"ดู๋" ไม่ปฏิเสธรายการสดของตนคล้าย "ถึงลูกถึงคน" บอกไม่กลัวหากใครจะเปรียบเทียบหรือมองว่าตนมาแทนที่ "สรยุทธ" เจ้าตัวแจงเพราะพิธีกรทุกคนมีตัวตนที่ชัดเจนอยู่แล้ว ย้ำแนวทางการทำงานเพื่ออยากเห็นสังคมไปสู่สิ่งที่ดี(กว่า) ไม่ใช่เพื่อเงิน
ขึ้นแท่นเป็นพิธีกรที่ถูกจับตามองอย่างมากไปแล้วสำหรับ "ดู๋ สัญญา คุณากร" ที่ล่าสุดกลายเป็นผู้ผลิตและพิธีกรคนสำคัญของช่อง 9 ด้วยการทำรายการสดแนว Light Talk ช่วงเวลาปราบเซียน 22.50 น. ทุกวันอังคาร-พฤหัส. ซึ่งหลายคนนำเอาไปเปรียบเทียบกับรายการ "ถึงลูกถึงคน" ของพิธีกรฝีปากกล้า "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ไปโดยปริยาย
งานนี้พิธีกรตี๋หนุ่มได้เริ่มบอกเล่าถึงการทำรายการสดครั้งแรกอย่างละเอียดว่า...
"ตอนนี้รายการยังไม่เคาะนะครับว่าจะใช้ชื่ออะไรแต่รูปแบบในการนำเสนอคือผมไม่อยากให้มันสุดกู่ในด้านใดด้านหนึ่ง เช่นรายการนี้คอการเมืองเท่านั้นถ้าคุณไม่ตามข่าวไม่รู้เรื่องก็ไม่เข้าใจหรือรายการนี้ดาราเท่านั้น ไลท์ ทอล์คของผมคือความบันเทิงที่คุณเสพก่อนนอน แต่ไม่ใช่เบาสมองเบาปัญญา"
"แนวทางการเป็นพิธีกรของผมคือชัดเจนผมทำรายการมา 10 กว่าปี จากประสบการณ์ของผมโดนด่าก็เยอะโดนชมก็แยะแต่ตั้งแต่ที่ผมอยู่มาที่เป็นสัญญา คุณากร ไม่เหนือกว่าใครสักคนที่ดูโทรทัศน์อยู่ มีคนจำนวนมากที่ดูโทรทัศน์แล้วบอกว่าไอ้แว่นทำไมไม่ถามคำถามนี้ เนี่ยไม่รู้เท่าทัน เนี่ยเขาหลอกพูดอยู่ก็เป็นไปได้"
"ก็ใช่ครับที่ผมจะมาเป็นตัวแทนคนดู ผมสกรีนเรื่องเดียวครับคือเจตนารมณ์ ผมเชื่อว่าผมเป็นพิธีกรที่ไม่เหนือกว่าใคร เช่นกันคุณเป็นนักการเมืองก็ไม่เหนือกว่าผม ผมไม่สนใจ คุณเป็นดาราก็ไม่ได้ดีกว่าผมหรือคุณเป็นชาวนาก็ไม่ได้ดีกว่าผม เราเหมือนกัน"
"เจตนารมณ์คือถูกทำให้กระจ่าง ทุกคนแสดงความเห็นในรายการได้ ทุกคนถามได้ ถ้าเป็นเทปมันไม่สามารถสร้างสถานะแบบนี้ได้ คือว่าถ้าผมเป็นคนเห็นในเรื่องของสังคมมันไม่ถูก ไม่ดี มันเพราะอะไรซึ่งบางคนอาจเห็นอีกอย่างก็ได้นะแต่ผมไม่มีที่ไป ผมขับแท็กซี่ผมไปพูดแล้วใครจะฟังผม ผมทำนาแล้วใครจะฟังผม ผมกำลังจะบอกว่ามันต้องมีคนฟังคุณครับ"
