โดย อดิศร สุขสมอรรถ
Confession of Pain คือผลงานการกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งของ แอนดรูว์ เลา และ อลัน มัก ที่ส่งให้ Infernal Affairs สุดยอดหนังมาเฟียฮ่องกงดังทั่วเอเชียจนฝรั่งเอาไปสร้างใหม่จนคว้าออสการ์ปีล่าสุดไปครองมาแล้ว

หลังจากความพยายามที่จะดันให้ Daisy ที่มีนักแสดงดังทั้ง จวน จี ฮุน, จุง วู ซุง, ลี ซุง แจ เป็น 2 คม 2 คม ฉบับกิมจิไม่สำเร็จ คราวนี้ แอนดรูว์ เลา จึงกลับมาร่วมงานกับ อลัน มัก อีกครั้งในผลงานที่ได้สองนักแสดงชายสุดดังของเอเชียอย่าง เหลียงเฉล่าเหว่ย และ ทาเคชิ คาเนชิโร่ มาเชือดเฉือนบทบาทกันในเรื่องนี้
Confession of Pain เป็นเรื่องราวของ ไห่ (เหลียงเฉาเหว่ย) และ บ็อง (ทาเคชิ คาเนชิโร่) สองนักสืบรุ่นพี่รุ่นน้องที่ต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งดูเหมือนจะจัดการทุกอย่างบนโลกนี้ได้หมด แต่รุ่นน้องผู้อ่อนประสบการณ์อย่างบ็องนั้นยังใหม่กับอาชีพนักสืบที่ต้องขอคำชี้แนะจากไห่อยู่เสมอ รวมทั้งปัญหาส่วนตัวของเขากับแฟนสาวที่กำลังตั้งครรภ์ก็รบกวนจิตใจเขาทุกวัน ไม่นับการเป็นหนุ่มที่ไม่ประสาเรื่องสุราเลยแม้แต่น้อย
แต่ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อการกลับบ้านเพื่อไปคืนดีกับแฟนสาว กลับกลายเป็นการไปพบร่างอันไร้วิญญาณของเธอแทน มันเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่หนักเกินกว่าผู้ชายอย่างบ็องจะรับไว้ได้ นำมาซึ่งการลาออกจากงานตำรวจ และเริ่มต้นชีวิตในการเป็นนักสืบอิสระ รวมทั้งเปลี่ยนจากหนุ่มเรียบร้อยกลายเป็นสิงห์สุราเลือดร้อนในที่สุด แต่ขณะเดียวกันเขาก็ยังคงตามสืบหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจฆ่าตัวตายของแฟนสาวทั้งๆ ที่มีลูกของเขาอยู่ในท้องต่อไป
ขณะเดียวกันชีวิตของ ไห่ ก็ดูจะนำพาไปสู่ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมดีทุกอย่าง เมื่อเขากับแฟนสาวอย่างซูซาน (ซู จิง เล่ย) ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันในแมนชั่นเดียวกันและพากันไปดูตัวกับพ่อตามหาเศรษฐีเรียบร้อยแล้ว แต่ชีวิตแต่งงานที่ทำท่าจะหอมหวนด้วยกลิ่นกุหลาบ กลับโชยมาด้วยกลิ่นเลือด เมื่อพ่อตาของไห่กลับมาเสียชีวิตด้วยการฆาตกรรมอย่างอำมหิต ทำให้ซูซานซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวก็กำลังจะได้มรดกนับร้อยล้านจากเขาไป
หลังจากคดีทำท่าจะปิดลงโดยหาผู้กระทำผิดไม่ได้ ซูซานซึ่งเห็นว่าสามีตำรวจของเธอดูจะสนใจกับงานด้านอื่นๆ(โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพของเธอ-ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่เธอไม่ลงรอยกับเขา) มากกว่าพยายามหาฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอ เธอจึงตัดสินใจไปพบกับบ็องผู้ที่เธอเชื่อใจที่สุดรองจากสามีที่รัก เพื่อขอร้องให้เขาช่วยสืบคดีที่เธอเชื่อว่ามีอะไรลับลมคมในบางอย่าง
การสืบคดีเพื่อตามหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังความตายของทั้งแฟนเก่า และพ่อตาของรุ่นพี่ของบ็องครั้งนี้ ได้เปิดเผยความจริงที่ไม่มีใครคาดคิด และยังเป็นบทเรียนในการดำเนินชีวิตที่มากกว่าคำสอนครั้งไหนๆ ที่ไห่เคยพยามยามสอนให้กับเขา

"ปัญหามันก็เป็นปัญหา เพียงแต่เราจะเลือกที่จะรับมือกับมันอย่างไร"
เมื่อแฟนหนังได้ชมผลงานชิ้นนี้ของเลาไปซักพัก ก็จะรู้ว่ามันเป็นผลงานที่เขาประกาศออกมาชัดเจนเลยว่าเดินตามรอยความสำเร็จของ Infernal Affairs แบบทุกฝีเก้า ซึ่งทำออกมาได้น่าติดตามอย่างมาก ทั้งการผูกปมและอารมณ์ในการเล่าเรื่อง แฟน 2 คม 2 คน ที่ได้ดูคงนึกในใจว่าหนังในสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบได้กลับมาแล้ว
แต่การเลือกที่จะเปิดหน้ากากผู้ร้ายตัวจริงตั้งแต่ต้นเรื่อง ทำให้ทางเลือกเดียวของผู้ชมที่เหลืออยู่คือบทสรุปของเรื่องที่เข้มข้น, รุนแรง, สะเทือนอารมณ์ หรือแม้แต่หักมุม แต่ทั้งหมดที่ว่ามาถูกนำเสนอได้ไม่ "สุด" อย่างที่มันควรจะเป็น เลาเลือกที่จะจบเรื่องด้วยเรื่องเล่าที่เป็นละครสั้นๆ เรื่องหนึ่ง ที่ลดความหนักแน่นที่ปูไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องลงอย่างมาก ซึ่งเป็นไปตามคอนเซ็ปท์ของหนังที่เป็นที่มาของชื่อเรื่อง Confession of Pain นั้นเอง
จุดเด่นของ Confession of Pain ได้แก่การโคจรมาพบกันของ 2 ซูเปอร์ต่างยุคอย่าง เหลียงเฉาเหว่ย และ ทาเคชิ คาเนชิโร่ หนุ่มไต้หวันที่ไปแจ้งเกิดในฐานะนักร้องในแดนปลาดิบเสียก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้แฟนหนังก็ได้เห็นเขาไปประชันบทกับครึ่งหนึ่งของ Infernal Affairs อย่าง หลิว เต๋อ หัว มาแล้วใน House of Flying Daggers
เฮียเหลียงเรื่องนี้โกนหนวดที่ทำให้เขาดูเข้มจากเรื่องก่อน หันมาใส่แว่นที่ทำให้การแสดงบทสองหน้ามีความนิ่งลึกเข้าไปอีก ซึ่งความนิ่งดังกล่าวกลับจะเป็นตัวที่สร้างความหวังให้แฟนหนังอยากเห็นจุดจบที่เด็ดขาดมากกว่านี้ในเรื่อง
ส่วน ทาเคชิ คาเนชิโร่ ที่ตอนเริ่มเรื่องทำท่าจะโดนเฮียเหลียงของเรากลบจนมิด ก็มาขโมยซีนหลังจากตัวละครของเขากลายเป็นนักสืบสิงห์สุราไป ที่ทาเคชิเปลี่ยนคาแรคเตอร์จากหนุ่มเหนียมในตอนแรกมาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญได้อย่างดี ถือว่าบทหล่อเถื่อนๆ แบบนี้ดูจะเข้ากับเขามากๆ (โดยเฉพาะกับแฟนหนังสาวๆ)
ที่ดูจะพยามยามทำให้เป็น Infernal Affairs ให้ได้ก็คือการนำนักแสดงตลกหน้าเป็นอย่าง ตู้เหวินเจ๋อ กลับมาเล่นกับเหลียงเฉาเหว่ยอีกครั้ง (คนที่รับบทเป็นอาคังเพื่อนขี้โม้ของอาหยั่นใน 2 คน 2 คม) ที่มาเป็นไม้ประดับเรียกเสียงฮาได้เล็กๆ น้อยๆ (ถ้าดูพากย์ไทยคงจะเข้าใจ) ที่คาดไว้แต่ต้นว่าจะมีส่วนในบทสรุปของเรื่องในตอนท้ายนั้นไม่มีแต่อย่างใด

สำหรับสาวๆ ในเรื่อง หลายคนอาจะไปดูเพราะมีสาวร้อนอย่าง ซูฉี ที่มาเล่นเป็นสาวเชียร์เบียร์แสนเซ็กซี แต่ความสนใจของผู้เขียนไปอยู่ที่ ซู จิง เล่ย ผู้ที่รับบทเป็นซูซานมากกว่า สาวหมวยหน้าดุนักแสดงจากจีนแผ่นดินใหญ่ผู้นี้ เคยทำให้ใครหลายคนหลงรักเธอมาแล้วจาก Spring Subway นอกจากจะแสดงหนังได้โอเคแล้ว เธอยังเป็นผู้กำกับระดับมีรางวัลติดมือมาด้วยจาก A Letter from an Unknown Woman ในเรื่อง Confession of Pain เธอก็เล่นได้เรื่อยๆ ก่อนที่ผลงานต่อไปเธอจะเป็นสาวที่หนุ่มๆ ทั้งหลิว เต๋อ หัว, เจ็ท ลี และทาเคชิ คาเนชิโร่ มาแย่งกันในหนังสงครามประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ของจีนอย่าง The Warlords ผลงานกำกับของปีเตอร์ ชาน ที่คาดว่าแฟนๆ บ้านเราน่าจะได้ชมกันในปลายปีนี้
อีกสาวสวยที่มาร่วมงานนี้ได้แก่ เอ็มมี หว๋อง แต่น่าเสียดายที่บทของเธอที่เป็นแฟนของบ็องมีแค่นอนไร้วิญญาณอยู่บนเตียงเท่านั้นเอง
Confession of Pain เปิดตัวในฮ่องกงชนกับหนังฟอร์มยักษ์อีกเรื่องของ โจวเหวินฟะ และ กงลี่ อย่าง Curse of the Golden Flower ที่ผ่านตาแฟนหนังบ้านเรามาแล้ว ซึ่งแม้การเปิดตัว 'คำสาปดอกไม้ทอง' จะทำได้ดีกว่า แต่สุดท้าย 'คำสารภาพแห่งความเจ็บปวด' ก็ทำรายได้มากกว่า แม้จะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือน Infernal Affairs แต่ล่าสุดก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล 26th Hong Kong Film Awards ถึง 7 สาขา โดยเฮียเหลียงได้ชิงในสาขานักแสดงนำชาย แต่ตัวหนังอดเข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของปีนี้ในเวทีนี้ไป
และล่าสุดมีข่าวแว่วมาจากไชนา เดลีย์ว่า ทางวอร์เนอร์ค่ายยักษ์ที่นำ Infernal Affairs ไปแปลงสัญชาติเป็น The Departed จนคว้าออสการ์ไปครองไปแล้วนั้น กำลังเตรียมการที่จะซื้อบทของ Confession of Pain ไปสร้างใหม่ในฉบับฮอลลีวูด โดยบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่อยู่เบื้องหลังครั้งนี้ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็นบริษัทของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ที่นำแสดงใน The Departed นั่นเอง แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าลีโอจะเล่นเรื่องนี้เองเลยหรือเปล่า แต่ตำแหน่งดัดแปลงบทน่าจะตกเป็นของ วิลเลียมส์ โมนาฮาน เจ้าของเดียวกับผู้ที่ดัดแปลง Infernal Affairs จนคว้าออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมไปครองนั่นเอง
ถ้าคว้ารางวัลได้อีก มันคงจะเป็นการย้ำเตือนความทรงจำของออสการ์ได้ดีว่าผลงานเหล่านี้ที่อุตสาห์ข้ามน้ำข้ามทะเลเอาบทไปสร้างใหม่ มันไม่ใช่หนังญี่ปุ่นอย่างที่พวกเขาเข้าใจ
Confession of Pain คือผลงานการกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งของ แอนดรูว์ เลา และ อลัน มัก ที่ส่งให้ Infernal Affairs สุดยอดหนังมาเฟียฮ่องกงดังทั่วเอเชียจนฝรั่งเอาไปสร้างใหม่จนคว้าออสการ์ปีล่าสุดไปครองมาแล้ว
หลังจากความพยายามที่จะดันให้ Daisy ที่มีนักแสดงดังทั้ง จวน จี ฮุน, จุง วู ซุง, ลี ซุง แจ เป็น 2 คม 2 คม ฉบับกิมจิไม่สำเร็จ คราวนี้ แอนดรูว์ เลา จึงกลับมาร่วมงานกับ อลัน มัก อีกครั้งในผลงานที่ได้สองนักแสดงชายสุดดังของเอเชียอย่าง เหลียงเฉล่าเหว่ย และ ทาเคชิ คาเนชิโร่ มาเชือดเฉือนบทบาทกันในเรื่องนี้
Confession of Pain เป็นเรื่องราวของ ไห่ (เหลียงเฉาเหว่ย) และ บ็อง (ทาเคชิ คาเนชิโร่) สองนักสืบรุ่นพี่รุ่นน้องที่ต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งดูเหมือนจะจัดการทุกอย่างบนโลกนี้ได้หมด แต่รุ่นน้องผู้อ่อนประสบการณ์อย่างบ็องนั้นยังใหม่กับอาชีพนักสืบที่ต้องขอคำชี้แนะจากไห่อยู่เสมอ รวมทั้งปัญหาส่วนตัวของเขากับแฟนสาวที่กำลังตั้งครรภ์ก็รบกวนจิตใจเขาทุกวัน ไม่นับการเป็นหนุ่มที่ไม่ประสาเรื่องสุราเลยแม้แต่น้อย
แต่ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อการกลับบ้านเพื่อไปคืนดีกับแฟนสาว กลับกลายเป็นการไปพบร่างอันไร้วิญญาณของเธอแทน มันเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่หนักเกินกว่าผู้ชายอย่างบ็องจะรับไว้ได้ นำมาซึ่งการลาออกจากงานตำรวจ และเริ่มต้นชีวิตในการเป็นนักสืบอิสระ รวมทั้งเปลี่ยนจากหนุ่มเรียบร้อยกลายเป็นสิงห์สุราเลือดร้อนในที่สุด แต่ขณะเดียวกันเขาก็ยังคงตามสืบหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจฆ่าตัวตายของแฟนสาวทั้งๆ ที่มีลูกของเขาอยู่ในท้องต่อไป
ขณะเดียวกันชีวิตของ ไห่ ก็ดูจะนำพาไปสู่ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมดีทุกอย่าง เมื่อเขากับแฟนสาวอย่างซูซาน (ซู จิง เล่ย) ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันในแมนชั่นเดียวกันและพากันไปดูตัวกับพ่อตามหาเศรษฐีเรียบร้อยแล้ว แต่ชีวิตแต่งงานที่ทำท่าจะหอมหวนด้วยกลิ่นกุหลาบ กลับโชยมาด้วยกลิ่นเลือด เมื่อพ่อตาของไห่กลับมาเสียชีวิตด้วยการฆาตกรรมอย่างอำมหิต ทำให้ซูซานซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวก็กำลังจะได้มรดกนับร้อยล้านจากเขาไป
หลังจากคดีทำท่าจะปิดลงโดยหาผู้กระทำผิดไม่ได้ ซูซานซึ่งเห็นว่าสามีตำรวจของเธอดูจะสนใจกับงานด้านอื่นๆ(โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพของเธอ-ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่เธอไม่ลงรอยกับเขา) มากกว่าพยายามหาฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอ เธอจึงตัดสินใจไปพบกับบ็องผู้ที่เธอเชื่อใจที่สุดรองจากสามีที่รัก เพื่อขอร้องให้เขาช่วยสืบคดีที่เธอเชื่อว่ามีอะไรลับลมคมในบางอย่าง
การสืบคดีเพื่อตามหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังความตายของทั้งแฟนเก่า และพ่อตาของรุ่นพี่ของบ็องครั้งนี้ ได้เปิดเผยความจริงที่ไม่มีใครคาดคิด และยังเป็นบทเรียนในการดำเนินชีวิตที่มากกว่าคำสอนครั้งไหนๆ ที่ไห่เคยพยามยามสอนให้กับเขา
"ปัญหามันก็เป็นปัญหา เพียงแต่เราจะเลือกที่จะรับมือกับมันอย่างไร"
เมื่อแฟนหนังได้ชมผลงานชิ้นนี้ของเลาไปซักพัก ก็จะรู้ว่ามันเป็นผลงานที่เขาประกาศออกมาชัดเจนเลยว่าเดินตามรอยความสำเร็จของ Infernal Affairs แบบทุกฝีเก้า ซึ่งทำออกมาได้น่าติดตามอย่างมาก ทั้งการผูกปมและอารมณ์ในการเล่าเรื่อง แฟน 2 คม 2 คน ที่ได้ดูคงนึกในใจว่าหนังในสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบได้กลับมาแล้ว
แต่การเลือกที่จะเปิดหน้ากากผู้ร้ายตัวจริงตั้งแต่ต้นเรื่อง ทำให้ทางเลือกเดียวของผู้ชมที่เหลืออยู่คือบทสรุปของเรื่องที่เข้มข้น, รุนแรง, สะเทือนอารมณ์ หรือแม้แต่หักมุม แต่ทั้งหมดที่ว่ามาถูกนำเสนอได้ไม่ "สุด" อย่างที่มันควรจะเป็น เลาเลือกที่จะจบเรื่องด้วยเรื่องเล่าที่เป็นละครสั้นๆ เรื่องหนึ่ง ที่ลดความหนักแน่นที่ปูไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องลงอย่างมาก ซึ่งเป็นไปตามคอนเซ็ปท์ของหนังที่เป็นที่มาของชื่อเรื่อง Confession of Pain นั้นเอง
จุดเด่นของ Confession of Pain ได้แก่การโคจรมาพบกันของ 2 ซูเปอร์ต่างยุคอย่าง เหลียงเฉาเหว่ย และ ทาเคชิ คาเนชิโร่ หนุ่มไต้หวันที่ไปแจ้งเกิดในฐานะนักร้องในแดนปลาดิบเสียก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้แฟนหนังก็ได้เห็นเขาไปประชันบทกับครึ่งหนึ่งของ Infernal Affairs อย่าง หลิว เต๋อ หัว มาแล้วใน House of Flying Daggers
เฮียเหลียงเรื่องนี้โกนหนวดที่ทำให้เขาดูเข้มจากเรื่องก่อน หันมาใส่แว่นที่ทำให้การแสดงบทสองหน้ามีความนิ่งลึกเข้าไปอีก ซึ่งความนิ่งดังกล่าวกลับจะเป็นตัวที่สร้างความหวังให้แฟนหนังอยากเห็นจุดจบที่เด็ดขาดมากกว่านี้ในเรื่อง
ส่วน ทาเคชิ คาเนชิโร่ ที่ตอนเริ่มเรื่องทำท่าจะโดนเฮียเหลียงของเรากลบจนมิด ก็มาขโมยซีนหลังจากตัวละครของเขากลายเป็นนักสืบสิงห์สุราไป ที่ทาเคชิเปลี่ยนคาแรคเตอร์จากหนุ่มเหนียมในตอนแรกมาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญได้อย่างดี ถือว่าบทหล่อเถื่อนๆ แบบนี้ดูจะเข้ากับเขามากๆ (โดยเฉพาะกับแฟนหนังสาวๆ)
ที่ดูจะพยามยามทำให้เป็น Infernal Affairs ให้ได้ก็คือการนำนักแสดงตลกหน้าเป็นอย่าง ตู้เหวินเจ๋อ กลับมาเล่นกับเหลียงเฉาเหว่ยอีกครั้ง (คนที่รับบทเป็นอาคังเพื่อนขี้โม้ของอาหยั่นใน 2 คน 2 คม) ที่มาเป็นไม้ประดับเรียกเสียงฮาได้เล็กๆ น้อยๆ (ถ้าดูพากย์ไทยคงจะเข้าใจ) ที่คาดไว้แต่ต้นว่าจะมีส่วนในบทสรุปของเรื่องในตอนท้ายนั้นไม่มีแต่อย่างใด
สำหรับสาวๆ ในเรื่อง หลายคนอาจะไปดูเพราะมีสาวร้อนอย่าง ซูฉี ที่มาเล่นเป็นสาวเชียร์เบียร์แสนเซ็กซี แต่ความสนใจของผู้เขียนไปอยู่ที่ ซู จิง เล่ย ผู้ที่รับบทเป็นซูซานมากกว่า สาวหมวยหน้าดุนักแสดงจากจีนแผ่นดินใหญ่ผู้นี้ เคยทำให้ใครหลายคนหลงรักเธอมาแล้วจาก Spring Subway นอกจากจะแสดงหนังได้โอเคแล้ว เธอยังเป็นผู้กำกับระดับมีรางวัลติดมือมาด้วยจาก A Letter from an Unknown Woman ในเรื่อง Confession of Pain เธอก็เล่นได้เรื่อยๆ ก่อนที่ผลงานต่อไปเธอจะเป็นสาวที่หนุ่มๆ ทั้งหลิว เต๋อ หัว, เจ็ท ลี และทาเคชิ คาเนชิโร่ มาแย่งกันในหนังสงครามประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ของจีนอย่าง The Warlords ผลงานกำกับของปีเตอร์ ชาน ที่คาดว่าแฟนๆ บ้านเราน่าจะได้ชมกันในปลายปีนี้
อีกสาวสวยที่มาร่วมงานนี้ได้แก่ เอ็มมี หว๋อง แต่น่าเสียดายที่บทของเธอที่เป็นแฟนของบ็องมีแค่นอนไร้วิญญาณอยู่บนเตียงเท่านั้นเอง
Confession of Pain เปิดตัวในฮ่องกงชนกับหนังฟอร์มยักษ์อีกเรื่องของ โจวเหวินฟะ และ กงลี่ อย่าง Curse of the Golden Flower ที่ผ่านตาแฟนหนังบ้านเรามาแล้ว ซึ่งแม้การเปิดตัว 'คำสาปดอกไม้ทอง' จะทำได้ดีกว่า แต่สุดท้าย 'คำสารภาพแห่งความเจ็บปวด' ก็ทำรายได้มากกว่า แม้จะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือน Infernal Affairs แต่ล่าสุดก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล 26th Hong Kong Film Awards ถึง 7 สาขา โดยเฮียเหลียงได้ชิงในสาขานักแสดงนำชาย แต่ตัวหนังอดเข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของปีนี้ในเวทีนี้ไป
และล่าสุดมีข่าวแว่วมาจากไชนา เดลีย์ว่า ทางวอร์เนอร์ค่ายยักษ์ที่นำ Infernal Affairs ไปแปลงสัญชาติเป็น The Departed จนคว้าออสการ์ไปครองไปแล้วนั้น กำลังเตรียมการที่จะซื้อบทของ Confession of Pain ไปสร้างใหม่ในฉบับฮอลลีวูด โดยบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่อยู่เบื้องหลังครั้งนี้ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็นบริษัทของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ที่นำแสดงใน The Departed นั่นเอง แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าลีโอจะเล่นเรื่องนี้เองเลยหรือเปล่า แต่ตำแหน่งดัดแปลงบทน่าจะตกเป็นของ วิลเลียมส์ โมนาฮาน เจ้าของเดียวกับผู้ที่ดัดแปลง Infernal Affairs จนคว้าออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมไปครองนั่นเอง
ถ้าคว้ารางวัลได้อีก มันคงจะเป็นการย้ำเตือนความทรงจำของออสการ์ได้ดีว่าผลงานเหล่านี้ที่อุตสาห์ข้ามน้ำข้ามทะเลเอาบทไปสร้างใหม่ มันไม่ใช่หนังญี่ปุ่นอย่างที่พวกเขาเข้าใจ