2 นางแบบพี่น้อง "โย - เอ" รับตบลูกสาวร้านทองจริงแต่เพื่อป้องกันตัวเพราะอีกฝ่ายท่าทางเอาเรื่อง แจงเหตุโดนหาเรื่องก่อนพร้อมโชว์เมสเสจที่อีกฝ่ายส่งมาในทำนองท้าทาย ยอมรับเป็นนางแบบสาวที่อยู่ในรถของ "ชนม์สวัสดิ์" จริงแต่ที่ต้องโกหกเพราะต้องการปกป้องชื่อเสียงให้ ด้านสาวโยยันสัมพันธ์ลูกชายนักการเมืองแค่เพื่อน บอก "ตู่ นันทิดา" รู้ดี...
ตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ทางหน้าหนังสือพิมพ์กรณีไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับลูกสาวร้านทอง "โม นภัสนันท์" แถมยังไปมีชื่อเอี่ยวอยู่ในรถของลูกชายนักการเมืองดัง "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม" ที่กำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจฟ้องร้องถึง 8 ข้อหาด้วยกัน ล่าสุดทั้ง 2 พี่น้องนางแบบ "โย ยศวดี - เอ อัญชลี หัสดีวิจิตร" ก็ได้จัดแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวแล้วท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาทำข่าวเป็นจำนวนมาก
โดยนางแบบสาวโยเริ่มเปิดการแถลงข่าวก่อนว่า...
"วันนี้เอาเป็นทีละลำดับ คือจะให้ไล่จากกรณีวิวาทนางสาวนภัสนันท์ก่อน หลังจากนั้นคำถามอื่นๆ ตามพวกพี่เลย อันไหนตอบได้ก็ตอบ แต่ถ้าอันไหนที่ทำให้เสียรูปคดีก็ขอบอกว่าตอบไม่ได้ แต่จะให้มากที่สุดเท่าที่จะให้ได้"
เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังก่อน?
"สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้านแอนนาการ์เด้นท์ กรณีวิวาทกับนางสาวนภัสนันท์ หรือว่าคุณโม วันนั้นโยกับเอ และเพื่อนนางแบบอีกหลายคนได้เดินทางไปเที่ยวที่ร้านแอนนา เวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่า ก็นั่งทานอาหารก่อน สักพักก็มีเด็กเสิร์ฟมาตามไปรับโทรศัพท์ ก็ทราบว่าเป็นคุณโมโทรมา แล้วจากคำพูดที่จับใจความได้ว่าคุณโมอยู่ในอาการไม่ปกติ คือมึนเมา พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่จับใจความได้ว่ามีปัญหากับพี่สาว"
"โดยเนื้อเรื่องที่คุณโมได้เล่าให้โยฟังพูดตามนี้เลยว่า “ช่วยบอกให้พี่มึงเนี่ยไปไกลๆ เนื่องจากว่าไม่ชอบที่พี่มึงพูดจาไม่เพราะ และเข้าถึงเนื้อถึงตัว เขาบอกว่า 3-4 วันก่อนหน้านี้ ได้เจอคุณเอที่ร้านแอนนากาเด้นท์ แล้วคุณเอได้เข้าไปพูดคุยกับคุณโม แต่เดี๋ยวรอฟังทางคุณเอว่าเขาเจอกันยังไง แต่ที่คุยโทรศัพท์ฟังจนจบ จับใจความได้ว่าคุณเอเข้าไปพูดว่า “ผัวของมึงเนี่ยหล่อมาก ขอเอามาทำผัวได้มั้ย” อันนี้เป็นคำพูดเป๊ะๆ จากคุณโม และตรงกับทางหนังสือพิมพ์ด้วย"
"พอเราฟังปุ๊บก็เลยรู้สึกว่าตรงนี้เป็นเรื่องของคน 2 คน เราต้องถามพี่เราด้วยว่าได้คุยกันจริงหรือเปล่า ก็เลยบอกทางคุณโมว่าใจเย็นๆ เนื่องจากว่าตอนนี้รู้สึกว่าไม่มีสติ เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะกลับไปคุยกับทางพี่สาว แล้วก็ค่อยติดต่อกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น พอกลับมาถึงโต๊ะก็ถามทันทีว่าเมื่อสักครู่มีคนชื่อโมโทรมา ซึ่งผู้หญิงคนนี้โยเคยเจอเขา 1 ครั้ง นานพอสมควรที่แอนนาการ์เด้น แต่ยังจำหน้าเขาไม่ได้ แต่ทางเอได้เล่าให้ฟังว่าได้เจอจริง เดี๋ยวฟังเอเล่า"
เอ : "สำหรับเอได้เจอกับนางสาวนภัสนันท์หรือคุณโมจริง ประมาณ 2 ครั้ง ไม่เคยมีการสนทนาเป็นการส่วนตัว ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ที่รู้จักก็เพราะมีคนในกลุ่มแนะนำว่านี่คือคุณโม แล้วก็ทักทายตามประสาผู้หญิง ก็โอเคจบ แล้วที่เขาบอกว่า 3-4 วันที่เขาเคยเจอเอไม่จริง เพราะตั้งแต่เอไปฮ่องกงไม่เคยไปแอนนาเลยประมาณ 10 วัน แล้วก็เจอเขาเป็นเดือนแล้ว แล้วก็ไม่เคยมีเรื่องเบาะแว้ง คนในร้านจะรู้ดีว่าเราไม่เคยทะเลาะ ไม่เคยมีปากเสียงกัน"
"ถ้าเกิดจะมีเรื่องมาถึง ณ ตรงนี้เอเชื่อว่าก่อนหน้านี้คงจะต้องมีปากเสียงกันมาก่อน เขาไม่เคยมีเบอร์โทรศัพท์เอ เอไม่เคยมีเบอร์โทรศัพท์เขา แม้กระทั่งมีเรื่องเขาไม่เคยโทรมาหาเอ ไม่เคยคุยไม่เคยเคลียร์กับเอ เอก็เลยคิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด เอโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว หน้าที่การงานก็สูง เอคงไม่เอาตัวเข้าไปแลกโดยการพูดจาแบบนั้น เพื่อนๆ คนรอบข้างเอต้องรู้จักนิสัยเอดี พูดแค่นี้เอยังอึกอัก จะให้เอไปพูดจาหยาบคาย เรื่องชู้สาวสำหรับคู่อีกคู่หนึ่ง เอคงทำไม่ได้จริงๆ แล้วเรื่องมึง กู อี ก็ไม่ใช่สำนวนของเอที่ใช้"
จุดเริ่มต้นในการทะเลาะคืนวันที่ 20 ?
