หวิดเสียโฉม! "แตงโม" รถคว่ำจริง ตาแตก ฟันหลอ ฯลฯ เหตุเพราะอดนอนดูซีรีส์เกาหลี ยันเปล่าเมาแล้วขับแต่รับจิบเหล้าช่วงหัวค่ำ ชมหมอศัลยกรรมเก่งกลับมาสวยเหมือนเดิม บอกไม่ได้ตั้งใจปิดข่าวแต่ยังไม่พร้อม ทำซึ้งก้มกราบหนุ่มช่วยชีวิตเหมือนได้เกิดใหม่ ส่วนหนุ่ม "ก้อง" ส่งกำลังใจให้หายเร็ววัน...
หลังจากที่ปล่อยให้คาดเดากันเอาเองว่า นางเอกสาว "แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์" ประสบอุบัติเหตุหน้าเสียโฉมทำให้โดนปลดจากละคร "รักแท้แซบหลาย" จริงหรือไม่? อยู่พักหนึ่ง ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้เจ้าตัวเผยว่า ประสบอุบัติเหตุจริงและหากใครได้เห็นเธอ ณ เวลา นั้น คงไม่มีใครจำได้เพราะสภาพบวมมาก และนั่นเองที่ทำให้เธอไม่ออกมาให้ข่าวในเบื้องต้น
"ถ้าใครได้เห็นโมในตอนนั้นทุกคนจะว่าใช่โมหรือเปล่า โมโทรบอกใครว่ารถคว่ำไม่มีใครเชื่อ เฉยๆ เพราะเสียงโมปกติมาก อีกอย่างโมเป็นคนขี้เล่น แต่คุณพ่อเชื่อก็ไม่คิดว่าเป็นอะไรร้ายแรงมาก พอเห็นแล้วก็ช็อกเลยว่าใครมานอนบนเตียง เพราะอาการบวม ตอนก็นี้ดีขึ้น 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ข้างในไม่เป็นไร มีแต่แผลรอยแดง รอยเย็บก็ต้องเห็นอยู่แล้วเป็นเส้น เย็บที่หน้าเยอะจนไม่รู้กี่สิบเข็ม"
บอกแผลปิดสนิทแล้วแต่ยังต้องเมคอัพปกปิดร่องรอยที่เหลืออยู่ เผยถึงกับทำให้ขยาดขับรถ ส่วนรถคันดังกล่าวอยู่ระหว่างการซ่อมและหลังจากนั้นคงขายทิ้งไปเลย
"ตอนนี้แผลสดทุกอย่างปิดหมดแล้ว แผลดีขึ้นตั้งแต่อยู่ รพ. ได้ยาดี อยู่ รพ. 10 กว่าวันก็ออกมาแล้ว ตอนอยู่ข้างนอกก็เมคอัพด้วยแต่ได้ไม่มากเพราะยังมีแผลอักเสบด้วยก็ไม่อยากซ้ำมันมาก ตอนนี้กินยาอย่างเดียว จิตใจ ณ เวลานี้ค่อนข้างใกล้เคียงปกติ"
"ไม่กล้าขับรถเลย ให้คุณพ่อขับ ท่าทางคุณพ่อจะไม่ยอมให้ขับด้วย ขนาดออกจาก รพ.วันแรกนั่งก็สั่น นึกถึงมากก็ไม่ได้ กลับไปเหมือนอยู่ในเหตุการณ์อีกครั้ง ทำให้คิดถึงช่วงอุบัติเหตุ ตั้งแต่เริ่มเกิดจนถึงสุดท้าย ตอนนี้รถอยู่ในระหว่างการซ่อม เสร็จแล้วคงขายไปแล้ว หลายคนบอกรถโมไม่ถูกโฉลกมีแต่เรื่อง เรื่องโฉลกสีโมไม่ซีเรียสเป็นคริสต์ ด้วยความที่พอเห็นแล้วก็คิดถึงเหตุการณ์นี้"
ก่อนจะเริ่มลำดับเหตุการณ์วินาทีเฉียดตายให้ฟังว่า...
