"ต๋อง" โต้ทุกข้อกล่าว แฟนสาวแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย – กักขังหน่วงเหนี่ยว แจงเหตุการณ์วันเกิดเหตุละเอียดยิบ เผยฝ่ายหญิงโมโหหึง อารมณ์ขึ้น ทำลายข้าวของ ยันตนไม่ได้ทำร้ายร่างกาย พร้อมโชว์ใบตรวจร่างกาย บอกเป็นฝ่ายถูกกระทำด้วยซ้ำ ย้ำต้องออกมาต่อสู้เพราะทำเพื่อลูกและไม่อยากตกเป็นจำเลยของสังคมต่อไป
จากกรณี สาวเจ้าของร้านสปา แฟนใหม่ของ "ต๋อง สุรพันธ์ จำลองกุล"ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท สุนทร อัมพรายณ์ รอง ผกก.สส.สน.สายไหม ว่าได้ถูกนายสุรพันธ์ จำลองกุล หรือ ต๋อง อดีตสมาชิกวงทู แฟนหนุ่มทำร้ายร่างกาย จนเกิดบาดแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด นายสุรพันธ์ จำลองกุล หรือ ต๋อง ได้ออกมาแถลงข่าว ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งชี้แจงรายละเอียดในวันที่เกิดเหตุอย่างถี่ยิบว่า
"เรื่องของเรื่องวันนั้นผมขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าผมทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว ผมยืนยันอย่างลูกผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ผมไม่ได้ทำร้ายร่างกาย แล้วก็ไม่ได้กักขังหน่วงเหนี่ยวเลย ในขณะเดียวกันในเรื่องของทางกฎหมายที่บอกว่า แจ้งความจับต๋องนั้น ก็ยังไม่ได้มีอะไรที่เป็นการแจ้งความใดใดทั้งสิ้นเลย เป็นเรื่องของการลงบันทึกไว้เฉยๆ นะครับ"
" มาถึงรายละเอียดของเรื่อง ก็คือ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผมเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่เพื่อไปหาน้องเขา ผมขออนุญาติไม่เอ่ยนามน้องเขานะครับ ผมไปรับน้องเขาเพื่อจะพามางานวันเกิดลูกของผมนะครับ แล้วเหมือนขึ้นไปหาก็เพื่อไปพูดคุยกันว่าจะทำอะไรให้เขาเซอร์ไพรซ์ไหม ซึ่งผมก็ค้างอยู่ที่บ้านเขา เป็นเวลาสองวัน คือคืนวันที่ 4 กับคืนวันที่ 5 แล้วพอวันที่ 6 ตอนเช้าก็เดินทางกลับมาด้วยกัน โดยรถยนต์ส่วนบุคคลของน้องเขา แล้วผมก็นั่งมาเป็นเพื่อน จนกระทั่งมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ยังไปดูหนังด้วยกัน แล้ววันรุ่งขึ้นก็คืองานวันเกิด ตอนเช้าก็ยังไปช็อปปิ้งอยู่ด้วยกันดีๆ"
เผยสาเหตุมาจากการที่ฝ่ายหญิงเกิดอาการหึงหวงอย่างรุนแรง ถึงขั้นโทรไปวีน"ผู้ที่มีรายชื่อ"อยู่ในบัญชีโทรออกของเครื่องต๋อง พร้อมทั้งขว้างโทรศัพท์ลงพื้นจนแตกละเอียด
