หลังจากที่ทางผู้จัดการออนไลน์ได้รายงานเรื่องการมาเมืองไทยของหนุ่มหน้าสวย "ลี จุน กิ" พระรองจากซีรี่ย์ชื่อดัง My Girl ว่ามีคิวจะมาถ่ายทำละครที่เมืองไทยเป็นเวลา 1 เดือน เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมาเจ้าตัวก็เดินทางมาถ่ายทำละครที่เมืองไทยพร้อมเปิดโอกาสให้สื่อได้เข้าสัมภาษณ์ไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ทางบริษัท K.T.C.C. ก็ใจดีเปิดโอกาสให้แฟนคลับชาวไทยได้เจอกับหนุ่ม "ลี จุน กิ" โดยเฉพาะพร้อมร่วมกระทบไหล่อย่างเป็นกันเอง งานนี้ได้รับความสนใจอย่างมากมีแฟนคลับแห่ร่วมงานหลายพันคนเลยทีเดียว
ซึ่งการจัดงานครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์จัดขึ้นร่วมกับ K.T.C.C (Korea – Thailand Communication Center) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ์โดยตรงจากประเทศเกาหลี ในการดูแล ลี จุน กี อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดงาน “CentralWorld with K.T.C.C: Lee Jun Ki Meet and Greet” ให้บรรดาสาวกและแฟนคลับได้ร่วม Meet & Greet อย่างใกล้ชิด โดยประกาศผู้ส่ง SMS สูงสุด 20 คน และผู้โชคดีอีก 5 คน จากการร่วมเป็นเจ้าของสร้อยรุ่นพิเศษลิมิเตด อิดิชั่น เข้าร่วมดินเนอร์สุดเก๋กับ ลี จุน กี และผู้โชคดีที่จะได้มีโอกาสถ่ายรูป และรับรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของลี จุน กี ซึ่งในงานยังมีกิจกรรมประมูลของส่วนตัวของลี จุน กี ทั้งหมวก, แว่นตา และ DVD ชุดพิเศษอีก 1 ชุดส่งตรงจากเกาหลี โดยรายได้ทั้งหมดสมทบทุนมูลนิธิ พระดาบส เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
โดยก่อนที่หนุ่มหน้าสวย ลี จุน กี จะได้มาเจอกับแฟนๆในงาน Meet and Greet เขาก็เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าสัมภาษณ์อย่างเป็นกันเองก่อน ถึงการมาอยู่เมืองไทยเป็นเวลาเกือบ 3 อาทิตย์แล้ว ซึ่งพิธีกรสาวสวย นาเดีย นิมิตรวานิช จึงได้ถามถึงอากาศเมืองไทยว่าร้อนมากหรือเปล่า เพราะแค่นั่งสัมภาษณ์เจ้าตัวก็ออกอาการเหงื่อท่วมตัวเลยทีเดียว
"ตอนมาครั้งแรกรู้สึกร้อนมากครับ แต่ครั้งที่สองนี้เริ่มชินแล้ว ก็พยายามจะทำตัวให้คุ้นเคยกับอากาศร้อนเพราะว่าที่เกาหลีอากาศไม่ได้ร้อนทั้งปีครับ"
ซึ่งก่อนที่ลี จุน กิจะเดินทางมาที่เซ็นทรัลเวิล์ด เขาได้เดินทางไปร่วมเปิดสำนักงานใหม่ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีประจำประเทศไทย ที่เอสพลานาด ซึ่งในงานเนืองแน่นไปด้วยบรรดาแฟนคลับที่แห่มายลโฉมหนุ่มหน้าสวยทำเอาวุ่นวายกันพอสมควร เจ้าตัวก็ได้เผยความรู้สึกถึงการเจอแฟนๆครั้งแรกว่า "รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นตัวแทนเปิดสำนักงานของ KTO และก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะไม่ได้พบแฟนๆนานแล้ว เพราะในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมถ่ายแต่ละครอย่างเดียวเลยครับ"