"น่าจะวันที่ 5-6 เม.ย. ช่วงนั้นทำงานตามปกติ ละคร 1 เรื่อง กาษานาคา และที่กำลังถ่ายอยู่ก็คือ รักแท้แซบหลาย วันนั้นที่ไม่ได้นอนเพราะซีรีส์เกาหลี วันรุ่งขึ้นตื่นช่วงสายไปเดินแบบ เลิกประมาณเย็นแล้ว เหนื่อยพอสมควรเพราะเราไม่ได้นอนมาแล้วไปอยู่ในที่เย็นมากๆ เหนื่อย ง่วง ทั้งที่งานไม่หนักเลยแต่เราไม่ได้นอนมา ก็เสร็จจากงานมีนัดไปงานวันเกิดของพี่ บก.หนังสือเล่มนึง ไปกับพ่อ อยู่ในงานสักพักก็กลับบ้าน ง่วงมาก"
"กลับไปหลับที่บ้านตื่นนึง นึกขื้นได้ว่ามีธุระว่าต้องเอาของไปคืนเพราะคิดว่าเพื่อนคงต้องใช้ของที่จำเป็นอันนี้ ก็ออกไปคืน คุณพ่อเห็นเราปิดประตูนอนแล้วก็คิดว่าคงจะนอนหลับฝันดีอยู่ ก็ออกไปตอนดึกแล้วไม่ค่อยง่วงเท่าไร เอาของคืนเสร็จ ขึ้นทางด่วนแจ้งวัฒนะไปลงที่ สุขุมวิท-เพลินจิต เป็นคนขับรถตอนกลางคืนบ่อยมาก"
"คิดว่าเราขับรถได้มีประสิทธิภาพ ก็ขับประมาณ 100 ต้นๆ ไม่คาดเข็มขัดเลย คือ อึดอัด และคิดว่าอุบัติเหตุคงไม่เกิดขึ้นกับเราเพราะเราเป็นคนขับเอง นี่คือสิ่งที่ทุกคนประมาท ก็เริ่มง่วง ก็ปิดเพลงในรถเริ่มคิดอีกแล้ว มีสมาธิอยู่กับตัวเองแต่ไม่มีสมาธิขับรถ ขับอยู่เรื่อยๆ ใกล้ถึงบ้านแล้วประมาณไม่เกิน 10 นาที ข้างหน้าไม่มีรถ ประมาณเที่ยงคืน ขับมาซ้ายสุด 100 กว่า ไม่รู้ว่าหลับมาตอนไหน นานเท่าไร มันวูบหายไป"
"ทุกคนคงเคยเป็นเวลาง่วงมักจะรีบขับให้ถึงบ้านเร็วๆ ยิ่งช้าก็ยิ่งง่วง หลับไปพอลืมตาขึ้นมามีรถอยู่ข้างหน้า ถ้าตรงไปชนแน่ๆ แล้วชนแรงด้วย เลยเบรกสุดเลยแล้วหักหลบ รถหมุนทันที หมุนอยู่ตรงกลาง พอรู้ว่ากำลังจะชนแน่ๆ นาทีนั้นปล่อยพวงมาลัยเลยไม่ทำอะไรแล้ว คิดว่ามันบังคับไม่ได้แล้ว ถ้าตายก็ตาย"
"กว่าจะหลับตากำแพงอยู่ใกล้มากแล้ว ชนยังไงก็อัดก๊อปปี้แน่ๆ พอจะชนหลับตาไม่กล้าดู ทุกอย่างเงียบมาก ในใจก็คิดแล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำไว้แล้ว ถ้าไม่ตายก็ดีไปถือเสียว่าเราทำบุญมาทุกอย่างทำให้เราต้องอยู่ แต่ถ้าตายก็ชดใช้กรรมค่ะ มันได้คิดอะไรในใจเฮือกสุดท้าย"
"รู้สึกตัวว่าถูกเหวี่ยงไปไหนก็ไม่รู้กระแทกโน่น กระแทกนี่ แต่ถามในความรู้สึกเจ็บมั้ย ไม่เจ็บนะ ในความรู้สึกว่ากระแทกฝั่งนี้ (ขวา) แล้วกระเด้งไปอีกทางนึง (ซ้าย) คิดว่าถ้าชนแบบนี้ตกทางด่วนแน่นอนเพราะเป็นกำแพงเตี้ย"