"แต่พอกลับมาถึงบ้านปุ๊บ น้องเขาก็รู้สึกเหมือนกับไม่ไว้วางใจ ขอตรวจเอกสารเรื่องเบอร์โทรศัพท์ของผมแล้วพร้อมกับเอาโทรศัพท์ของผมไปถือไว้ด้วย แล้วอยู่ๆ ก็เหมือนกับว่าอยากจะซักถามว่า เบอร์ที่โชว์ขึ้นมานี่เป็นเบอร์ใคร แล้วคุยอะไรกัน ซึ่งผมก็พูดความจริงทั้งหมด ว่าเป็นเบอร์ของใคร แล้วพูดอะไรกันบ้าง ในขณะนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนไม่พอใจ และไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด ก็เลยใช้โทรศัพท์เครื่องนั้นโทรออกไปหาเบอร์นั้น ซึ่งเบอร์นั้นก็เป็นเบอร์ของเพื่อนร่วมงานที่เราก็เชื่อถือเขา"
" แล้วพอน้องเขาโทรไป ด้วยความที่น้องเขามีอารมณ์ แทนที่จะพูดกับฝ่ายนั้นดีๆ กลับพูดจาดูถูกเหยียดหยามเขา แล้วใช้วาจาหยาบคาย แล้วก็ยังขู่ด้วยซ้ำว่า อยากดังนักใช่ไหม เดี๋ยวจะทำให้ดัง ซึ่งผมกู้สึกช็อคมาก แล้วก็ไม่สบายใจมากๆ ก็เลยบอกว่ามีอะไรค่อยๆ คุยกันได้ไหม ซึ่งมันเสียหายมาก แล้วการด่าทอเขาคนนั้นก็ลามไปถึงแฟนของเขาที่อยู่ในสายด้วย ก็เลยต่อว่า ซึ่งแฟนเขาก็เป็นผู้ใหญ่ในวงการเราคนหนึ่งเหมือนกัน"
" ผมก็รู้สึกไม่สบายใจมาก ก็เลยบอกว่ายุติได้ไหม แต่เขาก็ยังกดเบอร์อื่นๆ ที่เขาข้องใจอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ใช้วิธีการเดิมๆ พูดจาไม่ดีใส่เขา ผมรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ก็เลยบอกว่าถ้าจะมีอะไรขอเคลียร์หลังจากงานวันเกิดลูกผมได้ไหม สิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้อง เพราะคนเหล่านั้นที่ผมนับถือนี่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เขาก็ไม่ยอมหยุด แล้วก็มีการอาละวาด ขว้างของ โดยเฉพาะโทรศัพท์ของผม กระเด็นแตก เละไปหมด"
เผยแฟนสาวส่งเสียงด่าทอเอะอะโวยวาย ตนขอให้หยุด แต่ฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมจนถึงขั้นออกปากขอเลิกรากันในที่สุด
"หลังจากนั้นเขาก็ออกไปหน้าบ้าน เดินไปหน้าบ้าน ซึ่งผมก็ไม่สบายใจเพราะลูกๆ ก็อยู่แถวนั้น ผมก็เลยเดินตามเขาไปทางด้านหลัง เขาก็หันกลับมาแล้วก็เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วก็ด่าทอต่างๆ โดยเฉพาะที่เขาส่งเสียงดังแล้วก็ด่าขึ้นมาว่า ที่บ้านผมนี่เป็นซ่อง ซึ่งผมก็กลัวว่าลูกๆ ของผมจะได้ยิน ผมก็เลยบอกว่าอย่าเสียงดังได้ไหม คุยดีๆ ได้ไหม