พร้อมกันนั้นเจ้าตัวยังขอบคุณแฟนๆชาวไทยเป็นภาษาไทยเมื่อทราบว่า แฟนคลับมารอตั้งแต่ห้างยังไม่เปิด พร้อมยังส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยโดยจะบอกเพื่อนๆว่ามาเมืองไทยมีสถานที่น่าเที่ยวมากมาย "ที่เมืองไทยมีที่น่าท่องเที่ยวเยอะมาก และประทับใจน้ำใจของคนไทย ทำให้ผมรู้สึกสบายใจตลอดการถ่ายทำละครตลอด 2 - 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา"
เมื่อถูกถามถึงการถ่ายทำละครในเมืองไทยว่าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าตัวก็บ่นว่ายุ่งมาก แต่ก็มีเวลาแอบไปเที่ยวมาบ้างเล็กน้อย "ทำงานยุ่งมากเลยครับ เพราะว่าเป็นการถ่ายละครที่เมืองนอกไม่ใช่ที่ประเทศเกาหลี ทีมงานและผมต่างก็ยุ่งมาก แต่ก็มีเวลาไปเที่ยวมาบ้างแล้วครับนิดนึง ทั้งพัทยา หัวหิน และในกรุงเทพฯ เที่ยวกลางคืนก็ไปมาแล้วชอบมากครับ"
พร้อมกันนั้นเจ้าตัวยังพูดถึงละครเรื่อง TheTime Between of Dog and Wolf ด้วยว่าละครยาวมากอธิบายไม่หมด แต่สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเขาจากผู้ชายหน้าสวยหวานในภาพยนตร์เรื่อง The King and The Clown มาเป็นหนุ่มมาเฟียมาดเข้มได้ จึงอยากให้ทุกคนคอยติดตามผลงาน พร้อมย้ำว่าอย่ายึดติดกับภาพลักษณ์เดิมๆที่มองว่าเขาเป็นผู้ชายหน้าสวย "ที่ว่าหน้าสวยกว่าผู้หญิงน่าจะได้อิมเมจที่คล้ายผู้หญิงมาจากเรื่อง The King And The Clown มั้งครับ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าผมไม่เหมือนผู้หญิงเท่าไหร่ ( สวยกว่า เสียงพิธีกรสาวแอบแซว ) และตอนนี้ผมก็กำลังถ่ายทำละครเรื่องใหม่เลยอยากให้แฟนๆดูอิมเมจใหม่ๆ มากกว่าไปติดกับอิมเมจเก่าๆครับ"
เมื่อถูกสื่อมวลชนถามถึงเรื่องที่คิดจะหันหน้าสู่วงการเพลงบ้างหรือไม่เจ้าตัวรีบออกตัวว่าถึงจะชอบร้องเพลงแต่ก็ยังอยากทำงานการแสดงต่อไป "ไม่เคยคิดจะเป็นนักร้องแบบจริงๆจังๆครับ แต่ผมชอบร้องเพลงเป็นงานอดิเรก ตอนนี้อยากทำงานภาพยนตร์และละครมากกว่าครับ" เมื่อถูกขอร้องให้ร้องเพลงให้ฟัง เจ้าตัวอมยิ้มพร้อมส่ายหัวอย่างเดียวก่อนจะแก้ตัวว่าตอนนี้คอไม่ค่อยดี ( หัวเราะ )
พร้อมกันนั้นเมื่อทางผู้สื่อข่าวบอกให้พูดภาษาไทยให้ฟัง พอเจ้าตัวพูดออกมา เล่นเอานักข่าวอึ้ง!ส่งเสียงฮือฮากันเลยทีเดียว "ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ" ( พร้อมยกเมือไหว้ ) ก่อนจะบอกย้ำแฟนชาวไทยทุกคนว่า "ผมรักคุณ ผมรักคุณ" ( หัวเราะ )
นอกจากนั้นยังพูดถึงสิ่งที่ชอบมากที่สุดในเมืองไทย ที่เจ้าตัวบอกว่า คงเป็นสถานที่เที่ยวแต่ไม่มีเวลาจึงต้องถ่ายทำไปด้วยเที่ยวไปด้วย พร้อมเผยความรู้สึกกรณีที่มีแฟนคลับตามไปเกือบทุกที่ว่า "ช่วงแรกๆรู้สึกตกใจครับ สมาธิหลุดเลย เวลาที่จะถ่ายละคร แต่พอชินแล้วก็รู้สึกสนุกสนานดีครับ แล้วถ้าวันไหนแฟนๆไม่ติดตามผมก็น้อยใจครับ "