"ด้วยความที่รู้ว่าจะตกด้วยในใจคิดว่าตาย แต่พอชนจากด้านซ้าย รถหงายท้องชี้ฟ้า กระจกด้านคนขับแตก โมกระเด็นออกมาจากกระจกด้านข้างแต่ไม่แน่ใจว่าออกมาแล้วระหว่างรถหมุนอยู่ระหว่างทางหรือรถจบแล้ว เราถึงออกมา ไม่ทราบเพราะว่าเราหลับตา รู้ตัวว่าออกมาจากรถเพราะหน้าท้องและหน้าไถมากับพื้นแนวราบตลอด พอทุกอย่างจบแล้วถึงกล้าลืมตาขึ้นม นอนคว่ำอยู่บนถนน"
พอเริ่มรู้สึกตัวพยายามตั้งสติพยุงตัวเองขึ้นจากพื้น จากนั้นก็ร้องไห้ฟูมฟามได้แต่ร้องขอให้คนช่วย จนเจอพลเมืองดีคนแรกที่ช่วยอุ้มเธอไว้ข้างถนน
"รู้สึกว่าเลือดไหลลงคอ เลือดไหลลงหน้า ตาปิด พยายามตั้งสติยันตัวเองมาจากพื้น หันไปดูเกิดอะไรขึ้น มีบางวูบที่คิดว่าตัวเองฝันแล้วทำไมไม่ตื่นสักที หลังจากนั้นก็เสียสติ ตกใจมาก ร้องไห้เหมือนเด็กเพิ่งคลอดไม่รู้พูดอะไรไปบ้าง ร้องว่า ช่วยด้วยอยู่หลายคำมาก โชคดีมีพี่ที่ขับรถตามมาหรือเห็นเหตุการณ์แต่แรก เขาจอดรถแล้วเดินมา"
"เสื้อขาด กางเกงยีนส์เป็นรอยนิดหน่อย มึนหัว เจ็บตาด้านซ้ายเนื้อหลุดไป (หนังตาด้านบนและล่าง) ตอนแรกไม่รู้ว่าตาแตก พี่เขาก็เลยอุ้มไว้ที่ข้างถนนก่อน โทรศัพท์อยู่กับตัวรีบโทรบอกใครก็ตามที่สามารถช่วยได้ก็โทรก่อนเพราะไม่รู้ว่าเราจะหมดสติเมื่อไร"
บรรยายสภาพร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บซ้ำอีกครั้งก่อนเล่าเหตุการณ์หลังจากที่พลเมืองดีคนที่สองช่วยพาไปส่งโรงพยาบาล..."หลังหูแตก คางแตก คิดว่าน่าจะโดนเศษกระจกด้วย แล้วก็ด้านในปาก เข่า ข้อศอก ฟันหักข้างหน้าขวาสงสัยจะกลืนลงไปด้วยเพราะในคอมีแผล เวลาเอาลิ้นดุนรู้สึกเหมือนแผลมันเปิดอยู่ ไม่กล้าบอกหมอ กลัวค่ะ ตอนนี้หายแล้ว"
"อีกคนมาอุ้มขึ้นรถ นั่งแท๊กซี่มาพาขึ้นแท๊กซี่ ไปถึง รพ.แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ทำการล้างแผลก่อน ทรมานมากโดยเฉพาะแผลช่วงท้อง ดินที่ติดอยู่เยอะมาก สกปรกมากตามถนน เย็บฉุกเฉินก่อน พอรุ่งขึ้นหมอที่เป็นเจ้าของไข้ ดูอาการแล้วบอกให้รื้อแผลที่เย็บออกแล้วเย็บมาก ต้องใช้ยาสลบเลยค่ะ เข้าห้องผ่าตัดประมาณ 6 ชม."
จากนั้นทางรายการก็ได้เชิญ พลเมืองดีคนที่สอง "ยุทธนา ทองบันดาลใจ" พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในสนามบินสุวรรณภูมิ เล่าให้ฟังถึงตอนที่พาเธอส่ง รพ.