เขาก็ไม่ยอมหยุด จนคนข้างบ้านก็ออกมามอง ผมก็เลยบอกเขาว่า ขอร้อง ก็คือยกมือไหว้เขาแหล่ะ บอกขอร้องเถอะอย่าทำอย่างนั้นเลย เพราะว่าวันนี้วันเกิดลูกผมจริงๆ เห็นใจเถอะ ก็มีการโต้เถียงกันไป เขาก็ใส่อารมณ์ตลอด แล้วก็คุยกันว่า ถ้าไม่ไว้ใจกันอย่างนี้ก็เลิกกันแน่นอน ผมบอกก็ได้ เลิกก็เลิก แล้วเขาก็ขับรถ ออกจากบ้านผมไป"
เหตุการณ์รุนแรงบานปลาย เมื่อถึงเวลาเริ่มงานวันเกิดของลูก สาวเจ้าของร้านสปากลับมาอาละวาดอีกรอบ
"พอเวลาประมาณหนึ่งทุ่มเศษ แขกทุกคนก็เริ่มทยอยกันเข้ามาที่บ้านผม ซึ่งในแขกเหล่านั้นก็มีอดีตภรรยาผมด้วย(ปุ๊กกี้) เข้ามาถึงบ้านกันสักพักหนึ่งปุ๊บ รถของน้องเขาก็กลับเข้ามาอีก ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาทีงานเริ่มแล้ว เด็กๆ ก็อยู่ในบ้านหมดแล้ว แขกก็อยู่หน้าบ้านด้วย ในบ้านด้วย ผมก็รู้สึกว่า ถ้าจะไม่ดีแล้ว ก็พยายามจะบอกเขาว่า ยุติได้ไหม ต้องการอะไรอีก เขาก็สวนกลับมาว่า วันนี้จะทำให้จำไปตลอดชีวิต ผมรู้ทันทีเลยว่าตอนนั้นต้องเกิดปัญหาใหญ่แล้ว ก็เลยพยายามจะห้ามเขา เขาก็เลยถีบผมต่อหน้าแขกทุกๆ คน ซึ่งผมก็ไม่ถือสา ผมขอให้ยุติได้ไหม ขอให้ไปคุยกันสองคนได้ไหม เขาก็ไม่ยอม ยังด่าทอเหมือนเดิมที่หน้าบ้านเสียงดัง จนทุกคนก็เห็น"
" แล้วนอกจากนั้นสิ่งที่ผมทนไม่ได้ ก็คือจากการที่เขาได้คุยโทรศัพท์ตอนต้นนะครับ ก็มีการไปท้าทายพวกเขาเหล่านั้นเพราะเขาก็เป็นแขก ที่มาร่วมงานด้วยเหมือนกัน ไปท้าทายให้มีการจะมาทะเลาะวิวาทกันที่บ้าน ว่าจะมาตบกันหรืออะไรอย่างนี้ พอผมรู้อย่างนั้นแล้ว ก็เลยรู้สึกไม่สบายใจ ก็ตัดสินใจโทรไปบอกน้องคนนั้น ที่เป็นน้องอยู่ในวงการของเราเหมือนกัน แต่น้องแฟนผมคนนี้ก็ไปเข้าใจผิด ว่าแฟนของน้องคนนั้นมามีอะไรกับผม ทั้งที่จริงมันไม่ใช่เลย เขาเป็นน้องในวงการคนหนึ่งที่จะมาร่วมงานด้วย ก็คุยว่าจะมาตบกันที่นี่ ซึ่งผมก็ทนไม่ได้ ผมเลยโทรไปพูดคุยกับทางน้องที่อยู่ในวงการคนนั้นว่าขอยุติได้ไหม เห็นใจพี่ได้ไหม วันนี้วันเกิดลูกพี่ พี่ขอโทษแทนเขาแล้วกัน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ทางนั้นเขาก็เห็นใจผม ยอมยุติว่าจะไม่มางานวันเกิดลูกผม"
อธิบายถึงที่มาของช่วงที่เป็นเรื่อง ฝ่ายหญิงกรีดร้อง แล้วกล่าวว่าตนทำร้าย ยืนยันแท้จริงเกิดจากการยื้อยุดเพื่อห้ามปรามแฟนสาวเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการทำร้ายร่างกายตามที่ฝ่ายคู่กรณีไปแจ้งตำรวจ
