กลับมาคึกคักอีกครั้งสำหรับกระแสการถ่ายแฟชั่นด้วยเสื้อผ้าที่น้อยชิ้น ไปจนกระทั่งไม่มีเสื้อผ้าเลยสักชิ้นของคนในแวดวงบันเทิงบ้านเราท่ามกลางสภาวะอากาศแสนจะร้อนอบอ้าวเช่นนี้
ที่น่าสังเกตก็คือ นอกจากอายุของผู้ถูกถ่ายที่อยู่ในระดับวัยรุ่นซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว เหล่าดาราชื่อดังที่ "สูงวัย" ที่บางคนไม่เคยมีท่าทีว่าจะทำกิจกรรมที่ว่านี้มาก่อนต่างก็กระโดดเข้าสู่สนามด้วยเช่นกันหลายต่อหลายคน
แม้จะมีเหตุผลและเจตนาของการกระทำที่แตกต่างกันไป ทั้งถ่ายไว้ดูเล่น ถ่ายไว้ดูตอนแก่(กว่านี้) ถ่ายเพื่อโปรโมตสินค้า ถ่ายเพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโรงพยาบาล ฯลฯ แต่ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงเหลือเกินสำหรับคนเหล่านี้ในการจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม
ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของ "สังขาร" ที่หลายคนอาจจะมองว่าไม่จรรโลงตาเท่ากับวัยเอ๊าะๆ เท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงเรื่องของค่านิยม - จารีตแบบไทยๆ, ความตระหนักในการเป็น "แบบอย่าง" ที่น่าจะมีวิจารณญาณหรือจิตสำนึกต่อเรื่องที่จะกระทำลงไปหรือพูดออกมาให้สมกับความเป็นผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนเด็กรุ่นลูก - รุ่นหลาน หรือแม้กระทั่งคำถามถึงเรื่องของหลักธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนาบางประการอีกต่างหาก
เริ่มต้นปลุกกระแสกันด้วยการเป็นพรีเซ็นเตอร์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ความงามของอดีตนางเอกภาพยนตร์รุ่นใหญ่วัย 53 "ปุ๊ ปิยะมาศ โมนยะกุล" อดีตภรรยาของ "กำธร ทัพคัลไลย" ซึ่งหลังเป็นข่าวออกมาผลปรากฏว่าได้รับกระแสการตอบรับอย่างท่วมท้น
แม้อายุจะปาเข้าไป 59 ปี แล้วทว่า "แม่ทุม ปทุมวดี เค้ามูลคดี" ก็ไม่ยอมแพ้ต่อสังขารที่ไม่มีความเที่ยง ลงทุนไปทำสวยทั้งตัวแถมเสริมความอึ๋มด้วย ขณะที่ทางครอบครัวเองต่างก็ให้การสนับสนุนในกิจกรรมที่ว่านี้..."พอบอกสามีและลูกๆ เขาก็สนับสนุน เขารู้ว่าแม่ชอบคนสวยๆ และอยากให้ตัวเองสวยด้วย เขาก็เลยไม่ว่าอะไร แถมยังคอยให้กำลังใจตลอด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าครอบครัวเราค่อนข้างคุ้นเคยกับโรงพยาบาล"
ผลของการทำศัลยกรรมในครั้งนี้ก็ได้ทำให้แม่ทุมได้ถ่ายแบบให้กับ "นิตยสารเปรียว" ทำเอาหลายคนอึ้งไปตามๆ กัน
คนนี้อายุน้อยลงมาหน่อยแต่ก็ปาเข้าไปครึ่งร้อยแล้ว สำหรับ "หม่อมอูม วิยะดา อุมารินทร์" ที่ขอสลัดผ้าคว้าทูพีซมาสวมลงปกนิตยสาร "ทีวีพูล" กับเขาด้วย โดยเบื้องหลังความงามต้องยกความดีให้ "วรรณษา ทองวิเศษ" ที่อาสาพาคุณป้าไปทำสวยถึงที่ ร.พ.เอกชนแห่งหนึ่งเพื่อกระชากวัยให้เด็กลง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้บอกถึงการตัดสินใจถ่ายแฟชั่นชุดนี้ให้ฟังว่า...