หลายคนฟังรูปแบบรายการของดู๋แล้วแนวทางคล้ายรายการ "ถึงลูกถึงคน" ซึ่งต้องถูกเปรียบเทียบแน่นอน เกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าตัวออกปากรูปแบบรายการในโลกนี้เหมือนกันได้แต่การทำหน้าที่พิธีกรของแต่คนไม่เหมือนกันแน่นอน
"อันนี้ก็แล้วแต่มันอยู่ที่กลไกของใคร ผมจะบอกทอล์คโชว์ในโลกนี้ลองเล่าชื่อรายการไม่ต้องสรยุทธ หรอก พูดมาทุกรายการเหมือนหมดน่ะ
"ผมไม่กลัวถูกเปรียบเทียบ ใครมองอย่างไรก็มอง โดยมารยาทผมวิจารณ์รายการคุณสรยุทธไม่ได้แต่การที่ผมประเมิณรายการคุณสรยุทธว่าคาแร็คเตอร์เขาเป็นอย่างนี้ๆแล้วผมจะไม่เหมือนดังต่อไปนี้ผมทำไม่ได้ ผมบอกอย่างหนึ่งว่ามุมมองของพิธีกรทุกคนในประเทศนี้ต่อให้คุณเอาแขกคนเดียวกันมาให้คุณสัมภาษณ์มันก็ไม่เหมือนกัน"
"ผมไม่สามารถจะบอกเป๊ะๆว่าผมจะต่างจากเขาอย่างไร ผมจะถอดแว่นจะได้ไม่เหมือนหรืออะไรแต่ผมมีเจตนารมณ์ว่าผมมีวิธีของผมที่มองสังคมโดยผมไม่ได้บอกว่าผมฉลาดวิเคราะห์เรื่องนี้ได้ แต่ผมมีเจตนารมณ์ที่ดีต่อทุกเรื่องและหวังจะเห็นสิ่งที่ดีกว่า ผมก็หวังว่ามีคนรู้สึกแบบนี้แต่อยู่ในอาชีพอื่นแล้วได้ทำแบบเดียวกันในรายการนี้"
เมื่อถามต่อว่ารู้สึกตนมาแทน "สรยุทธ" หรือไม่ พิธีกรรายการสดคนล่าสุดบอก...
"แหม! มันคงลำบากน่ะนะ คือมันไม่ใช่ตำแหน่งจำเพาะ ไม่ใช่นายกฯมีคนเดียวพอคนนี้ออกมีคนใหม่มาจะถูกเปรียบเทียบกับคนที่แล้วทันที ตำแหน่งผู้ดำเนินรายการในประเทศนี้เฉพาะผู้ชายผมว่าไม่ต่ำกว่า 30 คนนะครับ"
"ถ้าจะเปรียบเทียบคงห้ามไม่ได้แต่ถ้าถามผม ผมไม่เปรียบเทียบเพราะผมเคารพในทุกคน เปรียบเทียบแปลว่าคุณดีหรือด้อยกว่าเขาในด้านใดซึ่งมันไม่ควรทำ มันควรจะดูว่าตัวเองอยากจะทำอะไรอยู่ตอนนี้และที่คุณอยากทำน่ะมันเพื่อใคร ทำไปทำไมมากกว่าครับ"
ส่วนเรื่องเรตติ้งของรายการหากจะได้มากหรือน้อยกว่า "ถึงลูกถึงคน" ก็ไม่ใช่ประเด็น
"คงไม่หวังน่ะ คงหวังไม่ได้มั้งคือสำหรับผมขั้นตอนของการทำงานมันตั้งด้วยเรตติ้งไม่ได้ แน่นอนถ้ารอดเราอยากทำอะไรก่อนมันถึงจะทำได้ดี ถูกมั้ย ก็โอเคมีรายการสดมีความถี่แปลว่าผมทำอะไรก็แล้วแต่ 5 ทุ่มน่าจะเป็นเวลาที่ผมฟรี ผมจะเอาเรื่องอึดอัดที่มีไปเล่าได้ไง นี่คือกลไกนี่คือสิ่งที่อยากให้เกิด "