โย : “จุดเริ่มต้นก็พอจบตรงนี้ปุ๊บก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเคลียร์กับพี่สาวได้แล้วรู้ว่าโอเคเป็นการเข้าใจผิดแน่ๆ ก็นั่งทานข้าวกันต่อ เจ้าของร้านก็ได้นำโทรศัพท์มือถือมา บอกว่าทางคุณโมติดต่อกลับมาอีก แล้วก็จะไม่ยอมท่าเดียวและจะขอเคลียร์ แล้วจะเคลียร์เรื่องอะไรในเมื่อพี่สาวบอกว่าไม่รู้จัก เป็นการเข้าใจผิดหรือเปล่า ทางเจ้าของร้านเองก็ยืนยันว่าควรจะโทรไปเคลียร์กับเขา เพราะกลัวว่าจะมีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น ก็เลยให้เบอร์โทรศัพท์คุณโมกับโยมา"
"แต่โยก็ตัดสินใจไม่โทร ใช้แมสเสจว่าตอนนี้เคลียร์กับพี่สาวแล้ว ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด วันนี้ให้คุณโมไปพักผ่อนก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยว่ากันอีกที แต่อย่าใช้คำไม่สุภาพ ในแมสเสจชัดเจนมาก และอย่าใช้คำว่า ให้พี่ของโยไปไกลๆ เขา เพราะจากการพูดจาของเขา โยขอให้คุณอยู่ห่างๆ พี่สาวโย อันนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด สักพักคุณโมก็แมสเสจกลับมาหยาบคายเหมือนเดิมว่า “บอกพี่มึงให้ไปไกลๆ กู มึงไม่รู้ว่าเหรอว่ากูเป็นใคร ถ้าอยากมีเรื่องก็ลองดู”"
"เราก็เลยนั่งคิดกับเจ้าของร้านว่าจะทำยังไงดี โดนหาเรื่องแล้ว แล้วจะมีการทะเลาะวิวาทมั้ย ก็เลยบอกว่าตอนนี้อยู่ที่ร้านแอนนา ถ้าเกิดว่าคุณต้องการอะไรหรือจะเคลียร์อะไรให้มาที่นี่ได้เลย เรารออยู่ตอนนี้ ไม่ได้แมสเสจท้าทายหรืออะไร ไม่คิดว่ามาถึงแล้วจะมีการตบตีกัน คิดว่าคงพูดคุยกันได้ สักพักเขาก็แมสเสจมาว่า “โอเค” เราก็นั่งรอว่าเมื่อไหร่จะมา ถึงเที่ยงคืนแล้วคุณโมเองก็ยังไม่ปรากฏตัว ก็เลยโทรศัพท์ไปถามอีกหนึ่งครั้งยังพูดจาสุภาพเหมือนเดิม"
"แล้วก็มีพยานอยู่ข้างๆ ด้วยว่าคุณโมจะมามั้ย เขาก็บอกว่าอยู่ด้านหน้าแล้ว แล้วก็เปิดประตูเข้ามาเลย ภาพที่เราเห็นคือโยนั่งอยู่ที่เก้าอี้ คุณเออยู่ข้างๆ คุณโมเปิดประตูเข้ามาเดินตรงยังไม่ได้เลย ประคองตัวไม่ได้ แล้วก็ถือแก้วและขวดเบียร์ขวดใหญ่สีเขียวลักษณะแบกเข้ามา (ลุกขึ้นทำท่าประกอบ) สักพักตรงเข้ามาหาพี่สาวโยในลักษณะยกขวดขึ้น ณ ตอนนั้นเราเองเป็นน้องไม่ได้คิดอะไรเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น คิดอยู่อย่างเดียวว่าตีพี่กูแน่นอน ก็เลยตัดสินใจว่าโป้งเข้าหน้าเต็มแรงเลย เป็นหมัดเดียวที่ได้ต่อยเข้าหน้าคุณนภัสนันท์"
"จากนั้นก็ตะลุมบอนกันสองคน เขาก็เข้ามาแล้วโยก็สู้สุดฤทธิ์ ไม่ถึงประมาณ 10 วินาที ก็มีคนมาห้าม ซึ่งตัวโยมีคนจับแยก แต่คุณโมก็พุ่งเข้าหาเอ ณ ตอนนั้นที่เห็น มือเขาจิกหัวพี่สาวโยลงไปอยู่ที่พื้นเลย สองคนจิกกันแน่นไม่ปล่อย เอเขาเป็นคนไม่ตีใคร เพราะฉะนั้นก็เสียเปรียบอย่างเดียวเลย อะไรที่เข้าไปถึงตัวเขาได้ก็พยายามเต็มที่เพื่อจะช่วยพี่เรา แต่เราโดนคนๆ นึงล็อกตัวไว้ให้หยุด สักพักก็มีผู้ชายคนนึงเข้ามาห้ามสองคนโดยแทรกระหว่างกลางคุณเอกับคุณโม ให้แยกออกจากกัน"
"หลังจากนั้นผู้ชายคนนั้นก็ลากคุณโมออกไปหน้าร้าน ทั้งหมดจบลงตรงนั้น แต่ผลสรุปว่าคุณโมให้การว่ามีคนล็อคตัวเขาและเราสองคนรุมทำร้าย แถมมีคนล็อกตัวแฟนเขาด้วย เรื่องจริงๆ คือแฟนเขายืนอยู่เฉยๆ และไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่ในอาการมึนเมาเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นผู้ชายที่จับตัวคุณโมอยู่ก็บอกว่า คุณแชมป์มาเอาเมียคุณกลับบ้านไป คุณเอก็เดินเข้าไปคุยกับแฟนคุณโม (ส่งต่อให้เอพูดต่อ)"