"จำเขาไม่ได้เลย ไม่เหมือนอย่างนี้เลย ตอนนั้นมีรถจอดอยู่ 3 - 4 คัน ยืนข้างนอกโทรศัพท์อย่างเดียว ผมนั่งแท๊กซี่ผ่านไป เพราะรถวิ่งได้เลนเดียวก็เลยเห็น มองไปเห็นน้องโทรศัพท์อยู่ ร้องไห้อยู่คนเดียว ก็ว่า เอ๊ะ...ทำไมไม่มีใครพาส่ง รพ. ก็เลยบอกให้แท็กซี่จอดแล้วอุ้มขึ้นรถแท็กซี่ไปเลยก็พยายามคุยกับเขาตลอด เขาก็ร้องไห้ โทรหาพ่อ"
"ตอนนั้นไม่รู้เขาคือใคร พอลงจากทางด่วน 5 นาทีก็ถึง รพ. ผมก็รอเพื่อนเขามาอีก 2 คน ส่งให้เพื่อนเขาแล้วก็ให้นามบัตรเขาไป จากเหตุการณ์ตรงนั้นไม่ถึง 20 นาที พอกลับไปบ้านก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร จนพ่อเขาโทรมาบอกขอบคุณ รู้ชื่อเล่นว่า แตงโม ผมไม่ค่อยได้ดูละคร ไม่รู้จัก"
ซาบซึ้งในความมีน้ำใจของหนุ่มรวยน้ำใจคนนี้ สาว "โม" ถึงกับล้มลงกราบแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้ชีวิตใหม่กับเธอและพ่อ..."(ตาเริ่มแดง) นอกจากพ่อแล้วที่เป็นคนให้ชีวิตก็มีอีกคนคือพี่ยุทธนา (ร้องไห้) เป็นคนให้ชีวิตโม ถ้ามีคำไหนที่ยิ่งใหญ่กว่าคำว่าขอบคุณก็อยากจะมอบให้แต่มันออกเป็นคำพูดไม่ได้"
"พี่ให้ชีวิตหนูเท่ากับให้ชีวิตพ่อหนูด้วย เพราะเราก็มีกันอยู่แค่สองคนนะค่ะ ส่วนนึงก็คิดว่าเราคงทำบุญมาด้วยกันมั้งถึงได้เจอกัน เพราะคนที่ผ่านมาก็ไม่มีใครช่วยหนูถ้าพี่ไม่ช่วยก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ขอบคุณที่ทำให้พ่อของหนูมีชีวิตต่อไปได้ (ก้มลงกราบ)"
"ทุกคนเคยเตือนตลอดที่นั่งรถกับหนูเพราะขับรถเร็ว ก็จนสุดท้ายแล้วก็เกิดอุบัติเหตุเนื่องจากความประมาทของเราด้วยความที่คิดน้อยในขณะนั้น หลังจากเกิดเหตุการณ์ แค่ได้หายใจก็มีค่าแล้ว ไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จมากมายเท่าไรนัก คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นความสำคัญตรงนี้เท่าไร เพราะมัวเองตัวเองไปเปรียบกับคนอื่น"
หลังอุบัติเธอบอกได้แง่คิดเยอะและรู้ซึ้งว่าใครรักเธอจริง
"หลังจากออก รพ.ก็ได้อ่านหนังสือธรรมมะ ในโลกนี้ไม่มีความสุขแต่จะอยู่ยังไงให้ทุกข์น้อยที่สุด ถ้าคิดอย่างนี้ได้แล้ว ชีวิตจะมีค่าทันที เราจะมีความรู้สึกว่าเราจะอยู่ยังไงเรายิ้มได้ มองโลกในแง่ดี ตอนที่อยู่รพ. มีข่าวแย่ โดนข่าวทำนองเมาแล้วขับ ทำให้ยิ่งน้อยใจทำไมถ้าไม่ตายจะไม่รับคำชมเลยเหรอ ต้องรอให้ตายก่อนแล้วค่อยบอก เสียใจด้วยที่เสียคนในวงการบันเทิงไป ทำไมต้องบอกวันที่เขาไม่อยู่แล้ว ไม่ทำให้กำลังใจมันแย่ไปกว่าเดิม ช่วงนั้นแย่มากเลยค่ะ"