"หลังจากนี้ พอฝ่ายนี้รู้ว่าผมโทรไปขอยุติก็ไม่พอใจอย่างนั้น อย่างนี้ เหมือนกับว่าทำไมผมไปเข้าข้างคนอื่น ซึ่งผมก็รู้สึกว่า มันเกินไปแล้ว ยังด่าทอไม่จบไม่สิ้น ผมก็เลยใช้วิธีการเดินไปขอเชิญเขา ก็บอกต่อหน้าทุกคนเลยว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ขอเชิญออกจากบ้านไปดีกว่า เขาก็ตอบกลับมาว่า ไม่ไป มีอะไรไหม ผมบอกว่าได้ ถ้าจะไม่ไป ผมให้เกียรติ ในฐานะที่เราก็เคยรักกัน ก็เอาเป็นว่าอยู่อย่าให้มีปัญหาได้ไหม เขาก็ตอบกลับมาด้วยอารมณ์ต่างๆ นานา ยั่วยวนต่างๆ นานา"
" ผมก็เลยบอกเขาว่า ถ้ามีปัญหาผมอาจจะแจ้งความข้อหาบุกรุกนะแล้วเขาก็ต่อว่าต่างๆ กลับมาไม่ยอมยุติสักที จนทุกคนในงาน รวมทั้งอดีตภรรยาผมด้วยก็พยายามมาบอกว่า ให้ไปหาที่คุยกันเงียบๆ ดีกว่า ไปคุยกันสองคน เพราะตอนนี้ชาวบ้านรอบข้างเขาได้ยินกันหมดแล้ว ผมก็บอกเขาว่าให้ไปคุยกันสองคนได้ไหม เขาก็ผลักมือ ไม่ยอม จนสักพักหนึ่งอดีตภรรยาผมก็ขอเข้ามาคุย พอเขาคุยกันพักหนึ่งแล้ว ผมเห็นว่าสถานการณ์เหมือนจะสงบลง ก็เลยพยายามจะมาจูงมือเขา เพื่อที่จะชวนเขาไปข้างหลัง เขาก็สะบัดมือ ซึ่งยังมีอาการฉุนเฉียวอยู่ แล้วสักพักเขาก็เดินนำไปที่ห้องอัด ที่อยู่ในบ้าน ผมก็เดินตามเข้าไป ซึ่งวตอนที่เดินไปนี่ น้องๆ เหล่านี้ก็นั่งอยู่ที่บ้าน ผมก็เข้าไป"
" พอถึงห้องอัดก็มีการพุดคุยกันเพื่อที่จะตกลง ว่าจะยุติอะไรต่างๆ เขาก็อารมณ์ขึ้น แล้วก็ซักไซ้ไล่เลียง ไม่ยอมเข้าใจ ผมก็บอกว่ามันไม่อะไรแล้ว ยุติได้ไหม สุดท้ายคงเป็นที่ผมเอง ที่ไปแทงใจดำเขา ไปบอกเขาว่า สิ่งที่เขาเป็นนี่มันจะทำให้เกิดปัญหานะ การที่คุยกันไม่รู้เรื่องแล้วมาใช้อารมณ์แบบนี้ ทำให้ทุกคนมองเขายังไง แล้วรอบๆ บ้านผมจะคิดอย่างไร ลูกๆ ของผมจะเป็นอย่างไร เขาก็เลยกรีดร้องขึ้นมา เหมือนอารมณ์ขึ้น แล้วก็มีการทำร้ายกันเกิดขึ้น ซึ่งการทำร้ายนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจหรอก เท่าที่ผมดู เพียงแต่ว่ามันเกิดจากที่เขาอารมณ์ขึ้น มีทั้งการต่อย การชก การข่วนต่างๆ"
