จับ “สามารถ พยัคฆ์อรุณ” กรณีมั่วสุมเสพยาไอซ์ ซุกกัญชา ตำรวจจับคาโรงแรมหมดยกทีม ตรวจไม่พบฉี่ม่วง นักมวยชื่อดังประกันตัว 50,000 ออกมาสู้คดี ลั่นขอโทษแฟนๆที่ทำให้ผิดหวัง พร้อมยืนยันตนไม่ได้มีร่วมเสพยาอย่างแน่นอน แค่ดื่มเหล้าและไม่รู้เรื่องใดๆทั้งสิ้น
วันนี้ ( 14 มิ.ย.) พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส. พ.ต.อ.นรศักดิ์ เหมสนธิ รอง ผบก. นำกำลัง ตรวจค้นที่ห้องพักภายในโรงแรมพาเลซ ซอยไปรษณีย์เก่า ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังได้รับแจ้งว่ามีการมั่วสุมยาเสพติดที่ห้องพักในโรงแรมย่านสมุทรปราการ
เมื่อกำลังตำรวจเข้าทำการจับกุม นาย “สามารถ ทิพย์ท่าไม้” หรือ “สามารถ พยัคฆ์อรุณ” อดีตแชมป์มวยไทยและมวยสากลชื่อดัง เจ้าของฉายา “เพชฌฆาตหน้าหยก” อายุ 45 ปี พร้อมพวก นายสุเมธ โรจนา อายุ 40 ปี และนายพรสิทธิ์ จารุกิตติกุล อายุ 38 ปี พร้อมของกลาง ยาไอซ์เกร็ดสีขาวในถุงพลาสติกใส จำนวน 1 ถุง กัญชา น้ำหนักประมาณ 0.15 กรัม จำนวน 1 ห่อ ยาเม็ดไฟว์ ไฟว์ บรรจุในซองสีแดง จำนวน 3 เม็ด และอุปกรณ์การเสพ 1 ชุด โดยจับกุมได้ภายในห้องสูทขนาดใหญ่ ภายในมีห้องพักขนาดเล็กแยกย่อยอยู่ 3 ห้อง มีโถงกลาง และส่วนที่เป็นคาราโอเกะพบผู้ต้องหากับเพื่อนชายหญิงรวม 10 คน
จากการตรวจค้นตัวทั้งหมด นายพรสิทธิ์ และนายชรินทร์ เพื่อนของสามารถนั้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่จากการตรวจค้น และภายในตัวนายสามารถ พบบุหรี่ยัดไส้กัญชา 2 มวน เมื่อนำคนในห้องทั้งหมดไปตรวจปัสสาวะ พบว่าเพื่อนของสามารถ 2 คน มีปัสสาวะเป็นสีม่วง รับว่าเสพยาไอซ์เข้าไป ขณะที่นักชกชื่อดังตรวจแล้วไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมด ส่งตำรวจ สภ.อ.บางพลี เจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีต่อไป
ซึ่งนักมวยชื่อดังรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนไปดื่มกินกับเพื่อนชื่อ “ดีเซลน้อย” ที่ผับในย่านศรีนครินทร์ โดยตนจอดรถไว้ที่โรงแรมดังกล่าว หลังผับปิดตนกับเพื่อนกลับมาเอารถที่จอดไว้ที่โรงแรม แต่ระหว่างนั้น ดีเซลน้อยชวนตนขึ้นไปดื่มกินบนห้องพักเกิดเหตุ ที่มีเพื่อนเปิดห้องรออยู่แล้ว 2 คน
โดยยืนยันว่าตนไม่ได้จัดปาร์ตี้ยาใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่ขึ้นมาดื่มต่อเล็กน้อยเท่านั้น จนเมื่อประมาณ 03.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจค้นตัวและเจอกัญชาที่เพื่อนให้มาจำนวน 2 มวน ที่ได้มาตั้งแต่เมื่อไปเที่ยวก่อนกลับมาที่โรงแรมและขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นได้นั่งอยู่ที่โต๊ะห้องรับแขกด้านหน้ากับเพื่อนอีก 4 คนและคนที่ไม่รู้จักอีก 3 คน โดยนั่งดื่มสุรา ขณะที่บางส่วนนั่งกินข้าวกันอยู่