เอ : “คือเอก็เข้าไปพูดกับเขาว่า พี่คะใช่แฟนโมหรือเปล่า เราเคยคุยกันมั้ย เคยมีเรื่องสนทนาหรือมีปากเสียงกันมั้ย สิ่งที่คุณแชมป์ตอบกลับมาคือไม่มีครับเอ เราไม่เคยรู้จักกัน พี่ต้องขอโทษด้วยที่มามีเรื่องกัน อันนี้ก็มีพยานนะที่ได้ยินคุณแชมป์พูดกับเอแบบนี้ เอก็โอเคจบ ไม่ได้พูดอะไรต่อ”
โย : “เรื่องราวทั้งหมดเนี่ยเรามีพยานหลักฐาน แล้วก็แฟนคุณโมเองเมาแต่มีสติ เพราะทุกคำที่เราพูดไปเขาตอบได้หมด แต่ตัวคุณโมเองโวยวายแถมพูดขู่กับชายคนที่ดึงเขาออกไปว่าจะกลับมาทำการกรีดหน้า ทำลายโฉมโยด้วย”
ยืนยันได้มั้ยว่าไม่มีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยวข้อง?
เอ : “ไม่มีค่ะ ยืนยันด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงว่าไม่มีเรื่องชู้สาวจริงๆ เอคิดว่าคนเราจะมีเรื่องชู้สาวมันต้องมีมูลมาก่อน ต้องมีมูลมาถึงพวกพี่ๆ แล้วว่าเอหรือใครคนใดคนหนึ่งไปมีเรื่องชู้สาวกับเขา คือเรื่องนี้มันมาจากมูลที่ไม่ใช่ความจริง”
โย : “คืออย่างหนึ่งที่โยคิดว่าถ้าคุณนภัสนันท์ได้พูดกับคุณเอดีๆ ว่าคุณเอเข้าไปถึงเนื้อถึงตัวเขา ใช้คำหยาบคาย หรือพูดถึงแฟนเขาแบบนี้เนี่ย โยว่าคงไม่ใช้ระยะเวลาถึง 10 วันนะในการที่จะโทรติดต่อกลับมา คงต้องเกิดเรื่องวันรุ่งขึ้น โยว่าคงเป็นการมาจากบุคคลอื่นนำเรื่องไปแล้วเกิดความเข้าใจผิด”
เรื่องนี้กระทบกระเทือนอะไรบ้าง?
โย : “กระทบกระเทือนมาก ทั้งการงานโยและเอ โยไม่ทำงานเลยทั้งอาทิตย์ และไปเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ซึ่งดึงเขามาให้เขาเดือนร้อนด้วย ตรงนี้ถึงจะพยายามถอนแจ้งความวันนี้โยก็ไม่ทราบว่าจะทำให้ชื่อเสียงเขากลับมาได้หรือเปล่า”
ทำไมคุณโมถึงมีบาดแผลตามตัวเยอะมาก ทั้งที่ เอ กับ โย ไม่ค่อยมีเลย?
โย : “ยอมรับว่าตอนที่ตีกัน โยไม่ใช้วิธีการตบจิกไม่เป็น ลักษณะการตีเราใช้หมัด ใช้เข่า ค่อนข้างแรง ยอมรับว่าตีเขาแรงมาก แล้วสิ่งที่เขาตีเรากลับมาเราก็มีวิธีป้องกันของเรา แล้วก็ช่วงที่ล้มโต๊ะที่โยนั่งหลุดกระเด็นออกมาเลย เพราะการกระแทกของคนสองคนแรงมาก ตอนที่ต่อยเขาแล้วก็แรงทุบค่อนข้างเยอะ มั่นใจว่าต้องมีรอยบาดแผลแน่นอน แต่อย่างหนึ่งที่ติดใจ เพราะว่าเรื่องมันเกิดขึ้นมาถึง 4 วันให้หลังที่คุณโมแจ้งความ รอยมันสดมาก รอยช้ำอื่นๆ เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง สมมติถ้าเราหกล้มหรืออะไรก็ตามจากรอยที่เป็นสีแดง มันควรจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ แต่รอยนั้นมันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นในระยะเวลาวันเดียว”
ในเมื่อคิดว่าเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ ทำไมไม่แจ้งความก่อน?
โย : “ตอนแรกไม่คิดว่าจะมีเรื่อง เท่าที่ฟังดูคือเรื่องราวมันไม่มีอะไร แล้วก็คิดว่าเข้ามาแล้วน่าจะเคลียร์กันจบ เพราะเขาก็เอาแฟนมาด้วย เรายังมั่นใจว่าแฟนเขาน่าจะคุมเขาอยู่ แล้วก็คงไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้คิดจริงๆ”
เอ : “แม้กระทั่งมีเรื่องแล้วเราก็ไม่คิด เพราะอีกอย่างหนึ่งน้องโยก็เป็นคนมีชื่อเสียง อีกอย่างเขาก็เป็นคนที่อยู่ในวงศ์ตระกูลที่มีชื่อเสียงเหมือนกัน เราก็ไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้เป็นเรื่องโต จน 3 วันให้หลังเราถึงทราบข่าวแล้วก็คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว พอหลังจากนั้นเราถึงนั่งคิดทบทวนอยู่ตลอดเวลาว่าเรื่องมันเกิดจากอะไร”
เรื่องที่ไปหัวหินล่ะ?