" แล้วผมก็พยายามจะยื้อยุด ไม่ให้เขาขึ้น ซึ่งก่อนที่เขาจะขึ้นนี่ ขอย้อนกลับไปนิดนึงว่า ผมอาจจะลามไปถึงครอบครัวเขาด้วย ผมบอกว่าการที่เขาเป็นอย่างนี้มันจะมีผลต่อครอบครัวเขาด้วย คนที่รักเขาทุกๆ คนจะเสียใจนะ เพราะว่าเรื่องมันมีเหตุและมีผล แต่เขาไม่ยอมรับฟัง ตอนนั้นอาจจะทำให้เขาโมโหหนัก เขาก็เลยระบายอารมณ์มา ซึ่งมีทั้งการข่วนและอะไรต่างๆ ซึ่งผมก็พยายามที่ยุดเขา เพื่อที่จะให้หยุด ให้เขาเย็นลง แต่ก็ยอมรับว่าในระหว่างที่ยื้อยุดกันก็มีการล้ม ต้องยอมรับตามความจริงว่า ตอนที่ยื้อกันก็มีการล้มเกิดขึ้นแล้วผมก็เดินจะไปเปิดประตู พอเปิดประตูปุ๊บ น้องเขาก็จะกระโจนออกไป แล้วกรีดร้องว่า ช่วยด้วย ด้วยความตกใจ ผมก็เลยเอาประตูดันเขาไว้ แล้วบอกว่า ทำไมทำอย่างนี้ แล้วคนก็เข้ามา นี่คือเหตุผล"
"พอเขาร้องช่วยด้วย แล้วผมก็เลยตกใจ เลยพยายามจะดันประตูปิด แล้วถามเขาว่า ทำไมทำอย่างนี้ แล้วทุกคนก็เข้ามากันหมด คนแรกที่เข้ามาก่อนคือแม่บ้านของผม แล้วทุกคนก็ตามเข้ามา รวมทั้งอดีตภรรยาผมด้วย ทุกคนก็มาช่วยบอกว่า ใจเย็นๆ เถอะ ยุติๆ เหตุการณ์ต่างๆ ยุติได้แล้ว ผมก็บอกว่ายุติเถอะ ทุกอย่างเขาจะเอาอะไร ผมไม่สนใจแล้ว จากนี้ไปก็ต่างคนต่างอยู่แล้วกัน แล้วทุกคนก็ไกล่เกลี่ย พาเขาออกไปข้างนอก แล้วเขาก็คุยกับอดีตภรรยาผมอยู่สักพักหนึ่ง แล้วเขาก็เดินไปขึ้นรถกับอดีตภรรยาผมออกไปจากบ้าน ซึ่งผมก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไรแล้วหล่ะ ผมก็กลับเข้าไป ด้วยความที่เป็นห่วงเด็กๆ แล้วก็ดูแลแขกในบ้าน ว่าไม่มีอะไรแล้วนะ ทุกอย่างสงบแล้วนะ ปรากฏว่าเด็กๆ เขาก็เล่นกันอยู่ ผมก็โอเค พอเดินออกมาอดีตภรรยาผมกลับเข้ามา แล้วก็มานั่งคุยกับแขกทุกคน ว่าปัญหาไม่มีอะไรแล้ว มันจบแล้วหล่ะ เพราะได้คุยกับทางน้องเขาแล้ว ทุกอย่างคงยุติ ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่ ผมก็โอเค เหตุการณ์วันนั้นก็ยุติลงเพียงเท่านั้น"
คิดว่าเรื่องจบ แต่วันรุ่งขึ้น ถึงทราบว่า ฝ่ายหญิงได้ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ที่สน. สายไหมแล้ว ยอมรับไม่อยากให้สังคมมองภาพตนเป็นคนไม่ดี ต้องออกมาเพื่อปกป้องเกียรติของตัวเองและลูก
"พอวันรุ่งขึ้นช่วงบ่ายๆ ก็มีสายโทรศัพท์ส่วนตัวอีกเครื่องหนึ่งเข้ามาว่า เป็นสายจากสน. สายไหม เขาโทรมาแจ้งบอกว่า มีคนมาลงบันทึกประจำวันไว้ ก็อยากให้โทรไปไกล่เกลี่ยกันก่อน เพราะไม่อยากให้มีปัญหา ไม่อยากมีเรื่อง เพราะแค่ลงบันทึกประจำวันไว้ ผมก็โอเค ผมเข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะโทรไปไกล่เกลี่ย แต่วันนั้นผมยังไมได้โทรเท่านั้นเอง เพราะวันนั้นผมรู้สึกว่า เขาคงยังเคืองๆ อยู่ยังไม่อยากจะไปจี้อะไร แล้วปรากฏว่าพอวันรุ่งขึ้นมา หนังสือพิมพ์ก็ลง เป็นข่าวใหญ่โต ผมก็เลยรู้สึกเสียใจมากๆ ว่า สิ่งที่ผมพยายามทำ สิ่งที่ผมพยายามยุติ เพื่อให้ลูก เพื่อให้ที่บ้านและทุกคนดำเนินไปอย่างปกติ กลับกลายเป็นย้อนมาทิ่มผมซ้ำเข้าไปอีก"
