xs
xsm
sm
md
lg

ดารากับความต้องการในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม้โดยทฤษฎีบ้านเราจะหันมาปกครองด้วยรูปแบบของ "ประชาธิปไตย" ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขยาวนานมาตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ทว่าในทางปฏิบัติแล้ว ต้องถือว่ารูปแบบการปกครองนี้ยังไม่เคยเดินเฉียดเข้าไปใกล้กับความสมบูรณ์เลยสักนิด

เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญฉบับที่ 18 กำลังอยู่ในช่วงของการก่อร่างสร้างตัว แม้จะเปิดกว้างต่อการรับฟังความคิดเห็น ทว่าตรงนี้ก็ได้กลายเป็นเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาดังข่าวที่ปรากฏเมื่อหลายฝ่าย หลายองค์กรต่างก็ต้องการให้สถานะของตนเองได้เข้าไปอยู่ในกฏหมายสูงสุดที่ว่านี้

ในฐานะของคนไทยคนหนึ่ง โดยบางคนก็เข้าไปมีส่วนทางตรงด้วยการเป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์ให้ประชาชนได้ออกมามีส่วนร่วมในการร่าง สร้าง แก้ไขรายละเอียดของรัฐธรรมนูญฉบับที่ว่านี้ เราลองมาฟังเสียงของเหล่าดารา นักร้อง นักแสดงกันดูว่า พวกเขา/เธอรับรู้ เข้าใจ มีความคิดเห็นหรืออยากเห็นอะไรปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้บ้าง

เริ่มกันตั้งแต่ "บีม ดีทูบี" (กวี ตันจรารักษ์) ที่แม้เจ้าตัวจะเป็นพรีเซนเตอร์ณรงค์ให้คนไทยศึกษารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทว่านักร้องหนุ่มก็ยอมรับว่า ตัวเขายังไม่มีโอกาสได้อ่านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เลย เนื่องจากภาระหน้าที่การงาน แต่ส่วนตัวแล้ว เขาหวังที่จะเห็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิมนุษยชนของดาราบรรจุเข้าไปให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที

"คงจะเป็นเรื่องสิทธิส่วนตัวครับ สิทธิส่วนบุคคลของนักแสดง ลิมิตส่วนตัวมันอยู่ตรงไหนกันแน่ เพราะทุกวันนี้ผมเป็นบุคคลสาธารณะจริงๆ แต่บุคคลสาธารณะมันควรจะแค่ไหน เรามีสิทธิ หรือควรถูกล่วงละเมิดในเรื่องส่วนตัวได้มากน้อยแค่ไหน มีเป็นกรอบ เป็นกฎหมายหน่อย มันก็น่าจะชัดเจนมากกว่านะครับ"

"อย่างกรณีมีข้อพิพาทกับพวก ปาปารัซซี บางทีอาจจะเป็นเพราะเราไม่รู้ว่า...ขอบเขตที่ควรกระทำมันอยู่ที่ไหนกันแน่ สมมติว่า... มีขอบเขตที่ชัดเจน เราก็น่าจะได้ลดกรณีข้อพิพาท มันก็ดีต่อบุคคลสาธารณะอย่างเช่นพวกผมด้วย ในการวางตัวต่างๆ เพื่อการทำงาน และเรื่องส่วนตัวต่างๆ"

ด้านนักแสดงรุ่นเก๋าฝ่ายหญิง อย่าง "เปิ้ล-จารุณี สุขสวัสดิ์" เองถึงกับร้องจ๊าก! เมื่อได้ยินคำว่า "รัฐธรรมนูญ" เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องซับซ้อน และไกลตัวคนหาเช้ากินค่ำอย่างเธอพอสมควร พร้อมทั้งฝากถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายว่าอยากให้บังคับใช้ตัวกฎหมายที่ร่างขึ้นมาอย่างจริงจังมากกว่าที่ผ่านมา

"ในส่วนของกฎหมายนักแสดงช้ำใจมาตั้งแต่คราวที่แล้วแล้วค่ะ ออกกฎหมายมา โอ้โห เท่ห์มากเลย เขาว่าถ้างานเราออกซ้ำนักแสดงจะได้เงินเพิ่ม นายทุนก็ออกใบมาเลยว่า มีสิทธิที่จะฉายกี่ครั้งก็ได้ งานเป็นของฉัน อ้าว...ไม่เซ็นเหรอ ถ้าไม่เซ็นก็แบล็คลิสต์ ไม่มีงานให้เราเล่น กฎหมายทุกอันเลยค่ะ ที่ออกมาช่วยนักแสดงเพราะจริงๆ"