"รู้สึกทำไมไม่ขอบคุณความตายที่ไม่เอาชีวิตหนู ทำไมไม่แสดงความยินดีอย่างน้อยให้พ่อหนูรู้สึกดีก็ได้อ่ะ คิดว่าทำไมไม่เป็นกำลังให้กันบ้างเลย มีข่าวไปเที่ยวสงกรานต์เมาหัวราน้ำขับรถตกคลอง หรือแตงโมหน้าเละเสียโฉม ทุกคนจ้องจะรอดู โมหน้าเละ โมเสียโฉม ถ้าหนูเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันสนองความต้องการอะไรของคุณเหรอ หนูไม่รู้จุดประสงค์ตรงนี้ อีกสิ่งที่ได้ช่วงที่แย่ที่สุดเราจะรู้ว่าใครรักเราจริง"
ลั่น ที่ผ่านมาไม่คิดจะปิดข่าวแต่ยังอยู่ในภาพย่ำแย่ ยังไม่พร้อมออกมาพูด
"เรื่องการปิดข่าวไม่ได้มีจุดประสงค์จะปิดบังความจริงแต่เรายังอยู่ในลักษณะสภาพจิตใจย่ำแย่ ขอเวลาพักผ่อนดีกว่า เพื่อยากพักเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในสภาพเดิมเร็วๆ และพร้อมออกมาพูดทีเดียวดีกว่า"
ยอมรับว่าดื่มเหล้าไปบ้างแต่เป็นระยะค่อนข้างนานก่อนเกิดเหตุ พูดติดตลกหากรถคว่ำเพราะเมายังดูดีกว่าอดนอนเพื่อดูซีรีส์เกาหลีแล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้..."ถ้าวันนั้นหนูขับรถเมาแล้วคว่ำยังสมเหตุสมผลว่าหนูดูซีรีส์เกาหลีมันแล้วขับรถคว่ำมันน่าอายกว่ากันเยอะ วันนั้นได้แตะ (เหล้า) แต่ว่ามันเป็นเวลาช่วงหัวค่ำมากๆ ผ่านไป 6 ชม.แล้ว"
คนสงสัยว่าไปทำศัลยกรรมหน้ามาใหม่ด้วย?
"การทำศัลยกรรมทุกคนอยากจะได้ยินคำนี้จากปากเพื่อจะเอาไปพูดต่อได้ว่า เธอทำหน้ามาใหม่ จริงๆ แล้วคำว่าศัลยกรรมเพียงแค่คุณเย็บเพียงเข็มเดียวนั่นก็คือการทำศัลยกรรมแม้แต่การดัดฟัน หนูใช้คำว่าหนูมีคุณหมอด้านศัลยกรรมเป็นเจ้าของไข้ หลังจากออกจาก รพ.ไม่ต้องทำไรอีกเลย โมหายไวมากต้องขอบคุณคุณหมอค่าใช้จ่ายแสนกว่า แผลมันปิดหมดแล้วแต่สีผิวอาจไม่เท่ากัน คงอีกหลายเดือน"
ด้านคุณ "แดง สุรางค์" เตือนให้ระวังการขับรถ ส่วนละครที่มีข่าวว่าถูดปลดกลางอากาศ "โม" ยัน เป็นคนขอยกเลิกเอง
"มีการพูดคุยกับคุณแดง ก็เตือนถึงความปลอดภัยในการขับรถ ไม่ได้ว่าอะไร ตอนนี้ก็มีละครติดต่ออยู่บ้าง (กับละคร รักแท้แซ่บหลายที่ต้องเปลี่ยนตัวไป) ถ่ายไปแล้วด้วยความที่หนูกับพี่หลุยส์ก็เกรงใจกัน หนูก็เกรงใจพี่หลุยส์ถ้าต้องมารอหนู คือจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องของการปลดออกกลางอากาศแต่เป็นการพูดคุยกับพี่หลุยส์ก่อนจะตัดสินใจ หนูบอกพี่หลุยส์ว่าไม่เป็นไรนะถ้าทุกคนต้องมาชะงักเพราะหนู"
"เพราะตอนนั้นช่วงเกิดอุบัติเหตุใหม่ๆ เราไม่รู้ว่าถ่ายเร็วหรือถ่ายช้า เราก็ต้องคิดไว้ในทางที่เป็นประโยชน์กับดาราวีดิโอมากที่สุด บอกเลยค่ะว่าถ้าพอเปลี่ยนแปลงได้เปลี่ยนไปเลย เพราะเราไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไร ถ้าเกิดนานจะทำให้ทุกคนเสียงานเพราะเรา รู้สึกผิดก็เลยบอกทางเขาว่าไม่ซีเรียสถ้าจะเปลี่ยน"
สำหรับหวานใจ "ก้อง การุณ" สาว "โม" บอกได้มาเยี่ยมบ้างและให้กำลังใจให้เธอหายไวๆ…."อวยพรให้หายเร็วนะค่ะ และรักษาตัวเองให้ดีแล้วก็เตือนเรื่องความปลอดภัยในการขับรถ มาเยี่ยมบ้างค่ะ"