" แล้วโดยเฉพาะมาถือโอกาส จากรอยแผลเก่าที่ผมเคยมี จากการที่ประชาชนเคยมองผมผิดๆ มาแล้วผมเลยยอมไมได้ ครั้งนี้จึงต้องออกมาแถลงและต้องพูด เพื่อปกป้องชื่อเสียง ปกป้องเกียรติยศทุกอย่างให้ลูกผม ให้ตัวผมเอง เพราะผมยังต้องดูแลลูกต่อไป และยังต้องอยู่ในสังคมต่อไป โดยเฉพาะลูกๆ ผม ผมไม่อยากให้ใครมาล้อเขาแล้วว่า พ่อเป็นฆาตกรหรือพ่อเป็นคนที่ไม่ดี วันนี้ผมถึงต้องมาชี้แจงเพราะผมเพียงอยากให้สังคมได้รับรู้ความเป็นจริงบ้าง"
เผยเจรจากับคู่กรณีแล้ว ยืนยันทั้งสองฝ่ายตกลงให้เรื่องจบ โดยต๋องยอมรับข้อเสนอของฝ่ายหญิง ย้ำพร้อมโชว์ใบตรวจร่างกาย ว่าตนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกกระทำมาตลอด
"เมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา ผมก็ได้มีการโทรไปคุยกับน้องเขาว่าเขาจะยุติไหม ยังไง เพราะตอนนี้มันเสียหาย ผมก็คงต้องแถลงข่าว เพราะผมไม่ใข่มาโดนมัดมือมัดเท้า แล้วก็มาโดนซ้ำแผล ผมยอมไม่ได้ ก็คุยกัน เขาก็บอกว่าเขาจะยุติ แต่เขาขอสามข้อ ก็คือ ข้อหนึ่งให้เลิกรากันไปเลย ห้ามติดต่อกันเด็ดขาด ห้ามโทรหากันเด็ดขาด ห้ามวอแวเด็ดขาด ข้อสองห้ามติดต่อครอบครัวเขา ห้ามพูดคุยกับครอบครัวเขาต่อไป ข้อที่สามหลังจากที่เรื่องทุกอย่างจบเรียบร้อยหมดแล้ว อย่าเอาเขาไปพูดเสียๆ หายๆ"
" ซึ่งทั้งสามข้อนี้ผมยินดีทำให้ อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วผมขอสรุปว่า ทุกอย่างแม้กระทั่งข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ก็ยังเป็นเรื่องของการลงบันทึกประจำวันนะครับ ยังไม่ได้มีการฟ้องร้องใดๆ ทั้งสิ้น แล้วผมก็ยังยืนยันว่าผมไม่เคยทำร้ายร่างกายใคร ผมเองเสียอีกที่กลับโดนทำร้าย โดยเฉพาะใบตรวจแพทย์ก็มีนะครับ(โชว์ใบตรวจร่างกาย) ร่องรอยเก่าๆ ตามร่างกายนี่ก็ยังอยู่ แล้วผม็ยืนยันได้ว่า ผมคงเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ยอมให้ผู้หญิงกระทำได้ตลอด แต่ว่าวันนี้จะไม่ยอมในเรื่องของการปกป้องชื่อเสียง"
