"หม่ำ" เคลียร์ชัดไม่คิดตีจาก "เวิร์คพอยท์" เพราะรู้สึกผูกพันพิศวาสและเป็นหุ้นส่วนชีวิตกับเจ้าของบริษัท เจ้าตัวลั่นหากออกจริงต้องบอกทุกคนแน่ เชื่อคนโยงเรื่องตนจะลาวงการกับประเด็นชิ่งต้นสังกัดเป็นเรื่องเดียวกัน พร้อมแจงไม่เคยทะเลาะกับ "เสี่ยตา-เสี่ยเจียง" ถ้าทะเลาะก็เป็นแบบพี่-น้อง...
มีกระแสข่าวออกมาเป็นระลอกถึงเรื่อง "หม่ำ เพ็ชรทาย วงศ์คำเหลา" เตรียมชิ่งต้นสังกัด เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (มหาชน) จำกัด เนื่องจากจะไปทำหนังเต็มตัวกับสหมงคล ฟิล์ม ทั้งนี้เจ้าของบริษัทอย่าง "ปัญญา นิรันดร์กุล" ได้ออกมาพูดว่าหม่ำไม่มีทางไปไหนแน่ๆ
ล่าสุดสอบถามเรื่องดังกล่าวจากเจ้าตัวที่งานบวงสรวงหนังเรื่อง "ฮะ..เก๋า" งานนี้ตลกร้อยล้านลั่นถ้าจะออกจริงตนไปนานแล้ว
"ที่มีข่าวออกมาเป็นระลอกมันเป็นเพราะว่าผมดังสุดๆ หรือเปล่าช่วงนั้น (หัวเราะ) ที่ผมไม่ออกไม่ใช่เพราะผมมีหลายบริษัทในเวิร์คพอยท์หรอก ถ้าผมจะไปผมไปนานแล้ว ถ้าผมจะไปผมจะไม่บอกทำไม แต่มีอย่างหนึ่งคือผมอยากจะอยู่กับภรรยาผมมากเลยตอนนี้เกือบ 10 ปีมาเนี่ย เชื่อมั้ย ไม่เคยไปเที่ยวไหนกับภรรยาเลย"
เชื่อคนตีความเรื่องที่ตนจะลาออกจากวงการบันเทิงกับเรื่องตีจากบริษัทต้นสังกัดเป็นเรื่องเดียวกัน..."ถ้าออกคือหยุดเลยเที่ยวอย่างเดียวเลย ไม่ทำงาน เพราะตรงนี้รึเปล่าคนเลยมองว่าอยากออกจากเวิร์คพอยท์ ก็อาจเป็นไปได้ที่มองผมตรงนี้แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอก ผมพิศวาสเวิร์คพอยท์จะตาย ค่อนข้างจะรู้สึกผูกพันมากกว่า อันนี้พูดถึงเฉยๆ นะ ถ้าจะออกนะ เคยพูดหลายครั้งแล้วล่ะ เห็นฝรั่งคนแก่เดินไปเที่ยวกับเมียกับลูกเขาดูมีความสุข เราอยากทำแบบนั้นน่ะ"
"แต่ไม่ใช่ว่าเพราะติดสัญญากับเวิร์คพอยท์นะผมเลยไปหาความสุขแบบนั้นไม่ได้ มันมีแต่เหมือนไม่มีแหละ แต่พี่ตาไม่ได้มาแบบเฮ้ย ! หม่ำ อันนี้ไม่ได้นะ เขาไม่ใช่คนแบบนั้น มันรู้กันอยู่แล้วไง เราไม่ได้ฝืนที่จะทำงานเราเต็มใจที่จะทำ เราจะไปฝืนทำไมล่ะ"
"อย่างตอนนี้รายการมหานครผมไม่ได้ทำแล้วเพราะเป็นเรื่องของหนัง "หม่ำเดียวหัวเหลี่ยมหัวแหลม" ด้วย และในรายการมีผมอยู่ในช่วงหม่ำเดียวด้วย ผมว่าก็ดีคิดว่าเขาทำถูกแล้ว แต่เดี๋ยวเขาก็มีมาให้ผมทำอีก ผมกับพี่ตาเป็นเรื่องของพิศวาสกัน พี่ตาไม่กล้าด่าผมหรอก ไม่มีเรียกไปเตือน มีแต่เป็นเรื่องสนุกเสียมากกว่า"
ด้วยเหตุที่สามารถเลือกที่จะทำรายการเองได้จึงเป็นที่มาของเสียงวิจารณ์ "หม่ำมีอภิสิทธิ์เหนือเท่ง-โหน่ง"