"เมื่อตอนอายุ 30 มีคนมาติดต่อให้ถ่าย เราก็บอกว่าไม่เอา เดี๋ยวให้แก่ก่อนแล้วค่อยถ่าย ตอนนี้อายุ 50 ก็ถ่ายเป็นที่ระลึกหน่อย เพราะว่าเราไม่ค่อยแคร์ใคร แคร์เฉพาะลูกหลาน ปกติเราก็ถ่ายชุดว่ายน้ำเล่นกันอยู่แล้ว แต่ยังไงก็สู้สาวๆ ได้อยู่แล้ว จะบอกให้ว่าร่างกายมนุษย์มันต้องมีส่วนของใครของมัน ที่มันสวยเด่นเป็นพิเศษ ของเราก็มีเหมือนกัน รับรองว่าสู้ได้แน่นอน"
ลดอายุลงมาที่รุ่นน้องอย่างรายของ "ต่าย เพ็ญพักตร์" คนนี้ต้องบอกว่าทำมาอย่างเสมอต้นเสมอปลายและการถ่ายภาพในลักษณะที่ว่านี้ก็เป็นสิ่งที่เธอประกาศแล้วว่าจะทำไปเรื่อยๆ ผิดกับทางด้านของ "นก จริยา แอนโฟเน่" ที่ต้องใช้การตัดสินใจอยู่นานพอสมควรหลังจากที่มีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นกับสามี "จอนนี่ แอนโฟเน่" ในการถ่ายภาพแฟชั่นสวยๆ ออกแนวเซ็กซี่ให้กับ "นิตยสาร Volume"
แต่ที่ทำเอาหลายคนประหลาดใจเพราะคาดไม่ถึงอันเนื่องมาจากบุคลิกและลักษณะนิสัยที่ไม่ชวนสร้างบรรยากาศนู้ดเอาเสียเลย ก็คือการลุกขึ้นมาสลัดผ้าของอดีตนางเอกดัง "จิ๊ก เนาวรัตน์" ในการถ่ายแฟชั่นอวดหุ่นให้กับ "นิตยสารVolume" พร้อมๆ กับการตกเป็นข่าวกุ๊กกิ๊กๆ กับนายแบบที่ถ่ายด้วยอย่าง "เอ็กซ์ ปิยะ วิมุกตายน"
ล่าสุดก็เป็น "แก้ว อภิรดี" ที่ไปประเดิมปกนิตยสารน้องใหม่อย่าง "MIX" โดยยืนยันถึงความตั้งใจในการถ่ายว่าอยากจะสื่อออกมาให้เห็นถึงความดูดีของผู้หญิงในวัย 40 ในรูปแบบของความเป็นสปอร์ตเกิร์ลที่กระฉับกระเฉง ไม่เกี่ยวกับการประชดประชันอดีตสามี "อ๊อด โอภาส" แต่อย่างใด..."ไม่คิดเลย เพราะว่าแก้วพูดให้ทุกฉบับฟังเลยว่า ปีนี้ทุกคนถ่ายชุดว่ายน้ำกันเยอะ นางเอกรุ่นไหนๆ ก็เห็นถ่ายขึ้นปกกันเป็นเรื่องปกติเลย"
"แม้แต่นางงามระดับโลกก็ถ่ายได้ แก้วเชื่อว่าการใส่ชุดว่ายน้ำ ว่ายน้ำเป็นเรื่องของสากล แล้วแก้วเองก็เน้นคอนเซ็ปต์ของผู้หญิงที่ต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ไม่ได้เน้นคอนเซ็ปต์ว่าจะต้องสวยเซ็กซี่ เพราะคิดว่าส่วนตัวทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองดูแข็งแรง แล้วก็ไม่เป็นโรคนี่ แก้วว่ามีความสุขยิ่งกว่าความเซ็กซี่ เพราะแก้วว่ามันไม่คงทน"
สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับกระแสที่เกิดขึ้นไปยังตากล้องชื่อดัง "บี๋ ธีรพงษ์" เจ้าตัวเผยว่าสำหรับตนเองแล้วถือเป็นเรื่องปกติของเพศหญิงที่ไม่ว่าจะวัยไหนก็ตาม ล้วนแล้วแต่อยากจะมีรูปที่ตนเองดูดีไว้ดูกันทั้งนั้น..."ทฤษฎีพี่น่ะ ผู้หญิงทุกคนอยากจะมีรูปสวยๆ ของตัวเอง ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ไม่ว่าจะวัยรุ่น หรือ 30 หรือมากกว่านั้น ทุกคนอยากมีรูปสวยๆ ของตัวเอง อาจจะเป็นรูปเซ็กซี่ หรือรูปสวยๆ พี่เคยเทสต์ทฤษฎีนี้มาแล้ว ไม่ใช่เฉพาะอายุมาแล้วอยากถ่าย เด็กๆก็ เป็น
แล้วทำไมต้องนู้ด?
