โดย เวสารัช โทณผลิน
ในปรัชญาของนิกายเซน มีเนื้อความท่อนหนึ่งที่กล่าวถึงคำว่า "น้อยแต่มาก" ซึ่งนับว่าเป็นวลีสั้นๆ ที่ครอบคลุมกินความตั้งแต่ระดับรากหญ้าของการใช้ชีวิตแล้วแตกขยายไปสู่เรื่องราวองค์รวมระดับสังคม ประเทศ ตลอดจนถึงโลกที่เราอาศัยอยู่ ใครหลายคนต่างหานิยามความหมายของคำว่า "น้อยแต่มาก" ให้ออกมาใกล้เคียงกับภาพปรากฏ เพื่อความเข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่ก็ดูเหมือนว่า "น้อยแต่มาก" จะยังคงเป็นคำพร่ำรำพันของผู้ที่เข้าใจมันเพียงกระหยิบมือเท่านั้น
กระทั่ง "ป้าง-นครินทร์ กิ่งศักดิ์" นักร้อง นักดนตรีรุ่นเก๋าของเมืองไทย ได้ยื่นหยิบดอกไม้เพียงหนึ่งมาให้นักฟังเพลง ผ่านการบรรจงกลั่นกรอง ในรูปแบบผลงานเพลงชุดใหม่วางประดับแผง โดยใช้ชื่อที่เรียบง่ายแต่กินใจความได้ครบครอบคลุมทั้ง 10 บทว่า "ดอกเดียว"
หากจะนับอายุการผ่านงานบทเส้นทางสายดนตรีของป้าง นับได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในบุคลากรผู้กรำงานมาอย่างมีประวัติโชกโชนยาวนานคนหนึ่ง นักฟังจึงอาจวางใจในเนื้องานของเขาได้ส่วนหนึ่งว่า งานเพลงแต่ละเพลง ในแต่ละอัลบั้มของเขานั้น เป็นการกลั่นกรองงานที่ผ่านทั้งประสบการณ์และมันสมองอย่างแท้จริง มิใช่การฉวยจับเครื่องไม้เครื่องมือมาอัดบันทึกอย่างลวกลน เสมือนงานที่เด็กรุ่นใหม่หลายคนถูกประทับองค์ลงร่างจากโปรดิวเซอร์เห็นแก่เงินบางคน ซึ่งเจียดแบ่งวิญญาณไปเข้าสิง
ด้วยผลงานที่ผ่านมา ที่รังแต่จะพัฒนาสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งโดยมากคือการพยายามฉีกหนีความจำเจในการเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อค ที่ในภายหลังเริ่มมีเกร่อเกลื่อนจนรู้สึกละอายที่จะคิดว่าเป็นทางเลือกใหม่อีกต่อไป การบ้านประการหนึ่งซึ่งป้างได้ให้กับตัวเองคือ งานในแต่ละอัลบั้มจะต้องไม่นิ่งหยุดอยู่กับที่ แต่จะต้องเปลี่ยนแปลงขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงขึ้นกว่าจุดเดิมที่เคยเป็นมาให้ได้
ในผลงานทั้ง 5 อัลบั้ม ที่ผ่านมา ผู้ฟังจะเห็นได้ถึงพัฒนาการทางดนตรี และเนื้อหาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงเป็นการเจาะลึกลงเล่นกับภาคดนตรีร็อคหนักแน่น รุนแรง จนหลายคนอาจจะยึดติดว่า ภาพลักษณ์ของป้าง คือ ชายหนุ่มมาดร็อคที่มีลีลาการร้องเพลงด้วยเสียงทุ้มต่ำประหนึ่งกำลังครวญคร่ำร่ำไห้เท่านั้น
จนมาระยะหลังที่งานของป้าง เริ่มมีการปล่อย "ของดี" ที่ซ่อนแฝงอยู่ในตัวออกมาเป็นระยะๆ ทั้งการทดลองทำงานเพลงในจังหวะลูกทุ่งกึ่งร็อค ในอัลบั้มหัวโบราณ และการนำเพลงเก่าดั้งเดิมมาทำเป็นสามช่าที่มีรสร็อคผสมผสานอยู่อย่างลงตัวกับเพลง "30 ยังแจ๋ว"
มาจนถึง "ดอกเดียว" ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นงานที่ป้างนำเสนอรูปแบบใหม่เกือบจะถอดด้ามทั้งอัลบั้ม เพราะเพลงทั้ง 10 บท แทบจะไม่มีกลิ่นเค้าดนตรีร็อคหนักหน่วงรุนแรงหลงเหลือให้ยินอยู่เลย แม้ว่าจากปากคำ เขาจะอ้างถึงสังขารที่ลาโรย แต่ทว่าจังหวะเพลงที่ผ่อนคลายลง มิใช่การด้อยขาดในศักยภาพทางดนตรีเลยแม้แต่นิดเดียว