"เราต้องยอมรับว่านักแสดงก็ลูกจ้าง แล้วก็ต้องการให้นายจ้าง จ้างใช่ไหมคะ แล้วทีนี้พอกฎหมายอะไรออกมาช่วยนี่ แต่นายจ้างบังคับเซ็นใบกำกับว่า ไม่ให้มันเป็นไปตามกฎหมาย อย่างเช่นว่า เราเล่นหนังไปเรื่องหนึ่ง หรือละครเรื่องหนึ่ง เมื่อใดก็ตามที่คุณเอามาฉายซ้ำอีกคุณก็ต้องมีสัดส่วนแบ่งมาให้กับผู้แสดงต่างๆ ตาม สัดส่วน"

"สมมุตินำมาฉายครั้งที่สองมันอาจจะได้เงินน้อยลง แต่มันก็ต้องได้ค่ะ ตามสิทธิของเราที่เอาหน้าเราไปใช้อีก แต่เขาจะบังคับเซ็นมาเลยค่ะ กฎหมายออกฉันไม่กลัว ฉันออกอีกใบหนึ่งมา แล้วบังคับให้นักแสดงเซ็น ว่าเล่นเรื่องนี้แล้ว แล้วกัน ไม่ติดตามเรื่องค่าจ้างอะไรในภายหน้าอีก ยอมทุกอย่าง แล้วพี่ก็ไม่เคยเห็นมีใครสนใจจริงๆ"

สำหรับนักแสดงตลก เจ้าของบทเพลงโรแมนติกในอัลบั้ม Be My Guest และลูกชายของผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง อย่าง "กอล์ฟ-เบญจพล เชยอรุณ" เองก็ยอมรับว่าไม่ได้อ่านหรือติดตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สักเท่าไร ถึงอย่างไรก็อยากจะเห็นกฎหมายที่ออกมาสนับสนุนวงการภาพยนตร์ให้สามารถตีตลาดสากลได้เสียที

"ผมอยากให้มีกฎหมายที่มารองรับเกี่ยวกับด้านภาพยนตร์ เราอยากให้ภาพยนตร์ไทยได้รับการสนับสนุนเหมือนของต่างประเทศนะครับ อย่างเกาหลีอะไรพวกนี้ เราเห็นแล้วอิจฉา อยากให้มีกฎหมายมารองรับตรงนี้ แล้วเป็นการทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยมันเติบโตด้วย ถ้าเกิดว่าทางรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือตรงนี้ครับ"

"เราอยากให้มันอินเตอร์ นานาชาติมากที่สุด อยากให้ทางฮ่องกง เกาหลี เขาอยากดูหนังไทยบ้าง และเชื่อว่าคนทำหนังไทยดีๆ ยังมีอีกเยอะ ต้องให้โอกาส เราไม่รู้หรอกนะว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลเขาจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องกบว.อะไรได้ไหม แต่อยากให้ดูตรงนี้ด้วยเพราะผมรู้สึกว่าหนังไทยหลายๆ เรื่องบางครั้งโดนตีกรอบในเรื่องของกองเซ็นเซอร์เยอะไปนะ เราเห็นใจ ขนาดผมยังไม่ได้กระโดดเข้าไปทำหนังนะ ผมยังเห็นใจเขาเลย"

"จะจัดเรทหนังอะไรก็ได้ แต่ต้องปล่อยให้คนทำหนังมีอิสระทางความคิดด้วย แต่ทีนี้พอทำหนังมา ต่อให้จัดเรทมาก็ตัดฉากทิ้งอยู่ดี ผมอยากให้เปิดอิสระมากกว่านี้"

ด้านนักแสดงมากฝีมือ "แหม่ม-จินตรา สุขพัฒน์" เปิดใจว่า ส่วนตัวไม่ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองสักเท่าไร ทำให้ห่างไกลเรื่องราวของรัฐธรรมนูญไปพอสมควร แต่ก็ยังอยากให้ยกระดับนักแสดงบ้านเราให้มีสถานะทางสังคมมากกว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้..."พี่มีความรู้สึกว่า คือตอนนี้ไม่แน่ใจนะคะว่ามีบัญญัติเอาไว้หรือยังนะคะ ว่าเราเป็นอาชีพซึ่งตอนนี้"

"เหมือนกับว่าสถานะทางสังคมของเรายังไม่เป็นที่ยอมรับ อย่างสมมุติว่าเราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งน่ะค่ะ โดยอาชีพเราจะไปค้ำประกันหรือทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ เพราะบางทีอย่างคนที่เขาทำงานบริษัทอะไรต่างๆ ที่ค่อนข้างมั่นคง เขาก็จะมีรับรองอะไรต่างๆ ได้ แต่ของเรามันสถานะทางสังคมมันยังไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับอะไรสักเท่าไรอย่างนี้ค่ะ"

