหมือนกันไปเอามาจากไหน จริงๆ แล้วเรื่องมือที่ 3 หมิงพูดเยอะแล้วนะ ตอนนี้เราก็คงจะต้องปล่อยวางในบางเรื่อง เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันมีทั้งเรื่องที่จริงและไม่จริงปนกันหมดแล้วแต่ก็ยังดีนะที่คนรอบข้างเรายังเข้าใจ"

ทางด้านนางร้ายสาวสุดเซ็กซี่อย่าง "เป้ย ปานวาด เหมมณี" ที่ก่อนหน้านี้รับงานรวมทั้งแต่งตัวในแนวโชว์หวิวค่อนข้างจะถี่ทำเอาคนส่วนใหญ่ติดภาพลักษณ์ที่ว่าไปโดยปริยาย ครั้นในระยะหลังๆ นี้เจ้าตัวมักจะออกงานในชุดที่มิดชิด บางครั้งก็เป็นตุ๊กตาบาร์บี้ แถมยังกระชากวัยกลับไปเป็นเด็กอีกต่างหาก สาวเป้ยก็เลยถูกมองไปในทันทีว่าหันมาทำตัวแอ๊บแบ๊วตามสมัยนิยม

อย่างไรก็ตามในส่วนของนักแสดงหญิงเอง เธอยืนยันว่าตัวตนที่เห็นนี่แหละคือธรรมชาติของเธอที่สุดแล้ว..."จริงๆ แล้วในชีวิตประจำวันเป้ยชอบใส่เอี๊ยมกระโปรงและชอบผูกโบว์ที่หัวมาก ชอบแต่งตัวแบบคิกขุ เป็นผู้หญิงอารมณ์หวาน อยากให้ทุกคนได้เห็นว่า เป้ยก็แต่งตัวแบบนี้ได้ไม่จำเป็นต้องเซ็กซี่ตลอดเวลา..."

แอ๊บแบ๊วในเชิงใสซื่อประเภททำอะไรลงไปแล้วบอกว่าไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบตัวเองในทางลบ (ทั้งๆ ที่น่าจะรู้) อีกคนต้องยกให้กับนางร้ายน้องใหม่ของช่อง 3 "เมจิ-พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์" ที่มองจากภายนอกนั้นต้องบอกว่าเธอค่อนข้างจะเป็นสาวที่ดูหวาน น่ารัก ใสซื่อ มากๆ ซึ่งผิดกับบทบาทการแสดงที่ออกมาเป็นที่สุด

โดยเฉพาะที่ฮือฮามากๆ ก็คือการที่เธอเข้าสู่วงการด้วยการเล่นหนัง vcd แนวสยิวในเรื่อง "เนื้อหุ้มเหล็ก" ที่แม้จะค่อนข้างหวือหวาติดเรตอาร์ ทว่าสาวเมจิก็เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องที่เสียหายแต่อย่างใด ก่อนที่เจ้าตัวจะยอมรับในภายหลังว่านั่นเป็นการตัดสินจใจแบบเด็กๆ

"หลังจากนี้เมจิก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้ มันเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เมจิเห็น ว่าเมจิต้องทำงานปัจจุบันให้ดีที่สุด แม้จะยังมีสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อไป เมจิก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากจะทำงานช่วยเหลือครอบครัวในวินาทีตรงนั้นมันเป็นส่วนหนึ่งที่เมจิตัดสินใจแบบเด็กๆ ก็ต้องขอโทษทุกคนด้วย"

เข้าข่ายแอ๊บแบ๊วเพราะหน้าที่คงต้องยกให้กับเหล่านักร้องวัยรุ่นหลายต่อหลายคน ไล่ไปตั้งแต่คู่ดูโอ "โฟร์ - มด" สี่สาวกลุ่ม "บัซ มิวสิก" ที่ประกอบไปด้วยสาว เบเบ้, กุ๊ก, ซูการ์ - สไปรท์, 11 สาวในกลุ่ม Preppy G ฯลฯ ซึ่งแม้จะมีบางคนที่แบ๊วโอเวอร์จนเกินเหตุ แต่โดยรวมๆ ทั้งวัย ทั้งหน้าตา ต้องบอกว่าเป็นการแอ๊บที่น่าดูอยู่พอสมควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาของเด็กหนุ่มส่วนใหญ่