โย : “วันที่สัมภาษณ์คือวันจันทร์ที่มีข่าวออกมาอยู่ที่หัวหินจริงๆ ไปถ่ายรูป แต่ว่าไม่ได้บอกว่าอยู่หัวหินมาทั้งอาทิตย์นะ เพราะว่าตอนนั้นที่เกิดเรื่องยังไม่ทราบว่าจะให้การยังไง เพราะว่ามันมีรูปคดีหลายรูปคดีเหลือเกิน ที่บอกว่ายังให้สัมภาษณ์พี่ๆ นักข่าวไม่ได้ เพราะว่ารอจนถึงวันนี้ค่ะ”
ได้มีการติดต่อกับทางคุณนภัสนันท์บ้างหรือยัง?
โย : “ทางคุณนภัสนันท์ไม่ได้ติดต่อมาทางเรา แต่ได้มีการติดต่อผ่านคนกลางมา แต่ทางเราเองเนี่ยยอมความได้ ต่อเมื่อความจริงต้องกระจ่างก่อน ไม่ใช่ว่าทางเขาออกมาให้การอยู่ฝ่ายเดียว หรือให้ร้ายเราอยู่ฝ่ายเดียว จะยอมความกันได้ขอยอมความที่สน.ดีกว่า”
หวาดระแวงอะไรบ้างหรือเปล่า?
โย : “ไม่เลยค่ะ ยอมรับว่าพอข่าวของคุณนภัสนันท์ออกมาแล้วเนี่ย โทรศัพท์ได้ที่รับมาเป็นร้อยสาย เพราะว่าหลายคนที่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับคุณโมก็จะเตือนเราว่า อย่ามีเรื่องดีกว่า ถ้ายอมความได้ก็ยอมความ เนื่องด้วยตัวคุณนภัสนันท์ด้วยบุคลิกส่วนตัวทุกคนจะรู้จักดีว่าเป็นยังไง แต่ตัวเราไม่รู้จักมาก่อน เราก็บอกว่าเราไม่ยอมความ ณ ตรงนี้ถ้าเขาแจ้งความเรา เรายอมดีขึ้นโรงพักแล้วแจ้งความกลับแน่นอน”
เรื่องที่เกี่ยวโยงกับคุณชนม์สวัสดิ์อยู่ในเหตุการณ์?
"เริ่มตั้งแต่แรกเลย คือโยไปที่แอนนาการ์เด้นกับกลุ่มเพื่อนจริง แล้วในนั้นก็มีนางแบบจริงหลายท่าน แล้วก็ได้โทรศัพท์กับคุณชนม์สวัสดิ์จริง ว่าจะนัดเจอกันจริงว่าจะนัดเจอกันที่แอนนาการ์เด้น คุณชนม์สวัสดิ์ก็เดินทางมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่เป็น 10 กว่าคน ประมาณ 5 ทุ่มแล้ว ที่แอนนามีอยู่ 2 ชั้น คือชั้นล่างกับชั้นบน ตัวโยกับเพื่อนอยู่ชั้นล่าง พอทานข้าวเสร็จก็มูฟไปอยู่ที่เคาน์เตอร์ตรงจุดเกิดเหตุ ส่วนคุณชนม์สวัสดิ์มาถึงได้ขึ้นไปอยู่ชั้นลอยกับเพื่อนๆ เขา”
“คุณชนม์สวัสดิ์อยู่ในเหตุการณ์จริงค่ะ ตอนที่เจอกันก็ทักทายกันในแอนนา เขาก็กลับไปอยู่กับเพื่อนที่ชั้น 2 ตัวโยเองก็อยู่กับกลุ่มเพื่อนเหมือนเดิม ตรงจุดเกิดเหตุที่เกิดขึ้นมาคุณชนม์สวัสดิ์ได้ลงมาข้างล่าง เนื่องจากได้ยินเสียงดังจากคุณโมว่า “ตกลงว่าคุณจะเอายังไง” เสียงดังลั่นมาก คุณชนม์สวัสดิ์เป็นคนดึงโยออกมา หลังจากนั้นคนขับรถของคุณชนม์สวัสดิ์ถึงได้เข้าไปห้ามให้คุณเอกับคุณโมแยกออกจากกัน พอแยกออกกันได้ปุ๊บ คุณชนม์สวัสดิ์เป็นคนดึงคุณโมออกไปนอกร้าน แล้วก็ตะโกนให้แฟนคุณโมพาตัวคุณโมกลับ"
"หลังจากจบตรงจุดนี้แล้ว เราทั้งหมดและเพื่อนได้ออกจากร้านไปกับคุณชนม์สวัสดิ์จริง แต่ว่าคุณโม ณ ตอนนั้นยังอยู่หน้าร้านก็ได้ชี้หน้าด่าคุณเออย่างหยาบคายว่า “อีกะหรี่มึงจะไปไหน” อันนี้ก็มีพยานหลักฐานหน้าร้านที่เห็นชัดเจนว่าคุณโมยังอยู่ในสภาพเหมือนเดิมที่ไม่ยอมหยุด คุณชนม์สวัสดิ์ เห็นท่าไม่ดีแล้วเลยเรียกทั้งหมดกลับขึ้นรถ แล้วขับรถกลับไปตั้งหลักที่บ้านพักเพชรบุรี พอไปถึงบ้านพักตอนนั้นเสื้อผ้าโยขาดกระจุย เสื้อผ้าที่ใส่เป็นแซ็กท์สีทอง ก็นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเป็นเสื้อยืด กางเกงขาสั้น ถามว่าบุคคลที่อยู่ในรถ 2 ใน 3 คือเอและโยจริง”
โย ยืนยันว่าวันเกิดเหตุในร้านอาหารแอนนาฯ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อยู่ในเหตุการณ์จริงแต่ไม่ได้มาด้วยกัน แต่พอเห็นเรื่องราวบานปลายก็มาช่วยห้ามตนและคู่กรณี