ส่วนยาไอซ์และอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ของกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบในห้อง ที่ไม่ได้เข้าไปและไม่ทราบจำนวนผู้ที่อยู่ในห้อง ในส่วนของยาเสพติดที่อยู่บนโต๊ะอาหารนั้น ไม่ทราบเช่นกัน เพราะตอนที่เข้าไปในห้องไม่ได้สังเกตอะไรเลย หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปที่สถานีฯ และให้ตรวจปัสสาวะ ที่ไม่มีอะไรเลย จึงโดนข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองอย่างเดียว แต่ที่ผ่านมา ไม่เคยเสพยาไอซ์และกัญชา หนักไปทางดื่มสุราเป็นหลัก โดยขณะนี้ นายสามารถได้ถูกประกันตัวออกมาแล้วด้วยเงินสด 50,000 บาท
เมื่อผู้สื่อข่าวถามความรู้สึกของ "สามารถ" หลังจากที่โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับเรื่องของการมั่วสุมยาเสพติด อดีตนักมวยดังเปิดใจเพียงสั้นๆว่า “ผมขอโทษแฟนๆ ทุกคน ที่ทำผิดพลาดไป แต่ขอยืนยันว่าผมไม่ได้มั่วสุมยาเสพติดหรือจัดปาร์ตี้ยาใดๆ เพียงแค่ขึ้นมาดื่มต่อกับเพื่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
สำหรับ "สามารถ พยัคฆ์อรุณ" นั้นมีฉายานักชกอัจฉริยะ ชกมวยครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่อายุ 11 ขวบ สถิติการชกมวยไทยในชื่อ สามารถ ลูกคลองเขต ทั้งหมด 107 ครั้ง แทบไม่เคยแพ้ จนกระทั่งครองแชมป์มวยไทย 4 ตำแหน่งของเวทีลุมพินี เป็นยอดมวยไทยเมื่อปี 2524 จากสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬา เพราะปีทั้งปีไม่แพ้ใครเลยจนต้องหันมาชกมวยสากลและประสบความสำเร็จพอสมควร
แต่ด้วยความมีบุคลิกที่โดดเด่น ประกอบกับมีนิสัยเจ้าสำราญ ทำให้มีบุคคลชักชวนเข้าสู่วงการบันเทิง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จไม่แพ้ในวงการมวยเลยทีเดียว สามารถมีผลงานในวงการบันเทิงครั้งแรกโดยการออกเทปกับบริษัทแกรมมี่ ในชื่อชุด " ร็อกเหน่อ ๆ " มีเพลงดังที่รู้จักกันดีในยุคนั้นคือเพลง " อ่อนซ้อม " โดยเป็นการล้อเลียนการซ้อมมวยของตัวเอง ซึ่งมักถูกกล่าวว่าเป็นมวยซ้อมน้อย และได้ออกอัลบั้มชุดต่อ ๆ มาอีกหลายชุด ไม่เพียงเท่านั้น สามารถยังได้ถ่ายแบบ แสดงหนัง ละคร หลายต่อหลายเรื่อง จนกลายเป็นดาราชื่อดังชั้นแนวหน้าในระยะเวลาไม่นาน และประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงโดยได้รับรางวัลตุ๊กตาทองจากภาพยนตร์เรื่อง " ขยี้ " ร่วมกับลิขิต เอกมงคล และเล่นภาพยนตร์อีกหลายเรื่องอาทิ สุริโยไท,ดึกดำดึ๋ย, 7 ประจัญบาน ฯลฯ
สามารถ พยัคฆ์อรุณ คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงนานหลายปี จนหลายคนเชื่อว่า เขาคงเลิกราจากวงการมวยแล้ว แต่ในปี พ.ศ. 2536 สามารถ ก็กลับมาสู่เส้นทางพื้นผ้าใบอีกครั้ง ด้วยมีเป้าตั้งไว้ที่จะกลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง โดยมี ทรงชัย รัตนสุบรรณ เป็นผู้สนับสนุนอีกเช่นเคย สามาถชกอุ่นเครื่องเคาะสนิมอยู่ 5 ครั้ง จึงได้ชิงแชมป์โลกในรุ่นเฟเธอร์เวท WBA กับอีลอย โรฮาส นักมวยชาวเวเนซูเอล่า ในปี พ.ศ. 2537 ผลการชกคือ สามารถแพ้น็อกไปอย่างสิ้นสภาพในยกที่ 8 ปิดฉากชีวิตในวงการมวยทันที ซึ่งในปัจจุบัน สามารถ ยังคงอยู่ในวงการบันเทิง และมีผลงานออกมาเป็นระยะ ๆ และในวงการมวยมีค่ายมวยเป็นของตัวเอง