"มันเหมือนกับว่าเป็นการรวบรัดในความฮือฮาในกระแส ถ่ายแฟชั่นแทบเป็นแทบตาย เป็น 10 เล่ม ก็ไม่มีใครรู้สึกว่าถ่ายอะไร ถ่ายชุดว่ายน้ำ บิกินี่มันจะเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ใครก็พูดถึง เห็นรูปคนนี้ยังคนนั้นยัง แล้วแต่คนแล้วแต่ดาราที่เขาเลือกแล้วแหละว่ามันอย่างไร บางคนเลือกเงินก็ไปถ่ายปฏิทินจะได้เงินเยอะ"
"ขอเอาประโยคของพี่ปุ๊ ปิยะมาศมาตอบเลย ตอนที่เขาจะถ่ายประโยคแรกที่เขาคุย เขาเรียกเราไปปรึกษาเขาอยากจะได้โปสเตอร์ซักชิ้นที่มันดูดีให้กับสินค้า ครีมน่ะครับ เขาเล่าว่าปีๆ หนึ่งเขาหมดเงินไปหลายล้านกับค่าโฆษณาตามหนังสือเนี่ย ฟีดแบ็กมันไม่ค่อยดี เราเลยบอกว่าถ้าให้ดีทำหนังสือออกมาเรื่องการดูแลผิวพรรณ แล้วทำเหมือนออกแนวเซ็กซี่สุขภาพออกมาดีกว่า เวิร์คสุด"
"เขาก็บอกไม่ได้หรอกพี่เป็นนางเอกมาตลอดชีวิต อย่างนั้นอย่างนี้ เดี๋ยวคนเขาจะคิดว่าอย่างไร เราเลยบอกว่ามันเสียหายมากเลยหรือที่มาทำแบบนี้ เราไม่ได้นอกลู่นอกทาง มันอยู่ที่คอนเซ็ปต์ แต่ช่วงนั้นก็มีคนออกมาวิพากษ์น่ะ เขาตั้งเป้าวิจารณ์ไว้แล้ว ว่าต้องวิจารณ์โดยที่ยังไม่ได้ดูอะไรเลย"
"พี่ก็บอกพี่ปุ๊ว่าอย่าคิดมาก คนชมมากกว่าคนวิจารณ์ อย่างพี่ปุ๊เขาหุ่นดีหน้าตาสวยก็เอาเถอะ สมควรถ่าย ไม่เสียหายอะไรที่มาถ่ายอะไรแบบนี้"
ส่วนกรณีของการถ่ายนู้ดหาเงินเพื่อบริจาคการกุศลนั้น ตากล้องดังบอกว่าจริงๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่กรณีที่เป็นข่าวขึ้นมานั้นเป็นเพราะผู้ทำเลือกองค์กรผิด
"เคยมีความคิดนี้กับเพื่อนฝรั่ง แต่เขาพูดขึ้นมาเองว่าถ้าทำอะไรประเภทนี้มันก็ดีไปถ้าเอาเงินไปให้กับการกุศล แต่เคสนี้เขาเลือกทาร์เก็ตองค์กรการกุศลมันผิดไปนิดนึงครับ พระกับนู้ดมันไม่ได้ไปด้วยกันครับ ถ้าผม ผมเลือกองค์กรอื่น คงไม่ไปยุ่งกับเรื่องพระ เรื่องวัดน่ะครับ คือครั้นพระจะออกมารับเงินมันก็อย่างไรอยู่นะ นี่มันเรื่องศาสนาน่ะมันพูดยาก"