"อย่างบางทีนักแสดงจะไปค้ำประกันอะไรอย่างนี้ แล้วเราไม่มีสังกัดใด ถ้าเราเป็นอิสระอย่างนี้มันจะค่อนข้างลำบาก ในเรื่องของการทำนิติกรรมอย่างนี้ค่ะ เพราะอาชีพอย่างเรามันยังเป็นอาชีพอิสระที่อาจจะยังไม่มีความมั่นคงอย่างนี้ค่ะ"

ส่วนนักร้อง นักแสดง หนุ่มฮ็อทแห่ง พ.ศ. นี้ "ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" ซึ่งถือว่ามีงานชุมที่สุดในช่วงนี้ ทั้งผลงานเพลง "ฟิล์ม มาเนีย" และกำลังจะมีงานภาพยนตร์ลงจอเรื่อง “รักนะ 24 ชั่วโมง” ก็ยิ้มแหยๆ เมื่อได้ยินคำว่ารัฐธรรมนูญ พร้อมกับยอมรับว่าตัวเขาแทบไม่มีโอกาสอ่านข่าวสารบ้านเมืองอะไรสักเท่าไร ส่วนสิ่งที่อยากจะฝากไปถึงผู้ร่างรัฐธรรมนูญ คือเรื่องของการสนับสนุนศิลปินของไทยให้ไปสร้างชื่อเสียงในต่างแดน

"ผมอยากให้ทางรัฐบาลช่วยกันสนับสนุนศิลปินของบ้านเรา ให้ได้ไปสร้างชื่อเสียงในต่างแดน จะได้เป็นการโปรโมทประเทศไปในตัว ผมรักประเทศไทยมาก ผมก็อยากจะบอกว่า ช่วยกันโปรโมทประเทศของเราหน่อย บ้านมีของดีอยู่มากมาย หันกลับมามองวงการบันเทิง แล้วใช้เป็นสื่อในการโปรโมทประเทศของเราสักหน่อย เพราะอย่างต่างชาติ เขาก็ใช้วิธีนี้กันเกือบหมดแล้ว"

"คือเอาดารามาโปรโมทประเทศ เพื่อให้คนต่างชาติหันไปเที่ยวประเทศของเขา แล้วก็ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นด้วยครับ แล้วก็อยากให้บ้านเราทำแบบนั้นบ้าง คนจะได้มาเที่ยวเมืองไทยเยอะๆ คนจะได้รู้สึกรักบ้านเรา รักวัฒนธรรม ประเพณีของเราบ้างไ

ด้าน "เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์" นางสาวไทยปี พ.ศ. 2549 และนางเอกคนล่าสุดของฟิล์ม ก็เปิดใจว่ายังไม่มีโอกาสได้อ่านรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังร่างอยู่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรก็อยากจะเห็นทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ส่วนในเรื่องของวงการบันเทิง เธอต้องการให้รัฐบาลจริงจังกับเรื่องปัญหาลิขสิทธิ์มากกว่าที่เป็นอยู่

"เจี๊ยบแค่อยากให้ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นก็พอ ให้ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันก็พอ แต่ถ้าเป็นในส่วนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิง เจี๊ยบคิดว่าก็คงเป็นด้านลิขสิทธิ์นะคะ เพราะว่าผลงานมันเป็นสิ่งที่ทุกคนตั้งใจทำกันออกมาให้ทุกคนได้ชม ได้ฟังกัน เพราะฉะนั้นเขาก็ควรที่จะมีสิทธิในผลงานที่เขาทำออกมา"

"ไม่อยากให้คนนำไปเปลี่ยนแปลง หรือนำไปก็อปปี้ เพราะมันถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับพวกเขาเลยนะคะ อยากให้มีกฎหมายออกมาปกป้องคุ้มครองกันมากขึ้นกว่านี้ค่ะ กฎหมายที่มีอยู่มันอาจจะยังไม่รัดกุมพอ เพราะทุกวันนี้ลิขสิทธิ์ของแต่ละคน ถูกนำไปก็อปปี้กันมาก เขาอุตส่าห์สร้างสรรค์ผลงานกันขึ้นมาให้พวกเราได้รับทั้งสาระและบันเทิงกัน เขาก็ควรที่จะได้รับผลตอบแทนจากสิ่งที่เขาทำบ้าง"

"ไม่ใช่ว่าเดินตามตลาดนัดเจอ อ้าว นี่ของเราเหรอ ทำไมมันถึงมาอยู่อย่างนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็คงจะท้อแท้ในการที่จะสร้างสรรค์งานต่อไป..."




กำลังโหลดความคิดเห็น