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อคิดถึงวัยที่เริ่มมากขึ้นกับบทบาทของการเป็นนักร้องที่ต้องขายความสามารถทางการร้องเพลงเป็นหลัก การกระชากวัย-หยุดอายุ หรือจ้องขายแต่ความอาโนเนะเหล่านี้แล้ว ฟันธงได้เลยว่าอายุการ "ขายงาน" ของพวกเธอคงจะสั้นน่าดู

ด้านสาว "กุ๊ก กฤติกา ศักดิ์มณี" หนึ่งในทีม "เรื่องเล่าเช้านี้" ทางช่อง 3 สำหรับเธอคนนี้ต้องบอกว่ามีสไตล์การเป็นสาวแอ๊บแบ๊วอย่างไม่ได้ตั้งใจนัก ซึ่งสาเหตุสำคัญก็คงจะมาจากการเป็นน้องเล็กสุดท้องของรายการ เป็นลูกไล่ รวมไปถึงเรื่องของน้ำเสียงและจังหวะจะโคนในการอ่านข่าวที่ยังดูขาดความมั่นใจ

แม้จะโชคดีอย่างหนึ่งที่ว่าหน้าตาของสาวกุ๊กค่อนข้างจะหวาน น่ารัก รวมถึงลักษณะท่าทางคำพูดที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ทำให้ภาพโดยรวมของการทำหน้าที่ที่จำเป็นต้องใช้ความน่าเชื่อถือตรงนี้ไม่เสียหายมากนัก แต่ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้ดูเข้มข้นจริงจังขึ้นก็คงจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลต่ออนาคตของเธอหากคิดจะเอาดีในสายงานประเภทนี้อยู่พอสมควร

ปิดท้ายกันที่สาว "บอลลูน-พินท์สุดา ตันไพเราะห์"

นักแสดงหญิงคนนี้จะด้วยความตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจเพราะเป็นลักษณะนิสัยของเธออยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องถือว่าสาวบอลลูนนั้นเป็นต้นตำรับของการแอ๊บแบ๊วในระยะแรกๆ เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดวงตาที่กลมโต หรือการพูดตอบคำถามเวลาที่ถูกสัมภาษณ์ ซึ่งค่อนข้างจะชวนให้คิดว่า สิ่งที่ถูกถามนั้นเธอไม่รู้คำตอบจริง เธอตอบไม่ถูกจริงๆ เธอเรียบเรียงคำพูดไม่เป็นจริงๆ เธอพูดไม่ค่อยชัดจริงๆ หรือว่าทั้งหมดนั้นเป็นการเสแสร้งของเธอกันแน่

กับการได้เป็นแขกรับเชิญร้องเพลง "ฝุ่นเกาะหัวใจ" ในอัลบั้ม "คอนเนคชั่น" ของ ''พีท พีระ'' นั้น ด้วยเสียงแหบเสน่ห์บวกกับหน้าตาของเธอทำให้ภาพโดยรวมที่ออกมาไม่ถึงกับว่าขี้เหร่สักเท่าไหร่นัก ตรงข้ามออกจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสียด้วยซ้ำไป (แต่มีข้อแม้ว่าหากจะเอาดีทางด้านการร้องเพลงจริงๆ คงจะต้องฝึกหนักๆ อีกนานๆ)

สำหรับสาวบอลลูนจะเสียอยู่อย่างเดียวก็คือด้วยอายุที่มากขึ้นแล้วนั่นเองที่ทำให้ความบ้องแบ๊วของเธอดูจะขาดเสน่ห์ลงไปพอสมควร