"วีเจจ๋า" เปิดใจโดนหามส่งโรงพยาบาลกะทันหันเหตุอาการเส้นเลือดในตาแตกเฉียบพลัน บอกโชคดีถ้ามาพบหมอช้าอาจตาบอด แจงสาเหตุเกิดจากใช้แปรงแต่งหน้าร่วมกับคนอื่น ด้านหมอเจ้าของไข้เผยอาการดีขึ้นมากแต่ต้องพักรักษาตัวอีกสักพัก พร้อมเตือนระวังการติดต่อ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 มิถุนายน 2550 วีเจสาวฮอตแห่งปี "จ๋า -ณัฐฐาวีรนุช ทองมี" โหมงานหนักถูกหามส่งโรงพยาบาลวิชัยยุทธ เพื่อเข้ารับการรักษาโดยด่วน ด้วยอาการติดเชื้อไวรัสตาแดงชนิดมีเลือดออก ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่รุนแรง ทำให้เยื่อตาบวมและมีเลือดออกในตาขาวเป็นจำนวนมาก เมื่อผู้สื่อข่าวได้เข้าไปเยี่ยมสาวจ๋าที่เข้าพักรักษาตัวที่ห้อง 1224 โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โดยวีเจจ๋าที่นอนพักรักษาตัวในชุดคนไข้และยังคงมีสีหน้าที่อิดโรย อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ต้องสวมแว่นตากันแดดตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ตากระทบกับแสงโดยเด็ดขาด พอมีโอกาสได้คุยกับสาวจ๋าเลยเปิดเผยถึงสาเหตุและอาการของโรคดังกล่าวว่า
"จ๋าป่วยเป็นโรคตาแดงมาประมาณ 12 วันแล้ว โดยเริ่มแรกเกิดอาการคันและตาอักเสบ คิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงรักษาด้วยการใช้ยาหยอดตา แต่เนื่องจากตนรับงานแสดงและงานพิธีกรเยอะมาก ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน อาการติดเชื้อจึงรุนแรงขึ้น บวกกับเวลาคันจ๋าก็มักจะใช้มือขยี้ตาทุกครั้ง ทำให้ตาอักเสบรุนแรงขึ้น และมีอาการเส้นเลือดฝอยในตาแตกกระจายเข้าไปในตาขาวและตาดำ เปลือกตาบนและเปลือกตาล่าง ทำให้เยื่อบุตาอักเสบและบวมมาก มีน้ำเหลืองและเลือดไหลออกมาตลอดเวลา"
"ตอนนั้นดูแล้วน่ากลัวมากเลยตอนนั้นและเวลาที่จ๋ากระพริบตาแล้วมันจะดูย่นๆ ทำให้ร่างกายของเราสร้างเอนไซม์มาย่อยไวรัส แต่ด้วยความที่มันต้องย่อยเยอะมาก มันเลยมาย่อยกระจกตาดำของจ๋าด้วย เลยทำให้มีผลต่อการมองเห็น"
"จริงๆ แล้วอาการเริ่มแรกมันจะดูเหมือนกับคนที่เป็นโรคตาแดงปกติ แต่พอจ๋าได้เข้าพบหมอแล้วเขาก็บอกว่าอาการอาจเหมือนกันแต่โรคอาจแตกต่างกันก็ได้ และอาการของจ๋านี่ถือว่ารุนแรงมากด้วย ตอนนี้ไม่สามารถทำงานได้เลย เพราะตาของเราไม่สามารถโดนแสงได้ แต่ตอนนี้อาการทุกอย่างเริ่มทุเลาและดีขึ้นจนพ้นขีดอันตรายแล้วเชื้อโรคในตาของจ๋ามันเริ่มตายแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังคงมีเลือดที่ขังอยู่ในตาบ้าง"
"ตอนนี้จ๋าก็ต้องรักษาตัวตลอดเวลา คือคุณหมอเขาทั้งฉีดยา ป้ายยาและหยอดยาตลอดเลย แต่หมอก็บอกว่าดีนะที่ตัวจ๋ายังไม่มีเอฟเฟคกับยาใดๆ แถมจ๋ายังโชคดีด้วยที่ปัจจุบันนี้เขามียาที่เหมาะกับโรคนี้แล้ว แต่จริงๆ เชื้อโรคประเภทนี้จะไม่มียารักษาหรอก ต้องรอให้มันตายไปเองแถมโรคนี้ก็ถือเป็นโรคติดต่อด้วย ก็เลยต้องพักรักษาตัวนานหน่อยจนกว่าจะหาย แต่จะติดต่อกันเฉพาะการใช้ของร่วมกันหรือทางน้ำตาเท่านั้นนะ"