"เริ่มตั้งแต่แรกเลย คือโยไปที่แอนนาการ์เด้นกับกลุ่มเพื่อนจริง แล้วในนั้นก็มีนางแบบจริงหลายท่าน แล้วก็ได้โทรศัพท์กับคุณชนม์สวัสดิ์จริง ว่าจะนัดเจอกันจริงว่าจะนัดเจอกันที่แอนนาการ์เด้น คุณชนม์สวัสดิ์ก็เดินทางมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่เป็น 10 กว่าคน ประมาณ 5 ทุ่มแล้ว ที่แอนนามีอยู่ 2 ชั้น คือชั้นล่างกับชั้นบน ตัวโยกับเพื่อนอยู่ชั้นล่าง พอทานข้าวเสร็จก็มูฟไปอยู่ที่เคาน์เตอร์ตรงจุดเกิดเหตุ ส่วนคุณชนม์สวัสดิ์มาถึงได้ขึ้นไปอยู่ชั้นลอยกับเพื่อนๆ เขา”
“คุณชนม์สวัสดิ์อยู่ในเหตุการณ์จริงค่ะ ตอนที่เจอกันก็ทักทายกันในแอนนา เขาก็กลับไปอยู่กับเพื่อนที่ชั้น 2 ตัวโยเองก็อยู่กับกลุ่มเพื่อนเหมือนเดิม ตรงจุดเกิดเหตุที่เกิดขึ้นมาคุณชนม์สวัสดิ์ได้ลงมาข้างล่าง เนื่องจากได้ยินเสียงดังจากคุณโมว่า “ตกลงว่าคุณจะเอายังไง” เสียงดังลั่นมาก คุณชนม์สวัสดิ์เป็นคนดึงโยออกมา หลังจากนั้นคนขับรถของคุณชนม์สวัสดิ์ถึงได้เข้าไปห้ามให้คุณเอกับคุณโมแยกออกจากกัน พอแยกออกกันได้ปุ๊บ คุณชนม์สวัสดิ์เป็นคนดึงคุณโมออกไปนอกร้าน แล้วก็ตะโกนให้แฟนคุณโมพาตัวคุณโมกลับ"
"หลังจากจบตรงจุดนี้แล้ว เราทั้งหมดและเพื่อนได้ออกจากร้านไปกับคุณชนม์สวัสดิ์จริง แต่ว่าคุณโม ณ ตอนนั้นยังอยู่หน้าร้านก็ได้ชี้หน้าด่าคุณเออย่างหยาบคายว่า “อีกะหรี่มึงจะไปไหน” อันนี้ก็มีพยานหลักฐานหน้าร้านที่เห็นชัดเจนว่าคุณโมยังอยู่ในสภาพเหมือนเดิมที่ไม่ยอมหยุด คุณชนม์สวัสดิ์ เห็นท่าไม่ดีแล้วเลยเรียกทั้งหมดกลับขึ้นรถ แล้วขับรถกลับไปตั้งหลักที่บ้านพักเพชรบุรี พอไปถึงบ้านพักตอนนั้นเสื้อผ้าโยขาดกระจุย เสื้อผ้าที่ใส่เป็นแซ็กท์สีทอง ก็นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเป็นเสื้อยืด กางเกงขาสั้น ถามว่าบุคคลที่อยู่ในรถ 2 ใน 3 คือเอและโยจริง”
ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างโยและชนม์สวัสดิ์
"ความสัมพันธ์ขอย้อนไปนิดหนึ่งนะคะตอนที่โยมีข่าวกับคุณชนม์สวัสดิ์เนี่ยประมาณเดือนก.พ.ตอนนั้นยอมรับว่าไม่ได้รู้จักกันมาก่อนนะคะ รู้จักว่าคุณชนม์สวัสดิ์คือใครแต่ไม่รู้ว่าทำอาชีพอะไร ที่ได้รู้จักกันละพูดคุยกันวันแรลลี่รถที่เซ็นทรัลเวิล์ดเนื่องจากเพื่อนแนะนำว่าคุณชนม์สวัสดิ์คนนี้"
"เคยรู้จักกันมาหลายปีก่อนนะคะและยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกันจริงตามที่มีภาพออกมาในสื่อฉบับหนึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ได้มีการพูดคุย หลังจากนั้นถามว่ามีการติดต่อกันมาตลอดมั้ยมีการติดต่อกันแต่ไม่ได้ทุกวันและไมได้ติดต่อกันฉันท์ชู้สาว ติดต่อเป็นเพื่อนกันตลอดทุกครั้งเดินทางไปไหนมาไหนก็เป็นกลุ่มไม่เคยไปไหนกัน 2 ต่อ 2"
วันที่เกิดเหตุตบตีกันนัดเจอกับชนม์สวัสดิ์อยู่แล้ว ?
"ค่ะเราไมได้บังเอิญเจอค่ะที่มาเจอกันที่แอนนาการ์เด้นท์แต่คุณชนม์สวัสดิ์มาตอน 5 ทุ่มกว่าแล้ว ตอกย้ำข่าวและภาพมั้ยโยว่าคนยเรามันเป็นเพื่อนกันมันบริสุทธิ์ใจถ้าเกิดเป็นชู้สาวเนี่ยโยว่าน่าจะแอบกว่านี้คงไมได้ต้องการให้สื่อเห็นว่าเราไปไหนด้วยกัน แต่เวลาเราไปไหนมาไหนเนี่ยเรามีเพื่อนไปค่อนข้างเยอะเราถึงไม่กลัวว่าสื่อจะเขียนว่าอย่างไรตอนแรกๆที่สื่อเขียนถึงขนาดว่าบ้านที่ 2ก็ตามแต่ว่าตอนนั้นเราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนนั่นคือสิ่งผิดที่คุณจะเขียนแต่ว่าตอนนี้คุณจะเขียนอย่างไรต้องเขียนให้ถูกต้อง"
คุณชนม์สวัสดิ์แต่งงานมีครอบครัวแล้วกลัวคนมองภาพพจน์โยไม่ดีมั้ย ?
