แม้ "ลูกซึ้ง" ความประทับใจจะไม่เท่ากับหนังรักอย่าง "เดอะ เลตเตอร์", "Me Myself ขอให้รักจงเจริญ" หรือจะเป็น "โคตรรักเอ็งเลย" แต่ก็ต้องถือว่า "รักนะ 24 ชั่วโมง" ของค่ายอาวองในเครือ อาร์เอส.โปรโมชั่น (มหาชน) จำกัดที่ออกมาจากฝีมือของ "พุ เหมันต์ เชตมี" ก็ตอบโจทย์การเป็นหนังแนวโรแมนติก - คอมเมดี้ได้ไม่เลวนัก
หนังเล่าถึงเรื่องราวความรักของพนักงานหนุ่ม - สาวร้านเซเว่น อีเลฟเว่น "เบิ้ล" ที่รับบทโดย "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" กับ "เต๊าะ" ที่ได้อดีตนางสาวไทย "เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์" รับบทพนักงานร้านสาวสุดห้าว
"เบิ้ล" ชายหนุ่มที่มีหัวใจมหัศจรรย์ราวกับตัวเขามี 2 หัวใจสลับผลัดกันตื่น หากก่อนเข้านอน "เบิ้ล" เป็น "เอ" รุ่งเช้าตื่นมาเขาจะเป็น "บี" ทั้งคู่จะสลับผลัดเปลี่ยนกันไปเช่นนี้ตลอดทุกๆ วัน แต่โลกนี้มีสถานที่เหมาะกับความมหัศจรรย์ของเบิ้ลคือร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ที่เปิดตลอดเจ็ดวัน ยี่สิบสี่ชั่วโมง
ไม่ว่าเช้านี้เขาจะตื่นขึ้นมาเป็นใคร หน้าที่การงาน วันเวลาของทั้งคู่ก็จะเหมือนกัน เสมอภาพ ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
ความแตกต่างของ "เบิ้ลเอ" ที่จริงจังกับทุกเรื่องในขณะที่ "เบิ้ลบี" เป็นคนขี้เล่นและจริงใจได้สร้างความงุนงง สับสนให้กับเพื่อนสนิท พนักงานร่วมร้านอย่าง "ซ่า" (บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ) หรือลูกค้าประจำอย่างตลกคาเฟ่ "น้าค่อม" (ค่อม ชวนชื่น) อยู่บ้างแต่ก็เป็นแค่เรื่องขำๆ ที่เป็นมุกชวนให้หัวเราะเสริมเข้ามาตลอดทั้งเรื่อง
จุดสำคัญของเรื่องเริ่มต้นเมื่อ "เบิ้ลเอ" และ "เบิ้ลบี" ได้เปิดใจรักเพื่อนร่วมงาน "เต๊าะ" ซึ่งปัญหาที่ตามมาก็คือ ความต้องการของฝ่ายหญิงที่ปรารถนาผู้ชายเพียง 1 บุคลิกเดียวเท่านั้นที่สามารถอยู่กับตนเองได้ทั้ง 24 ชั่วโมงตลอดไปทุกๆ วัน...
เพราะเป็นหนังที่ตั้งขึ้นมาโดยมีโจทย์ในเรื่องของการตลาดเป็นสำคัญ ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่หากจะมีบรรดาสินค้ามากมายปรากฏอยู่ในเรื่อง "รักนะ 24 ชั่วโมง" ที่ว่านี้
ปัญหาก็คือหนังจะทำออกมาได้เนียนขนาดไหน
การจับประเด็นของชายหนุ่มที่มี 2 คนในกายเดียวซึ่งแตกต่างกันอย่างสุดขั้วในเรื่องของบุคลิก ท่าทาง แต่ต้องมาชอบผู้หญิงที่ต้องการผู้ชายผู้ซึ่งสามารถให้เวลากับเธอได้ทั้ง 24 ชั่วโมงตลอดทุกๆ วัน แม้จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะขาดความสมเหตุสมผล ทั้งที่มาของสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มต้องเป็นคนที่มี 2 ร่าง (ซึ่งหนังพยายามจะอธิบาย) แต่ก็น่าชื่นชมในไอเดียที่จำเป็นจะต้องคิดให้ไปสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์การให้บริการของร้านสะดวกซื้อซึ่งเปิดบริการด้วยความรู้สึกเดียวกันตลอดทั้ง 24 ชม.อยู่ไม่น้อย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องถือว่าหลายฉากหลายตอนการ "ยัดเยียด" เข้ามาของสินค้าก็ค่อนข้างจะน้ำเน่าและทำให้บรรยากาศของหนังค่อนข้างที่จะขาดความต่อเนื่องของการสร้างอารมณ์อยู่พอสมควรแม้จะมีความพยายามในการใช้มุกตลกเข้ามาช่วยกลบเกลื่อน
ที่สำคัญหากมองกันอย่างผิวเผินก่อนที่ปมทุกอย่างจะคลี่คลาย กลายเป็นว่าที่เป็นพระเอกจริงๆ มิใช่ หนุ่ม "เบิ้ล" แต่อย่างใด หากแต่เป็นร้านสะดวกซื้อต่างหากดั่งคำขายของหนังที่ว่า...
ถ้าคุณรักใครสักคน เวลาตลอดเจ็ดวัน ยี่สิบสี่ชั่วโมง ยังดูจะน้อยไป แต่ถ้าเขาไม่รักคุณตอบ เวลาแค่เจ็ดชั่วโมงยังดูยาวนาน
"ความรัก" หรือ "กาลเวลา" กันแน่ ที่เปลี่ยนไป??
แต่ร้านสะดวกซื้อ ที่เปิดเจ็ดวัน ยี่สิบสี่ชั่วโมง
สถานที่แห่งนี้เปิดตลอด ทุกเทศกาล ทุกฤดู ร้อน หนาว ฝน
ประตูที่นี่เปิดรับผู้คนเสมอ ไม่ว่าขณะนั้นความรักของใครจะเป็นอย่างไร บางที...ที่นี่อาจมีคำตอบให้กับ "ความรักกับเวลา"
นอกจากเรื่องของ "บทพูด" ที่มีส่วนเป็นอย่างมากในการช่วยทำให้พล็อตของหนังซึ่งไม่มีอะไรนี้ดูมีอะไรขึ้นมาแล้ว ที่น่าชื่นชมอีกสิ่งหนึ่งก็คือบทบาทการแสดงของตัวละครแต่ละตัวที่ทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม ทั้ง ตัวคู่พระ - นางเอง หรือแม้กระทั่งตัวเสริมต่างๆ ซึ่งโดยรวมหากเทียบกับงานชิ้นก่อนหน้าของผู้กำกับคนนี้ ต้องบอกว่ามีพัฒนาไปในทิศทางที่เป็นบวกมากยิ่งขึ้น
รักนะ 24 ชั่วโมงอาจจะไม่เรียกน้ำตาคนดูได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็ทำให้คนอินเลิฟอยากทำให้รักของตนเองคงอยู่ตลอดไป
หรือแม้กระทั่งคนที่กลัวเสียใจจากการมีรักก็เริ่มกล้าที่จะเปิดใจอยากลองสัมผัสความรู้สึกที่เรียกว่า "รัก" นี้ดู(อีก)สักครั้ง