พร้อมกล่าวถึงแผนการว่าจะกลับเกาหลีวันที่ 15 มิ.ย. นี้และถ้ามีโอกาสจะกลับมาเมืองไทยอีกครั้งแน่นอน ก่อนจะทิ้งท้ายว่าแฟนชาวไทยน่ารักและขอให้ติดตามผลงานของเขาด้วย "รู้สึกประทับใจกับแฟนๆคนไทยมากเลยครับ การที่มีแฟนๆต่างประเทศที่ไม่ใช่เกาหลีทำให้ผมรู้สึกภูมิใจมากเลยครับ ยังไงก็ขอให้ติดตามผลงานของผมต่อไปนะครับ ผมอยากให้คนไทยสนใจวัฒนธรรมเกาหลีมากขึ้น อาจจะไม่ใช่ผมคนเดียวแต่อาจจะเป็นศิลปินคนอื่นๆด้วยเพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมเกาหลีผมก็จะพยายามต่อไปครับ"
หลังจากจบงานแถลงข่าวลี จุน กิ ก็มีคิวสัมภาษณ์ยาวเหยียดก่อนที่จะเข้าร่วมงาน CentralWorld with K.T.C.C: Lee Jun Ki Meet and Greet ต่อในช่วงเย็น ซึ่งบรรยากาศภายในงานเนืองแน่นไปด้วยบรรดาแฟนคลับที่แห่มายลโฉมนักแสดงหนุ่มกันอย่างมากมาย ทำให้พื้นที่โดยรอบรวมทั้งรอบรั้วด้านบนของทุกชั้นถูกแฟนคลับมานั่งจับจองพื้นที่กันตั้งแต่ช่วงบ่ายก่อนที่งานจะเริ่มในเวลา 18.00 น.
ซึ่งพอหนุ่มลี จุน กิ ปรากฏตัวทางด้านหลังเวทีแฟนคลับบริเวณชั้นบนต่างก็ส่งเสียงกรี๊ดพร้อมโบกไม้โบกมือทักทาย และเมื่อเจ้าตัวเดินขึ้นเวทีเสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มเล่นเอาลี จุน กี ต้องเอามือปิดหูกันเลยทีเดียว พร้อมกันนั้นยังได้มอบของให้กับผู้ที่ร่วมประมูลสิ่งของแต่ละชิ้นซึ่งเจ้าตัวสวมให้เองกับมือทั้งหมวกและแว่นตาก่อนที่จะจับมือแสดงความขอบคุณ ซึ่งผู้ที่ประมูลของได้ต่างก้ไม่ทิ้งโอกาสดีของตนเองขอลี จุน กี กอดเจ้าตัวก็ใจดียินดีให้กอด แต่งานนี้ก็เล่นเอาเจ้าตัวเขินกันเลยทีเดียวเมื่อหนึ่งในผู้ประมูลที่เป็นชาวต่างชาติกอดรัดแน่นพร้อมหอมแก้มไปอีกหนึ่งฟอด เล่นเอาแฟนคลับที่ยืนดูอยู่โดยรอบส่งเสียงกรี๊ดไม่หยุด ก่อนที่จเข้าสู่พิธีการนำเงินรายได้ทั้งหมดจากการประมูลสิ่งของ 7 ชิ้นซึ่งรวมเป็นเงินจำนวนกว่า 93,000 บาทมอบให้กับทางตัวแทนของมูลนิธิก่อนที่จะนั่งให้สัมภาษณ์กับพิธีกรสาวสวยของงาน พร้อมโบกมือทักทายแฟนๆโดยรอบ
ซึ่งพิธีกรสาวถามว่าเหนื่อยบ้างไหม เจ้าตัวบอกไม่เหนื่อยพร้อมบอกรู้สึกประทับใจที่มีแฟนๆให้การต้อนรับเยอะขนาดนี้ก่อนจะหยอดคำหวานเป็นภาษาไทยฝากแฟนชาวไทยทุกคน "ไม่เหนื่อยเลยครับ รู้สึกประทับใจ และขอบคุณแฟนๆชาวไทยทุกคนที่คอยติดตามผมครับ ผมรักคุณ ( ลากเสียงยาวมาก )"
พร้อมกันนั้นยังพูดถึงอาหารไทยที่ตนเองชื่นชอบว่าชอบอาหารทะเลแต่ยังไงก็ยังไม่ชินกับต้มยำกุ้งอาหารขึ้นชื่อของเมืองไทย "ผมทานอาหารไทยมาเยอะมากเลยครับ และชอบอาหารทะเลครับ ชอบซีฟู้ด แต่ว่าต้มยำกุ้งเนี่ยผมยังทานไม่ค่อยได้ครับ เพราะยังไม่ชินกับกลิ่น ถ้าชินมากกว่านี้น่าจะทานได้ครับ"
นาเดีย : งานอดิเรกคืออะไร เวลาว่างชอบทำอะไรคะ ?