"ตรงนี้เราได้พูดคุยกันว่าอย่างที่บอกว่าทางคุณตู่เองรู้จักโยดีและทราบว่าเราเป็นแค่เพื่อนจึงไม่กลัวว่าใครจะพูดอะไร ถ้าเรา 2 คนคุยกันรู้เรื่องและรู้ว่าเราคบกันในฐานะอะไรเนี่ยโยว่าเราบริสุทธิ์ใจ แต่โยไม่เคยคุยกับพี่ตู่มาก่อนเป็นการส่วนตัว เคยรู้กันแต่ว่าโยเคยเป็นนักร้องของแกรมมี่มาก่อนตั้งแต่โยเด็กๆมากๆ และพี่ตู่ทราบดีว่าคุณชนม์สวัสดิ์คบเราเหมือนเพื่อนและไม่ได้คบเราคนเดียวนะคะ รู้จักทั้งเอและนางแบบอีกหลายคนค่ะ"
ไปเที่ยวไหนกันบ่อยมั้ยกับเอ๋?
"ไม่บ่อยนะ น่าจะประมาณ 4-5 ครั้งส่วนใหญ่ทานข้าว ที่แอนนาการ์เด้นท์บ้างที่อื่นบ้างแต่วันนั้นเนี่ยเป็นครั้งแรกที่คุณชนม์สวัสดิ์พาเพื่อนๆมาค่อนข้างเยอะด้วยแล้วเราก็มีกลุ่มเพื่อนของเราซึ่งไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน หลังจากนี้ก็เป็นเพื่อนกันอยุ่แต่ตอนนี้หลายๆอย่างค่อนข้างรุนแรงขึ้นนะเนื่องจากว่ามีความพยายามจะทำให้เป็นรูปคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน ตอนนี้ได้ทราบกันแล้วว่ามันไม่เกี่ยวเนื่องกันเลย"
ตอนนี้โย-เอโดนข้อหาอะไรบ้าง?
"สำหรับโยกับเอโดนแจ้งข้อหาเดียวคือทำร้ายร่างกาย-ทะเลาะวิวาท แน่นอนค่ะเราต้องไปเป็นพยานให้กับคุณชนม์สวัสดิ์ด้วยค่ะตอนนี้เรารอหมายเรียกอยู่"
ขอให้เล่าต่อถึงเหตุการณ์ของคืนที่เกิดเรื่องชนม์สวัสดิ์มีปัญหากับเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ?
"วันเกิดเหตุพอมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น เรามีการขึ้นรถคุณชนม์สวัสดิ์จริงรวมทั้งหมด 4คนนะคะ นางแบบ 3 และคุณชนม์สวัสดิ์นะคะ แล้วก็กลับเข้าไปในบ้านแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะเสื้อผ้าฉีกขาดและตอนนั้นที่ต้องขับรถออกมาอีกครั้งหนึ่งและคุณชนม์สวัสดิ์ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเพราะว่าโยลืมโทรศัพท์ไว้ที่แอนนา บาร์และในโทรศัพท์มีเบอร์ที่ต้องการติดต่อเพราะมั่นใจว่าเรื่องทะเลาะนี้ต้องไม่จบง่ายๆก็เลยต้องการติดต่อคนในโทรศัพท์นั้นอย่างด่วนมาก"
"และถ้าคุณชนม์สวัสดิดื่มแอลกอฮอล์จริงคงไม่เลือกเป็นคนขับรถแต่เขาเลือกไม่ใช้คนขับรถและได้เดินทางออกทันที ได้คุยกันที่บ้านประมาณ ครึ่งชั่วโมงและได้เปลี่ยนเสื้อผ้ากัน 2 ท่านคือโยและคุณชนม์สวัสดิ์ที่ออกจากบ้านมากัน 4 คนเหมือนเดิม"
"พอไปถึงที่แอนนาก็ได้สวนกับเพื่อนคุณชนม์สวัสดิ์ด้วยแล้วแอนนา ได้ปิดแล้วแต่เจ้าของร้านรอเราอยู่เพราะเราต้องการเอาโทรศัพท์คืนเพื่อนคุณเอ๋เนี่ยต้องกลับไปเอารถที่เพชรบุรี เขามาด้วยกันนะคะทางโยกับเอก็เข้าไปในร้านและคุยกับเจ้าของร้านประมาณ 10 นาทีและได้ขับรถกลับไปที่อู่เพราะว่าบ้านโยอยู่ใกล้มากจนไปเจอด่านเนี่ยเพราะว่ากระเป๋าถือเนี่ยไม่ได้เอาออกมาจากบ้านเลยต้องกลับไปเอาอีกครั้งหนึ่งถึงเจอด่านตรวจ เวลาห่างกันค่อนข้างนานเป็นชั่วโมงไม่ได้ต่อเนื่องกันจากการทะเลาะวิวาท"
ปัญหาเรื่องรุมสกรัมเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างไร?