"จ๋าก็เลยต้องใช้คอนแทคเลนส์มาปิดกั้นกระจกตาดำอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้แผลมาโดนกันเอง แล้วก็ใส่แว่นตากันแดดกันเอาไว้ตลอด เพื่อไม่ให้ใครมาติดเราและตาเราก็จะได้ไม่ติดเชื้อจากใครด้วย"
"ส่วนสาเหตุของอาการนี้คุณหมอก็บอกว่าเกี่ยวกับการแต่งหน้าโดยใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น เพราะมันก็มีเปอร์เซ็นต์สูงนะที่ทำให้เกิดโรคนี้ คือเราไม่รู้ว่าใครมีเชื้อโรคตัวไหนและเอาเชื้อมาแพร่ใส่เราตอนไหน คือตอนนี้จ๋าก็นอนโรงพยาบาลมา 6 วันแล้วและก็ต้องพยายามรักษาให้มันหายดีและคุณหมอก็บอกว่าต่อไปนี้เราก็จะต้องดูแลและระวังเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการแต่งหน้าร่วมกับผู้อื่น"
"ไม่เคยคิดเลยว่าอาการจะหนักขนาดนี้ ตั้งแต่อาการแย่ลง ตามองไม่เห็น มีน้ำหนองและเลือดไหลออกมา รู้สึกตกใจ กลัวตาบอด เรารู้สึกว่าทรมานมาก สงสารคนที่ตาบอดมองไม่เห็น คือจ๋าอยากฝากให้ทุกคนว่าขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจมาให้ตอนนี้จ๋าอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ก็คงต้องยังนอนรักษาตัวต่อไปอีกสักพัก แต่จ๋าก็ขอสัญญาว่าถ้าหายป่วยเมื่อไหร่ จะรีบกลับไปลุยงานต่อทันทีและก็อยากบอกทุกคนว่ารักษาสุขภาพกันมากๆ นะ โดยเฉพาะดวงตา เพราะดวงตาเป็นสิ่งสำคัญมากกับตัวเรา"
ทางด้าน "นายแพทย์อนุชิต ปุญญทลังค์" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยาและเป็นแพทย์เจ้าของไข้ของวีเจสาว เปิดเผยถึงอาการดังกล่าวว่า
"คุณจ๋ามีอาการติดเชื้อที่ตามาประมาณ 8 วันแล้ว ซึ่งอาการโดยทั่วไปก็จะมีน้ำตาไหล เยื่อบุตาบวม มีขี้ตาและเชื้อไวรัสแผ่เข้าไปในตาดำ ทำให้มีอาการตามัว ระคายเคืองตามากจนไม่สามารถสู้กับแสงแดดได้เลย อาการนี้ถือเป็นอาการติดเชื้อทางตาชนิดรุนแรง นอกจากนี้ยังมีอาการเลือดออกในตาขาวและแทรกซึมเข้าไปในเปลือกตาอีก ทำให้ตาดำเป็นจุดจำนวนมาก"
"สำหรับการรักษานั้นในขั้นแรกแพทย์ได้รักษาอาการอักเสบ โดยให้ยาหยอดตาสเตียรอยด์ ควบคู่กับเจลโปรตีนหยอดตาควบคู่ไปด้วย ซึ่งการรักษาต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะยาสเตีย รอยด์ มีผลให้ไวรัสเจริญเติบโตต่อไปได้ หากร่างกายได้รับยามากเกินไป ซึ่งผลจากการรักษาคนไข้มีอาการดีขึ้น"
"แต่พอตื่นขึ้นมาก็มีอาการแย่ลง เนื่องจากคนไข้นอนหลับไปโดยไม่ได้หยอดตาแพทย์จึงเปลี่ยนวิธีการรักษาใหม่ด้วยการให้คนไข้ใส่คอนแทคเลนส์ เพื่อกันไม่ให้กระจกตาดำสัมผัสกับบริเวณเยื่อตา ที่มีเชื้อไวรัสอยู่และเปลี่ยนเจลโปรตีนเป็นชนิดข้น ซึ่งเจล ชนิดนี้โดยปกติใช้ฉีดในลูกตาเวลาผ่าตัดสลายต้อกระจก หลังจากเปลี่ยนวิธีการรักษาเพียง 1 วัน คนไข้ก็มีอาการดีขึ้นมาก จุดในตาดำก็หายไปเกือบหมด แต่ต้องใช้เวลาในการรักษา 10-14 วัน เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัส"