นอกจากจะสรุปความหลักใหญ่ได้ว่า "จงอย่าประมาท (มีสติ)" แล้ว ข้อคิดอีกประเด็นหนึ่งที่แฝงอยู่ใน 84,000 พระธรรมขันธ์ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าภายหลังของการตรัสรู้ ซึ่งแบ่งเป็น 3 หมวดหมู่ (รวมเรียกว่าพระไตรปิฎก) ประกอบไปด้วย พระวินัยปิฎก ว่าด้วยเรื่องของพระวินัย (คำสั่ง ข้อให้ละเว้น ) มีทั้งหมด 21,000 พระธรรมขันธ์, พระสุตตันตปิฎก ว่าด้วยเรื่องคำสอนที่พระพุทธเจ้า แสดงกับใคร-เรื่องอะไร-ที่ไหน-เมื่อไร อีก 21,000 พระธรรมขันธ์ และ พระอภิธรรมปิฎก ว่าด้วยเรื่องปรมัตถธรรม จิต เจตสิก รูป นิพพาน ทั้งหมด 42,000 พระธรรมขันธ์ ก็คือใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง
ไม่มีอะไรที่จีรัง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ถูกสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น
ถึงแม้จะเป็นแค่สิ่งสมมติ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในโลกแห่งความเป็นจริงไอ้สิ่งสมมติทั้งหลายทั้งที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมเองมันช่างเป็นสิ่งที่หอมหวน มีพลานุภาพชวนให้หลงใหลยิ่งนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งสมมติอันนำมาซึ่งการก่อเกิดของ "กิเลส" ที่แฝงอยู่ในรูปของ อำนาจ ชื่อเสียง เงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ
มีคนหลายคนที่กำลังติดอยู่ในกับดักที่ว่านี้โดยเฉพาะในแวดวงดารา และหนึ่งในจำนวนนั้นของคนบันเทิงที่ผมรู้สึกก็คือนักแสดงหญิงที่ชื่อ "กบ สุวนันท์ คงยิ่ง"
คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีโอกาสได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของเธอที่ค่อนข้างจะยาวผ่านรายการ "ที่นี่หมอชิต" ซึ่งมี "ดู๋ สัญญา คุณากร" เป็นพิธีกรแล้ว ต้องบอกว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก
นักแสดงหญิงตอบคำถามผ่านรายการสรุปความได้ว่า ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง นิสัยตอนเด็กๆ เป็นคนขี้อายที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมรักการแสดงออก (แต่จะไม่เสนอตัวเองก่อน จะรอให้มีคนอื่นชักชวนหรือเพื่อนคนอื่นๆ เป็นคนเสนอ) เริ่มต้นเดินเข้าสู่วงการบันเทิงเมื่อประมาณ 15 ปีที่ผ่านมาด้วยละครพื้นบ้าน (จักรๆ วงศ์) ช่วงเช้าๆ ทางช่อง 7 จากการชักชวนของเพื่อนพ่อ
เธอยอมรับว่า นอกจากจะเกิดความติดใจ เพราะ "ได้โชว์" ความสามารถแล้ว ค่าตอบแทนจากงานตรงนี้ยังทำให้เธอสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของในสิ่งที่อยากจะได้
น่าปรบมือให้นะครับกับเด็กๆ วัย 13 - 14 ที่ทำงานจนมีเงินเก็บในหลักแสน แต่ใครจะรู้บ้างว่ามันคือ "หลุมดำ" หลุมใหญ่
ไม่นานสาวกบก็ขยับไปเล่นละครในช่วงหัวค่ำ ช่วงดึก และโด่งดังเป็นที่รู้จักขึ้นมาจากละครเรื่อง "ผยอง" รวมถึง "ดาวพระศุกร์" ฯ จากนั้นเธอก็นับบทนางเอกมาโดยตลอด กระทั่งได้รับการยกย่องให้เป็น(นางเอก)อันดับหนึ่งของวิกหมอชิต...
จนถึงปัจจุบัน????
นักแสดงหญิงบอกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอรู้ว่ามีคนที่ไม่ชอบเธอในปริมาณที่ชอบเธอ ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร (เธอบอกว่าทั้งๆ ที่เธอเองไม่ได้ไปทำร้ายใคร)
เธอบอกว่าเธอไม่เข้าใจและไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยว่าทำไมสื่อจะต้องจับเอาเธอไปเปรียบเทียบกับนางเอกคนอื่นๆ แต่เธอก็ยอมรับว่า รู้สึกกดดัน
เธอบอกว่าเธอยอมรับได้ในคำติคำชม แต่เธอก็บอกว่าคำติทั้งหลาย(โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำหน้าที่พิธีกร)นั้นทำให้เธอเครียด คิดมาก (และไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องถูกตำหนิในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง)
และเธอก็ยังบอกด้วยว่าหลายครั้งที่เธอต้องรู้สึกอึดอัดต่อภาพของความเป็น "นางเอก" ประเภท "ผ้าพับไว้" ในโลกของความเป็นจริงที่หลายคนสวมให้กระทั่งรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถขยับตัวทำอะไรที่ขัดกับภาพนี้ได้เพราะกลัวถูกตำหนิ
ที่น่าสนใจก็คือเธอบอกในทำนองว่า ณ วันนี้เธอยอมรับว่าเธอยังไม่พร้อมอย่างแน่นอนหากจู่ๆ ชื่อเสียงต่างๆ ที่มีอยู่นี้จะหายไป ซึ่งฟังแล้วต้องบอกว่าน่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนตัวผมรู้สึกว่าสาวกบเธอตกเป็นเหยื่อของความมีชื่อเสียงอันเกิดจากการให้ค่าที่เกินจริงของคนส่วนใหญ่ที่หลงใหลไปกับภาพแห่งจินตนาการและการโฆษณาชวนเชื่อมาโดยตลอด
มิได้มีอคตินะครับ ทว่าตั้งแต่วันที่สาวกบเธอก้าวเท้าเข้าวงการเมื่อ 15 ปีที่แล้วจนถึงวันนี้ที่แม้จะได้รับบทเป็นนางเอกเสมอมา/แม้ชื่อของ "สุวนันท์" จะยังขายได้อยู่ แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงพัฒนาการในเรื่องฝีไม้ลายมือทางด้านการแสดงของเธอแบบนึกแล้วต้องขนลุกหรือรู้สึกถึงความมีคุณภาพที่โดดเหนือกว่าคนอื่นเอาซะเลย
จะเห็นก็แค่บทบาทที่เปลี่ยนไป (ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้มีความหลากหลายแต่อย่างใด) ประกอบกับวัยที่มากขึ้นเท่านั้น
ที่สำคัญหากนางเอกสาวลองนั่งพิจารณาอย่างจริงๆ จังๆ ผมว่าเธอน่าจะรู้ถึงที่มาในคำตอบของความอึดอัดและความเครียดของตัวเองกับการที่เธอรู้สึกว่าทำไมหลายคนจะต้องคาดหวังว่าในชีวิตจริงๆ ว่าเธอจะต้องมีกริยาท่าทางที่เรียบร้อย พูดเพราะ ยิ่มแย้มเป็นมิตร แต่งตัวมิดชิด อยากจะแต่งตัวโชว์เนื้อโชว์หนังมังสา(บ้าง)ก็เกรงว่าจะถูกแฟนละครต่อว่า จะรับบทที่ร้ายแว้ดๆ ก็ไม่กล้า จะพูดทะลึ่งทะเล้นก็กลัวถูกจับตา ฯลฯ
ก็มิใช่ตัวเธอเองหรอกหรือที่ร่วมสร้างภาพนางเอกแสนดีให้ปรากฏขึ้นมานอกจอ ทั้งจากการให้สัมภาษณ์ ลักษณะการวางท่าทาง การวางตัว ทั้งที่เธอเองก็รู้ว่าตัวเธอเองเป็นเช่นไร?
มีอยู่ช่วงหนึ่งนางเอกสาวยกตัวอย่างในลักษณะที่ว่าถ้าเป็นดาราหญิงคนอื่นๆ อยู่ที่กองถ่ายละครแล้วบอกว่า...หนูใส่รองเท้าคู่นี้ไม่ได้หรือคะ มันคับค่ะ...ก็สามารถที่จะบอกได้ไม่ต้องคิดมาก แต่ถ้าเป็น "กบ สุวนันท์" พูดบ้างคงจะเป็นเรื่องขึ้นมาเพราะจะต้องถูกมองไปในด้านลบ ถูกซุบซิบนินทาอย่างแน่นอนว่าเรื่องมาก...ถือว่าเป็นนางเอกหรืออย่างไร ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้โน่นก็ไม่เอา คนอื่นๆ เขายังสวมกันได้ คับนิดคับหน่อยจะเป็นไร?
คิดเองเออเองมากไปแล้วครับ
ทำไมจะขออะไรไม่ได้ ทำไมนางเอกจะปฏิเสธอะไรไม่ได้
การที่ใครจะมองอย่างไร ผมว่าองค์ประกอบสำคัญมันอยู่ที่เจตนารมณ์และลักษณะท่าทีในการพูดของผู้พูดมากกว่าว่าเป็นอย่างไร พูดแบบนอบน้อม พูดอย่างสุภาพ ขอความช่วยเหลือหรือสั่ง หรือพูดอย่างถือตัว เชิดใส่ เย่อหยิ่ง
นอกจากนี้เราก็ต้องยอมรับอย่างเข้าใจด้วยว่า หากเราพูดดีมีเหตุผลแล้วอีกฝ่ายจะคิดอย่างไรมันก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถจะไปการันตีได้
เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ครับกับการที่เราจะมีความใส่ใจรับเอาข้อติติง-การถูกเปรียบเทียบ มาคิด มาทบทวน เพื่อหาทางพยายามปรับปรุงตนเอง แต่ทั้งนี้มันคงจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยหากคนๆ นั้นเริ่มต้นด้วยการมองว่าไอ้คำติติงต่างๆ เหล่านั้นเกิดขึ้นมาจากจิตอกุศล เกิดขึ้นมาเพราะรู้สึกไปว่าอีกฝ่ายเขาอิจฉา-หมั่นไส้ ส่งผลให้ความยอมรับที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงเป็นความรู้สึกอยากจะเอาชนะคะคานชนิดที่ไม่สนวิธีการ...กระทั่งทำให้คนๆ นั้นหลงติดไปกับกับดักของความความเด่น ความดัง ฉันต้องเป็นที่หนึ่ง เสียงที่เข้ามาจะต้องเป็นคำเยินยอเท่านั้น
ลองเข้าอีหรอบนี้รับรองว่า ชีวิตนี้มีทุกข์มากกว่ามีสุขอย่างแน่นอน...
ไม่มีอะไรที่จีรัง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ถูกสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น
ถึงแม้จะเป็นแค่สิ่งสมมติ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในโลกแห่งความเป็นจริงไอ้สิ่งสมมติทั้งหลายทั้งที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมเองมันช่างเป็นสิ่งที่หอมหวน มีพลานุภาพชวนให้หลงใหลยิ่งนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งสมมติอันนำมาซึ่งการก่อเกิดของ "กิเลส" ที่แฝงอยู่ในรูปของ อำนาจ ชื่อเสียง เงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ
มีคนหลายคนที่กำลังติดอยู่ในกับดักที่ว่านี้โดยเฉพาะในแวดวงดารา และหนึ่งในจำนวนนั้นของคนบันเทิงที่ผมรู้สึกก็คือนักแสดงหญิงที่ชื่อ "กบ สุวนันท์ คงยิ่ง"
คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีโอกาสได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของเธอที่ค่อนข้างจะยาวผ่านรายการ "ที่นี่หมอชิต" ซึ่งมี "ดู๋ สัญญา คุณากร" เป็นพิธีกรแล้ว ต้องบอกว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก
นักแสดงหญิงตอบคำถามผ่านรายการสรุปความได้ว่า ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง นิสัยตอนเด็กๆ เป็นคนขี้อายที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมรักการแสดงออก (แต่จะไม่เสนอตัวเองก่อน จะรอให้มีคนอื่นชักชวนหรือเพื่อนคนอื่นๆ เป็นคนเสนอ) เริ่มต้นเดินเข้าสู่วงการบันเทิงเมื่อประมาณ 15 ปีที่ผ่านมาด้วยละครพื้นบ้าน (จักรๆ วงศ์) ช่วงเช้าๆ ทางช่อง 7 จากการชักชวนของเพื่อนพ่อ
เธอยอมรับว่า นอกจากจะเกิดความติดใจ เพราะ "ได้โชว์" ความสามารถแล้ว ค่าตอบแทนจากงานตรงนี้ยังทำให้เธอสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของในสิ่งที่อยากจะได้
น่าปรบมือให้นะครับกับเด็กๆ วัย 13 - 14 ที่ทำงานจนมีเงินเก็บในหลักแสน แต่ใครจะรู้บ้างว่ามันคือ "หลุมดำ" หลุมใหญ่
ไม่นานสาวกบก็ขยับไปเล่นละครในช่วงหัวค่ำ ช่วงดึก และโด่งดังเป็นที่รู้จักขึ้นมาจากละครเรื่อง "ผยอง" รวมถึง "ดาวพระศุกร์" ฯ จากนั้นเธอก็นับบทนางเอกมาโดยตลอด กระทั่งได้รับการยกย่องให้เป็น(นางเอก)อันดับหนึ่งของวิกหมอชิต...
จนถึงปัจจุบัน????
นักแสดงหญิงบอกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอรู้ว่ามีคนที่ไม่ชอบเธอในปริมาณที่ชอบเธอ ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร (เธอบอกว่าทั้งๆ ที่เธอเองไม่ได้ไปทำร้ายใคร)
เธอบอกว่าเธอไม่เข้าใจและไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยว่าทำไมสื่อจะต้องจับเอาเธอไปเปรียบเทียบกับนางเอกคนอื่นๆ แต่เธอก็ยอมรับว่า รู้สึกกดดัน
เธอบอกว่าเธอยอมรับได้ในคำติคำชม แต่เธอก็บอกว่าคำติทั้งหลาย(โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำหน้าที่พิธีกร)นั้นทำให้เธอเครียด คิดมาก (และไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องถูกตำหนิในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง)
และเธอก็ยังบอกด้วยว่าหลายครั้งที่เธอต้องรู้สึกอึดอัดต่อภาพของความเป็น "นางเอก" ประเภท "ผ้าพับไว้" ในโลกของความเป็นจริงที่หลายคนสวมให้กระทั่งรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถขยับตัวทำอะไรที่ขัดกับภาพนี้ได้เพราะกลัวถูกตำหนิ
ที่น่าสนใจก็คือเธอบอกในทำนองว่า ณ วันนี้เธอยอมรับว่าเธอยังไม่พร้อมอย่างแน่นอนหากจู่ๆ ชื่อเสียงต่างๆ ที่มีอยู่นี้จะหายไป ซึ่งฟังแล้วต้องบอกว่าน่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนตัวผมรู้สึกว่าสาวกบเธอตกเป็นเหยื่อของความมีชื่อเสียงอันเกิดจากการให้ค่าที่เกินจริงของคนส่วนใหญ่ที่หลงใหลไปกับภาพแห่งจินตนาการและการโฆษณาชวนเชื่อมาโดยตลอด
มิได้มีอคตินะครับ ทว่าตั้งแต่วันที่สาวกบเธอก้าวเท้าเข้าวงการเมื่อ 15 ปีที่แล้วจนถึงวันนี้ที่แม้จะได้รับบทเป็นนางเอกเสมอมา/แม้ชื่อของ "สุวนันท์" จะยังขายได้อยู่ แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงพัฒนาการในเรื่องฝีไม้ลายมือทางด้านการแสดงของเธอแบบนึกแล้วต้องขนลุกหรือรู้สึกถึงความมีคุณภาพที่โดดเหนือกว่าคนอื่นเอาซะเลย
จะเห็นก็แค่บทบาทที่เปลี่ยนไป (ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้มีความหลากหลายแต่อย่างใด) ประกอบกับวัยที่มากขึ้นเท่านั้น
ที่สำคัญหากนางเอกสาวลองนั่งพิจารณาอย่างจริงๆ จังๆ ผมว่าเธอน่าจะรู้ถึงที่มาในคำตอบของความอึดอัดและความเครียดของตัวเองกับการที่เธอรู้สึกว่าทำไมหลายคนจะต้องคาดหวังว่าในชีวิตจริงๆ ว่าเธอจะต้องมีกริยาท่าทางที่เรียบร้อย พูดเพราะ ยิ่มแย้มเป็นมิตร แต่งตัวมิดชิด อยากจะแต่งตัวโชว์เนื้อโชว์หนังมังสา(บ้าง)ก็เกรงว่าจะถูกแฟนละครต่อว่า จะรับบทที่ร้ายแว้ดๆ ก็ไม่กล้า จะพูดทะลึ่งทะเล้นก็กลัวถูกจับตา ฯลฯ
ก็มิใช่ตัวเธอเองหรอกหรือที่ร่วมสร้างภาพนางเอกแสนดีให้ปรากฏขึ้นมานอกจอ ทั้งจากการให้สัมภาษณ์ ลักษณะการวางท่าทาง การวางตัว ทั้งที่เธอเองก็รู้ว่าตัวเธอเองเป็นเช่นไร?
มีอยู่ช่วงหนึ่งนางเอกสาวยกตัวอย่างในลักษณะที่ว่าถ้าเป็นดาราหญิงคนอื่นๆ อยู่ที่กองถ่ายละครแล้วบอกว่า...หนูใส่รองเท้าคู่นี้ไม่ได้หรือคะ มันคับค่ะ...ก็สามารถที่จะบอกได้ไม่ต้องคิดมาก แต่ถ้าเป็น "กบ สุวนันท์" พูดบ้างคงจะเป็นเรื่องขึ้นมาเพราะจะต้องถูกมองไปในด้านลบ ถูกซุบซิบนินทาอย่างแน่นอนว่าเรื่องมาก...ถือว่าเป็นนางเอกหรืออย่างไร ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้โน่นก็ไม่เอา คนอื่นๆ เขายังสวมกันได้ คับนิดคับหน่อยจะเป็นไร?
คิดเองเออเองมากไปแล้วครับ
ทำไมจะขออะไรไม่ได้ ทำไมนางเอกจะปฏิเสธอะไรไม่ได้
การที่ใครจะมองอย่างไร ผมว่าองค์ประกอบสำคัญมันอยู่ที่เจตนารมณ์และลักษณะท่าทีในการพูดของผู้พูดมากกว่าว่าเป็นอย่างไร พูดแบบนอบน้อม พูดอย่างสุภาพ ขอความช่วยเหลือหรือสั่ง หรือพูดอย่างถือตัว เชิดใส่ เย่อหยิ่ง
นอกจากนี้เราก็ต้องยอมรับอย่างเข้าใจด้วยว่า หากเราพูดดีมีเหตุผลแล้วอีกฝ่ายจะคิดอย่างไรมันก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถจะไปการันตีได้
เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ครับกับการที่เราจะมีความใส่ใจรับเอาข้อติติง-การถูกเปรียบเทียบ มาคิด มาทบทวน เพื่อหาทางพยายามปรับปรุงตนเอง แต่ทั้งนี้มันคงจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยหากคนๆ นั้นเริ่มต้นด้วยการมองว่าไอ้คำติติงต่างๆ เหล่านั้นเกิดขึ้นมาจากจิตอกุศล เกิดขึ้นมาเพราะรู้สึกไปว่าอีกฝ่ายเขาอิจฉา-หมั่นไส้ ส่งผลให้ความยอมรับที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงเป็นความรู้สึกอยากจะเอาชนะคะคานชนิดที่ไม่สนวิธีการ...กระทั่งทำให้คนๆ นั้นหลงติดไปกับกับดักของความความเด่น ความดัง ฉันต้องเป็นที่หนึ่ง เสียงที่เข้ามาจะต้องเป็นคำเยินยอเท่านั้น
ลองเข้าอีหรอบนี้รับรองว่า ชีวิตนี้มีทุกข์มากกว่ามีสุขอย่างแน่นอน...