"คืนนั้นเราอยู่ในเหตุการณ์ตลอดและนั่งอยู่ที่ข้างคนขับ กรณีที่อยู่ในรถนะคะขอไม่ให้สัมภาษณ์ ณ ตรงนี้เพราะว่ามันเกี่ยวกับรูปคดี"
"โยว่าตอนนี้คงได้ทราบกันบ้างแล้วเพราะเมื่อคืนได้ออกรายการไปบ้างแล้วที่ไอทีวี โยว่าเรื่องจริงคือเรื่องจริงและการยอมความอยู่ที่คุณโมแล้ว แล้วถ้าเขาจะไม่ถอนแจ้งความเราก็จะดำเนินคดีไปต่อ ถ้าเกิดถอนแจ้งความโยยอมค่ะประชาชนจะได้รู้ว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนไม่ใช่เรื่องจริง โยเป็นคนไม่ชอบหาเรื่องคนนะคะเราเลยยอมความได้ หนังสือพิมพ์ลงหน้า 1หลายครั้งหลายคราว่านางแบบโหด นางแบบฉาว ณ ตรงนี้ไม่ติดใจเลยเพราะเข้าใจว่าเป็นการเข้าใจผิดแต่สิ่งที่ออกแถลงข่าววันนี้คืออยากให้ประชาชนรู้ว่าเรื่องจริงคือเรื่องอะไร"
"ถามว่าที่โยทำลงไปเป็นการป้องกันตัวเองมั้ย ไม่ได้ป้องกันตัวเองด้วยเราป้องกันพี่สาวเรา และโยมั่นใจอีกอย่างหนึ่งด้วยว่าเขาจะเอาขวดตีพี่เราเราถึงทำ โยเริ่มก่อนค่ะยอมรับค่ะ"
มาแถลงข่าววันนี้คิดว่าช้าไปมั้ยเพราะเมื่อคืนได้ไปออกรายการแล้ว ?
"คือจริงๆที่ไปออกไอทีวีเนี่ยต้องการที่จะเชิญพี่ๆมาวันนี้ด้วยและในรายการเมื่อวานที่พุดถึงคุณชนม์สวัสดิ์ไม่ได้เนื่องจากว่าเมื่อเช้านี้คุณชนม์สวัสดิ์ได้ไปตามหมายเรียกที่สน.มักกะสันและได้ส่งรายชื่อของพยานที่อยู่ในรถเราเลยจำเป็นต้องรอจนถึงตอนนี้ค่ะ ต้องรอให้คุณเอ๋ให้การเสร็จตอน 10โมงเช้าก่อนค่ะ"
ทุกคนติดต่อโยหมดทุกสื่อทำไมเลือกที่จะไปรายการของกิตติรายการเดียวทำไมไม่ให้สัมภาษณ์พร้อมกันทีเดียว?
"ที่ไปออกไอทีวีเมื่อคืนเพราะด้วยเป็นรายการด้วยคือไอทีวีติดต่อมาก่อนค่อนข้างบ่อยมากและคุณกิตติได้ติดต่อมาทางเราก็แค่คุยคร่าวๆส่วนเนื้อหลักๆได้อยู่ที่วันนี้หมดแล้ว โยไม่ได้คิดว่าจะต้องไปรายการนั้นก่อนทำไมจะต้องไปรายการนี้ก่อน โยไมได้เลือกรายการนะ พี่สื่อต้องเข้าใจโยว่าใจโยอยากให้มันเป็นไปตามลำดับเท่านั้นเอง"
จากนี้ทำอะไรต่อไป ?
"ตอนนี้ก็คงรออย่างเดียวคือหมายเรียกตัวมาก่อน จากสน.ทองหล่อว่าให้เข้าพบเมื่อไหร่ ก็ต้องไปพร้อมกันทั้ง 2 คนน่ะค่ะ อีกคนไม่ขอยากขอเอ่ยชื่อค่ะเพราะต้องเป็นพยานหลักฐานในรถด้วยค่ะขออุบชื่อไว้ก่อนค่ะ"
ความสัมพันธ์กับชนม์สวัสดิ์จากนี้ไป ?
"โยคงพัฒนาไม่ได้นะคะอย่างที่รู้กันคุณชนม์สวัสดิ์มีครอบครัวโยคงไปอยู่ในฐานะอะไรเนี่ยต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อนตอนนี้เข้าใจว่าสื่อต้องเขียนไปทำนองชู้สาวหลังจากนี้นะคะแต่คือยืนยันว่าความสัมพันธ์เป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีการพัฒนามากไปกว่านี้แน่นอนค่ะ"
ได้มีการติดต่อกับพี่ตู่ นันทิดาบ้างมั้ย?
"โยว่าจริงๆไม่เกี่ยวอะไรเลยกับพี่ตู่นะคะ มีสื่อบางสื่อพยายามที่จะไปสัมภาษณ์..แต่ โยขอร้องเลยดีกว่าในเรื่องว่าอย่านำคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะครอบครัวนี้ค่อนข้างแข็งแรงและมีภาพดีด้วยโยค่อนข้างเป็นห่วงในเรื่องของภาพนี้มาก ยังไงขอให้เขียนในเรื่องที่โยมีเรื่องราวอยู่ตอนนี้ดีกว่าอย่าโยงไปเกี่ยวกับคนอื่นดีกว่าค่ะ "
เนื่องจากสาวเอพาแฟนหนุ่มชาวลัทเวียมาร่วมแถลงข่าวด้วยสื่อจึงถามว่าแฟนหนุ่มของเอรู้เรื่องนี้หรือไม่ ?