ตรงกันข้าม "ดอกเดียว" กลับเป็นจังหวะเพลงชะลอช้า ที่เข้มข้น ไพเราะ และประณีต งดงาม มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา และนั่นก็ทำให้ความหมายของดอกไม้เพียงหนึ่งที่ป้างยื่นให้มานี้ ช่วยคลี่คลายคำกล่าว "น้อยแต่มาก" ในนิกายเซนที่หลายคนสงสัย ให้เห็นภาพเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ใน "ดอกเดียว" ป้างสามารถหยิบจับลูกเล่นต่างๆ มาใส่ลงในเพลงแต่ละบทอย่างลงตัวและน่าสนใจ ความแพรวพราวที่มาจากประสบการณ์และความคิดซึ่งมองต่างมุมไปจากคนทั่วไป ส่งผลให้เพลงของป้างมีความน่าสนใจมากขึ้น ทั้งในส่วนของภาคดนตรีที่มีการหยิบจับเครื่องเป่า เครื่องสาย และการประดิษฐ์ ประดอยท่วงทำนองแปลกใหม่ มาใส่ได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งยังมีลูกเล่นของเนื้อหาที่ไปขานพ้องกับทำนองอยู่หลายเพลง สังเกตได้จากเพลงที่ชื่อ "เพลงเก่า" และ เพลง "ซ้ำ" ที่เจ้าตัวจงใจแต่งเนื้อมาล้อหยอกกับท่วงทำนองที่สร้างขึ้นมานี้
เนื้อหาในเพลงช้าของป้างยังคงตรึงใจอยู่เช่นทุกชุดที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เนื้อหาที่ลึกซึ้งปราดเปรื่องแปลกใหม่อะไรนัก แต่ทว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน "คนมันไม่ใช่" , "ไม่มีวันลืม" , "ฉันอยู่คนเดียวได้" ก็เป็นเรื่องจริงของสามัญชนบนโลกใบนี้ ที่ต่างก็เคยมีประสบการณ์ร่วมมาด้วยกันทั้งนั้น จึงทำให้เพลงช้าๆ ของป้างในอัลบั้มนี้ ส่งตรงแทงเสียดไปที่หัวใจสีคล้ำเข้มของใครหลายๆ คนได้ไม่ยากนัก
ในขณะที่เพลงอีกหลายบท ที่แฝงฝังไว้ด้วยปรัชญาในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องจริงในชีวิต ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ โดยเฉพาะนิทานประกอบดนตรีที่ว่าด้วยเรื่องราวของจ่าฝูงนั้น อาจเป็นแง่มุมที่สะกิดสะเกาให้คนช่างคิด ต้องขยับรอยหยักในสมองตัวเองอีกครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องราวทั้งหลายน่าจะมาจากสถาวะการณ์ผ่านร้อนหนาวที่ป้างบ่มสะสมจนเกิดมาเป็นเรื่องราวลูกเล่นในเพลงเหล่านั้น
ด้านเสียงร้องของป้างนั้นอยู่ตัวและทำได้ดี ภาคดนตรีในอัลบั้มนี้ ป้างออกตัวว่าตั้งใจอัดมาเพื่อผู้ที่หลงใหลการฟังเพลงซึ่งมีคุณภาพดีเยี่ยม การอัดในลักษณะที่เรียกว่า "ออดิโอ ไฟล์" หรือการตั้งใจจัดวางตำแหน่งของไมค์ เครื่องดนตรี และอุปกรณ์รับเสียง ชนิดถึงขั้นวัดระยะ เป็นอีกหนึ่งความมากที่ซ่อนแนบมากับความน้อยในอัลบั้มชุดนี้ของป้าง
ปรัชญา "น้อยแต่มาก" ในโครงร่างรูปธรรม อาจเริ่มรำไรฉายชัดขึ้นมา ในหัวสมอง หลังจากที่ตั้งใจเสพงานของป้างอัลบั้ม ดอกเดียวอย่างจริงจังจนครบทั้ง 10 เพลงแล้ว รสสัมผัสถึงความละเมียดละไมที่เขาตั้งใจหยิบใส่ลงมาอย่างพิถีพิถัน เริ่มสร้างภาพความมากที่มากับปริมาณน้อยขึ้นมาบ้าง
ถึงแม้คนส่วนใหญ่อาจยังไม่เข้าใจถึงปรัชญานี้ ชนิดทะลุปรุโปร่งสักเท่าไร แต่เชื่อว่าดอกไม้เพียงหนึ่งที่ป้างยื่นให้ น่าจะเริ่มวาดโครงตั้งเค้าความมากที่แฝงซ่อนอยู่ในปริมาณน้อยนี้ได้ ไม่มากก็น้อย...