จุนกิ : ก็เหมือนคนทั่วๆไปครับ ฟังเพลง ดูหนัง เที่ยวกับเพื่อน ขับรถเล่นอะไรทำนองนี้ครับ ( ในระหว่างนั้นมีเสียงเรียกจากแฟนคลับด้านบนพร้อมตะโกนว่า "ลี จุ กิ โอปปา ซารางเฮโย" ( พี่ลี จุน กี ฉันรักคุณ ) เจ้าตัวหันไปมองและตอบกลับว่า "ครับ Thank You" ลากเสียงยาวเหมือนเดิม )
นาเดีย : คราวหน้าสงสัยต้องไปเรียนภาษาเกาหลีมาคุยบ้างแล้ว ?
จุนกิ : ผมก็อยากเรียนภาษาไทยครับ แต่ว่าภาษาไทยยาก แต่ก็กำลังเรียนๆอยู่ครับ
นาเดีย : น้องๆอยากทราบว่าคุณ ลี จุน กิมีแฟนหรือยังคะ ?
จุนกิ : ทำไมครับ ? (หันมามองหน้าพิธีกรสาว นาเดียรีบบอก เขาถามค่ะ ) ยังไม่มีครับ !
นาเดีย : สาวไทยเป็นยังไงบ้าง พอจะใช้ได้หรือเปล่า ?
จุนกิ : ผู้หญิงไทยสวยครับ และก็มีเสน่ห์มาก
นาเดีย : ขอถามสเป็คว่า ชอบผู้หญิงแบบไหนคะ ?
จุนกิ : จริงๆผมชอบภาพลักษณ์ที่เจอกันครั้งแรกมากกว่าครับ ก็เลยไม่มีอะไรที่เจาะจงไว้ แต่ถ้าจะให้ดีผมชอบผู้หญิงขี้อ้อนครับ ( พร้อมกันนั้นแฟนคลับต่างก็ส่งเสียงกรี๊ดอ้อนลี จุน กิ เจ้าตัวจึงทำท่าซารางเฮโย ( รูปหัวใจ ) เรียกเสียงกรี๊ดกลับไปถล่มทลาย )
นาเดีย : ตั้งใจในการประมูลนี้ยังไง ที่จะเอาเงินไปทำบุญคะ ?
จุนกิ : ปกติผมชอบทำบุญอยู่แล้วครับ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ผมได้รับความรักมาจากแฟนๆ ซึ่งผมควรจะแบ่งความรักให้แฟนๆกลับไปด้วยเช่นกันครับ แล้วในหลวงของคนไทยก็ทรงทำอะไรให้ประชาชนของพระองค์มามาก ผมเลยอยากทำอะไรได้บ้างจึงเป็นที่มาของการประมูลตรงนี้ครับ
นาเดีย : สุดท้ายนี้ไม่กวนแล้ว ขอให้มีความสุขมากๆ และดีใจกับความสำเร็จในเมืองไทยด้วยนะคะ
จุนกิ : ครับ ขอบคุณมากครับ
ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งท้ายว่ามีอะไรอยากจะพูดคำหนึ่ง ซึ่งเขาได้กล่าวต่อหน้าแฟนคลับนับพันคนว่า "ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ" ( พร้อมยกมือไหว้ ก่อนที่แฟนคลับทั้งหมดจะพูดว่า "ทรงพระเจริญ" เช่นเดียวกัน )
เรียกได้ว่าเล่นเอาแฟนคลับปลื้มใจกับความน่ารักสดใส และประทับใจที่พระเอกหนุ่มรักในหลวงเช่นเดียวกับประชาชนชาวไทยทุกคน