เอ : "ก่อนหน้านี้เวลาเอไปเที่ยวเขาจะอยู่ด้วยตลอดและเขาก็ไม่เคยเห็นเอจะไปมีเรื่องหรือพูดคุยอะไรกับใครมากมาย แต่วันที่เกิดเหตุแฟนเอไม่อยู่เขาไปต่างประเทศแต่ที่เขากลับมาก็เพราะเรื่องนี้ เขารับรู้หมดทุกอย่างค่ะ"
"มีอยู่อย่างหนึ่งที่เอขอไว้คืออยากให้พี่ๆลองฟังความทั้ง 2 ข้างตัดสินใจดูว่าเรื่องควรจะเป็นไปในทางรูปไหนอย่าเพิ่งให้ผิดกับเอกับโย เพราะว่า เราอยู่ตรงนี้มานานแล้วก็ทำงานวงการนี้ไม่อยากเอาชื่อเสียงเราไปแลก ยังไงขอให้พี่สนใจบ้างนะคะ.. (ร้องไห้) และก็ต้องรู้ว่าเอกับโยไม่เคยหาเรื่องใคร"
โย : "อีกอย่างตำแหน่งหน้าที่การงานเอเนี่ยค่อนข้างสำคัญและก็เป็นตำแหน่งที่ไม่ใช่เล็กๆนะคะ กระทบเรื่องงานของเขามากพอสมควรและวันนี้เจ้านายเขาก็มานั่งให้กำลังใจด้วย อยากให้ความเป็นธรรมกับเขานิดหนึ่ง"
โย : "ตอนนี้โยแข็งแรงนะคะแล้วก็ตัวคุณแม่เองไม่ได้มาเพราะว่าไม่สบาย ค่อนข้างป่วยมากจากข่าวที่เกิดขึ้นเพราะคำถามพูดหนึ่งอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามเราพร้อมสู้ด้วยกันแล้วก็จะพูดต่อมา เนี่ยจะพูดพร้อมคุณแม่ค่ะ"
เอ : "ก็คุณแม่โทรมาให้กำลังใจตลอดเขารู้ว่าเราเป็นคนยังไง แต่เขาเป็นห่วงเพราะว่าเราเป็นผู้หญิงทั้ง 2 คนจากคนหลายๆฝ่ายมีโทรศัพท์มาขู่มาขอชื่อเอกับโยมีคนทั้งหวังดีและหวังไม่ดีนะคะ ไม่ได้โทษทางฝ่ายตรงข้ามนะคะแต่มันอาจจะมีฝ่ายทางอื่นมาทำให้เรื่องมันใหญ่โตขึ้น เอก็ขอให้ยุติแค่นี้เถอะเพราะทางบ้านคุณแม่กับคุณยายไม่รู้เรื่องถ้ามีอะไรก็ขอให้มาคุยกับเอและโยเองดีกว่า"
"งานการเอแย่เลยตั้งแต่มีเรื่องโดยตอนนี้เอทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ ออร์แกไนซ์เซอร์ ของบริษัท Fever Gangster นายเอแทบจะไม่สบายเพราะว่างานหนักมาก เออยากยุติเพราะว่าเอต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง และน้องๆในบริษัทเขาอยากให้เอกลับไปช่วยเคลียร์งานแม้กระทั่งนายเอก็ให้ความเห็นใจ หากเรื่องนี้ยุติเอกลายเป็นผู้ร้ายเอก็คงไปประชุมกับผู้ใหญ่ไม่ได้ ทั้งนี้เอขอความาเป็นธรรมกับพี่ๆตำรวจและหนังสือต่างๆด้วย"
คนภายนอกมองโย-เอด้วยสายตาแบบไหน?
โย : "ก็มีทั้ง2กลุ่มนะคะกลุ่มที่เขาเข้าใจการทะเลาะวิวาทเป็นเรื่องปกติ แต่เราเป็นคนที่มีชื่อเสียงเราเสื่อมเสีย แล้วก็ไมได้มีใครได้ มีแต่เสียและเสียอย่างเดียวนะคะ เราไม่ใช่ไม่ยอมรับว่าเราไม่ผิด เรายอมรับว่าเราผิดเต็มประตูเพราะถ้าเราไม่ใช้อารมณ์ตัดสินเรื่องมันจะง่ายมากขึ้น แต่ทั้งนี้ที่ทำไปไม่ได้ต้องการให้เกิดเรื่อง สิ่งที่ทำทั้งหมดจากภาพที่เห็นคือต้องการป้องกันตัว"
"และอยากขออยากกล่าวอีกเรื่องนะคะที่ทำไมเรื่องต้องปล่อยให้ยาวนานก็เพราะว่าเกี่ยวเนื่องมาจากพยานหลักฐานที่คุณชนม์สวัสดิ์ไม่ยอมเปิดเผยชื่อบุคคลในรถเพราะปกป้องชื่อเสียงปกป้องไม่ให้เราไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของเขา ทำให้เรื่องมันยืดเยื้อมาถึงทุกวันนี้ ยอมรับว่าตรงนี้เราอยากให้เรื่องจบลงโดยดีนะคะ อยากให้รู้ว่าความยุติธรรมคืออะไรคนบริสุทธิ์คืออะไรเรื่องมันถึงมาถึงตรงนี้"
เอ : "เอว่าผู้หญิงทุกคนต้องมีการทะเลาะวิวาทแต่จากสาเหตุอะไรต้องมาตรึกตรองให้ดี จากคำกล่าวหาถ้าเราตัดสินใจไปแล้วมันทำให้หลายคนเดือดร้อนมากจริงๆ"
โย : "ตัวโยและเอเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วมีการมีงานทำ เราต้องหาคนมารับผิดชอบซึ่งจะรับผิดชอบร่วมกันหรือยังไงเนี่ยต้องอยู่ที่ทางตำรวจและทนายด้วย"
"ขอพูดเรื่องผมของคุณโมนะคะที่บอกว่าโดนดึงผมไป 1 กระจุกเนี่ยมาจากการแรงดึงของเอ อัญชลีจริงๆน่ะค่ะคุณโมคงต้องใช้เวลาเก็บค่อนข้างนานทีเดียวเพราะว่าแรงดึงของเอเนี่ยโยมั่นใจว่าแรงสู้เขาไม่ได้แน่นอน แล้วเขาดึงผมเอเนี่ยเอเจ็บมากนะคะ แต่จำนวนผมเนี่ยที่ออกมาต้องตรวจดูว่าโดนดึงออกมานานแค่ไหนแล้วต้องตรวจดีเอ็นเอค่ะ"