"จะทำรายการอะไรต่อไปผมยังไม่รู้เลย แต่มีแน่นอน ถามว่างานเยอะไปมั้ยก็อันไหนที่พี่เขาให้ทำแล้วเราทำไม่ได้เราก็ต้องบอกพี่อันนี้ผมไม่ไหว อย่างชัยบดินทร์, โคกคูน,ระเบิดเถิดเทิง มันเป็นเหมือนพี่น้องกันน่ะ ประมาณมีสัญญาใจ เป็นหุ้นส่วนชีวิตกัน พี่อันนี้ผมว่ามันเยอะไปมันไปซ้ำกับอันนี้นะ หม่ำไม่ให้พี่เหรอ ก็เออแล้วแต่หม่ำละกัน"
"อันไหนที่ผมรู้สึกว่ามันชนวันกัน อยู่กับงาน 5 วันมันเครียดน่ะ อภิสิทธิ์มากกว่าเท่งโหน่งเหรอ คงไม่หรอกคือพี่จิก(ประภาส ชลศรานนท์)กับพี่ตาเขาเป็นคนมีเหตุผลน่ะ"
ข่าวชิ่งไม่ทันซา มีข่าวใหม่ "หม่ำ" ทะเลาะกับ "เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ -เสี่ยตา ปัญญา" เข้ามาอีก
"ถามว่าผมวิตกกับข่าวมั้ย ผมกลัวไปพาดพิงถึงคนอื่นเสียๆ หายๆ กับผมน่ะเอาเถอะถ้าไม่ใช่เรื่องครอบครัวนะ ผมสบาย รู้สึกดีเออ เขาเข้าใจเขียนนะ ไม่รู้ใครเขียนนะ "เสี่ยตาสั่งหม่ำรูดซิบปากเรื่องหยาบคาย" เสี่ยตาสั่งกูตอนไหนวะ ก็รู้สึกตลกไง อันหลังมีอีกทะเลาะกับเสี่ยเจียง ทะเลาะตรงไหนเมื่อวานนั่งคุยกันหงุงหงิงๆ ตั้งครึ่งชั่วโมง คุยกันก็ไม่เห็นมีอะไร หู๊ย! จะผิดใจกันทำไม ไม่มีหรอก "
"ข่าวกับเสี่ยเหมือนช่วงที่จะออกจากพี่ตานั่นแหละ เอาเถอะครับ ผมรู้สึกสนุกมากกว่าเพราะว่าทุกคนเกิดมาเพื่องานของใครงานของมัน อย่าหยุดครับ เขียนไปเถอะ อะไรที่มันสนุกสนานน่ะ ใครอยากทำอะไรก็ทำกันไป แต่เขาเข้าใจมีเทคนิคอะไรแบบนี้นะมันน่าสนใจ ยอมรับว่าเขาเก่ง"
ต้นเหตุข่าวทะเลาะเนื่องมาจากที่ "เสี่ยเจียง" วิจารณ์หนังของหม่ำว่ามีคำหยาบเยอะเกินไป งานนี้เจ้าตัวรับฟังและจะนำมาแก้ไข
"ที่เสี่ยวิจารณ์ก็เป็นเรื่องของเสี่ยครับเพราะเสี่ยเป็นคนออกตังค์ เสี่ยจะพูดอะไรก็ได้ เราอาจจะหยาบคายจริงๆ นั่นแหละ ก็เลยบอกตัวเองว่าก็ลดสิ เขาไม่ได้ทำลายเรา เขาจะติเพื่อก่อก็หันมามองตัวเอง แล้วก็ยอมในเรื่องต่อไป เราต้องยอมรับตัวเราเองให้ได้ก่อน มันเหมือนทะเลาะกับพี่น้องนะ เราจะไปทะเลาะกันทำไมวะ มันไม่ใช่นิสัยพี่ไม่ใช่คนแบบนั้น"
"แต่ผมไม่เสียความรู้สึกกับการทำหนังหรอก ผมเป็นคนที่มีสติ ทุกคนเกิดมาเพื่อสิ่งนั้นๆ บางทีเขา(นักข่าว)เขียนวิจารณ์ก็เป็นงานของเขาน่ะแต่เราต้องดูตัวเองด้วยว่าเราหยาบรึเปล่า ถ้าหยาบก็ลดสิ ไม่ได้ยากหนิ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างเรื่องของกู มันเป็นเรื่องของสังคมด้วย"
"ถามว่าผมทำหนังต่อไปจะยังเป็นแนวแบบนี้หรือเปล่ามันก็ไม่แน่ ผมอาจจะเป็นโรแมนติคไฮโซไม่พูดกูมึงสักคำก็ได้ แล้วแต่หน้าหนังว่าจะเป็นแบบไหน ทุกสิ่งทุกอย่างเราอย่าไปรั้นอย่าไปดันทุรังกับสิ่งที่บางคนเขาเห็น แต่ผมรู้สึกเฉยๆ และยอมรับด้วย เออหยาบ"
"มันเป็นอาชีพที่ตัวเราต้องรู้อยู่แล้ว มันอยู่ในจิตสำนึกเราทุกคนนี่แหละ..."