ย้ำความสัมพันธ์จบลงแน่นอน ส่วนเรื่องที่ฝ่ายหญิงไปฟ้องปวีณา บอกขอสู้สุดชีวิต เพราะตั้งแต่คบกันไม่เคยทำร้ายร่างกายแฟนสาวแม้แต่น้อย สุดท้ายบอกถ้ายังไม่จบ คงต้องปรึกษาทนายเพื่อดำเนินคดีบ้างแน่นอน
"(จะกลับไปคืนดีกันได้ไหม?)เป็นไปไม่ได้แล้วครับ เพราะมันเป็นความต้องการของเขาเอง แล้วผมก็ยังจะต้องเดินต่อ ยังต้องเลี้ยงลูก แล้วสิ่งที่สำคัญในตอนนี้ก็คือว่า ผมอยากให้ลูกผมเดินต่อในสังคมได้ ไม่มีรอยราคีใดๆ ทั้งสิ้น ผมก็เหมือนกัน ก็ต้องอยู่ในสังคมได้ เพราะงานของพวกเรามันคืองานที่ต้องใช้ความศรัทธา ใช่ไหมครับ ถ้าเกิดทุกคนเข้าใจในทิศทางที่ไม่ดีแล้ว มันก็คือสิ่งที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นกับตัวผม"
"(ฝ่ายหญิงไปแจ้งต่อมูลนิธิปวีณาด้วย?)มันก็คงต้องไปว่ากันว่า คือเรื่องอะไร เพราะผมเองก็ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงว่า เขาไปคุยกันเรื่องอะไรนะครับ แต่ว่าถ้าถามว่าทำร้ายร่างกาย ผมก็สู้สุดชีวิตเหมือนกัน เพราะว่าผมไม่ได้ทำ ตั้งแต่คบกันมานะครับ ผมไม่เคยทำร้ายร่างกายเขาเลย ผมรักเขามากด้วยซ้ำ ผมยอมทุกอย่างด้วยซ้ำ"
"ตอนนี้สำหรับผมนะครับ ผมไม่ได้ดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้น เพราะว่าผมไม่ต้องการให้เป็นเรื่องเป็นราว อยากให้ยุติกันด้วยดี อยากให้เลิกรากันแล้ว ยุติด้วยดีทั้งคู่ แล้วผมก็หวังว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดว่ายังมีการฟ้องร้องกันอยู่ หรือถ้าหากว่ามาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอีก ผมก็จำเป็นเหมือนกันที่จะให้ทนายของผมดำเนินการตามกฏหมายอย่างถึงที่สุดครับ"
...
สำหรับนายสุรพันธ์ จำลองกุล หรือ ต๋อง อดีตสมาชิกวงทู เคยคบหาดูใจกับนางสาวปริศนา พรายแสง หรือ ปุ๊กกี้ นักร้องสาววัยรุ่นชื่อดังค่ายอาร์เอสในขณะนั้น ซึ่งทั้งคู่ได้จดทะเบียนอยู่กินด้วยกัน จนมีบุตรร่วมกัน 2 คน ต่อมาภายหลังเกิดปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง เป็นเหตุให้ทั้งสองต้องจดทะเบียนหย่า ยุติความสัมพันธ์ลง
ต่อมาปุ๊กกี้มีข่าวว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับต๋อง เนื่องจากฝ่ายชายกีดกันไม่ให้พบหน้าลูก นอกจากนี้ยังมีภาพลับของปุ๊กกี้ที่อยู่ในสภาพใบหน้าบวมปูด อาบโชกไปด้วยเลือดแพร่กระจายตามฟอร์เวิร์ดเมล ซึ่งในเมลดังกล่าวระบุว่าสภาพของปุ๊กกี้ที่เห็นในภาพ เป็นฝีมือของ ต๋อง อดีตสามีอีกด้วย