"แน่นอนมันต้องมีการสกรีน คุณไม่สามารถให้ 60 ล้านคนพูดอะไรก็ได้และคุณก็ไม่รู้ว่าใครพูดด้วยเจตนารมณ์ใด แต่ผมแค่รู้สึกว่าโทรทัศน์ไม่ใช่ของผมครับ ช่อง 9 ไม่ได้ให้เวลาผมเพื่อให้ผมมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นผ่านจอคือผมพยายามทำให้ได้แค่นั้นเอง"
เจ้าตัวรับชีวิตจากนี้ไปย่อมรู้สึกกดดันแน่เหตุกลัวลูกชายไม่สืบสันดานตนเอง
"กดดันเรื่องวิถีชีวิตผมครับเพราะผมไม่อยากติดคุก คือผมเป็นคนเคารพในการให้เวลากับครอบครัวเพราะในกฎหมายเขียนว่าผู้สืบสันดาน ผมค้นพบว่าลูกผมสืบสันดานผมไม่ได้ถ้ามันไม่ได้ใกล้ชิดกับผม มันจะได้สันดานคนอื่น"
"ผมอยากให้เขาได้สันดานเหมือนผม ผมเลยพยายามอยู่ติดกับเขาให้มากที่สุด เราอยากให้ลูกถูกกลืนไปเป็นอันนั้นก็ต้องแลกด้วยเวลาที่เราจะมี ถ้าเราโลภจะทำทุกอย่างแล้วเราไม่ให้เขา วันหนึ่งเขาโตขึ้นมาแล้วไม่เหมือนเราเราจะโทษใคร อีกเรื่องคือรายการที่นี่หมอชิตผมต้องเดินทางไปหลายประเทศเหล่านี้มันต้องหากลไกให้ผมทำได้บ้างใน 3-4 วันที่เหลือ"
"แต่ถ้าว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่ผมจะได้สร้างเวทีให้ผู้คนได้แสดงความคิดเห็นและมันเป็นรายการของผมด้วย เขาอุตส่าห์ให้โอกาสเราได้ทำเราก็อยากลองดู"
สล็อตเวลาช่วง 22.50น. ในวันธรรมดาถือเป็นเวลาปราบเซียนแต่พิธีกรดู๋ก็ไม่กังวล
"ผมไม่ค่อยมองเรื่องโชคลางเท่าไหร่ และทำไมเราถึงมองว่าปราบเซียนแน่นอนมันดึกก็ต้องถามว่าแล้วอย่างไร คนที่เราคาดว่าเขาจะดูเขานอนตอน 5 ทุ่มพอดีรึเปล่าถ้าชีวิตเขานอนตอนนั้นก็ช่วยไม่ได้ เราต้องดูว่าแล้วใครนอนหลัง 5 ทุ่ม 5 ทุ่มคงไม่ใช่เวลาดีที่สุดแต่มันอยู่ที่ว่าเรากำลังทำอะไร"
ยันบ.ดี ทอล์ค จำกัดของตนเองทำรายการ "ที่นี่หมอชิต" , "ดิ ไอคอน" และรายการสดครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อธุรกิจ
"ถามว่าตอนนี้ผมจะขยายรายการอีกมั้ย ก็ดิ ไอคอนผมต้องเลิกนะเพราะทำไม่ไหว อีกอย่างผมไม่ได้มีธุรกิจที่มีเป้า องค์กรของผมเป็นองค์กรที่ทำด้วยความรู้สึกว่าสนุกจังเลย ดีใจที่ได้ทำแล้วครอบครัวของเราหมายถึงพนักงานและเราอยู่ได้ด้วยสถานะที่ดีและมีความสุข ไม่ได้มีเป้าว่าภายใน 2 ปีคุณต้องมี 3 รายการ ไม่เคยมีการคุยในทิศทางนี้เด็ดขาด"
"หรืออย่างรายการสดจะมีระบบส่งsms หรือเปล่า..ตอนนี้ผมกำลังรวบรวมระบบเทคโนโลยีอยู่ว่าจะทำอย่างไรแต่แน่นอนเจตนารมณ์นี้ไม่ได้การแฝงทางธุรกิจนะครับ"