xs
xsm
sm
md
lg

โกยเถอะเกย์ : ยำรวมมิตร ชนิดพอทานได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย เวสารัช โทณผลิน

พื้นฐานของความรักประเภทคู่ชีวิตซึ่งยังเจือไปด้วยความหลงและเสน่หา ส่วนหนึ่งเกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน แต่เมื่อใดก็ตามที่ใครสักคนไม่ซื่อสัตย์ ความรักที่เคยหวานชื่นก็อาจแปรเป็นความปร่าขม เรื่องรักหลอกลวงเหล่านี้ พบเห็นกันได้ดาษดื่น ทั้งหน้าจอโทรทัศน์และในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นความรักปกติระหว่างหนุ่ม สาว หรือกระทั่งความรักที่ผิดแผกธรรมชาติประเภทหนุ่มรักหนุ่ม หรือ สาวรักสาวก็ตามที

นั่นคือพล็อตหลักของ "โกยเถอะเกย์" ภาพยนตร์เรื่องที่ 7 ของผู้กำกับหนุ่มฝีมือดี "ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค" ที่จงใจเน้นขายความเป็นตลกร้ายล้อเลียนมาแทบจะทุกผลงานที่ผ่านตานักชมภาพยนตร์ไป สำหรับเรื่องนี้ ต้อม ยังคงเน้นกลิ่นไปที่ความเป็นภาพยนตร์ล้อเลียนในแบบที่เขาถนัด ผสมผสานกับเรื่องราวหลายหลาก ทั้งเกย์ ผี ตลก ดราม่า ฆาตกรรม หยิบจับมาผสานผสม ตั้งต้น ขมวดปมเล็กๆ แล้วปิดท้ายลงได้ชนิดที่จวนเจียนจะมั่วออกทะเลอยู่รอมร่อ

เรื่องราวของหนังว่าด้วย "ใหญ่"และ"อู๊ด" สองหนุ่มหัวใจสีม่วง ที่ฝ่ายแรกเป็นคิง และฝ่ายหลังเป็นควีน สองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกที่เขาเข้าใจว่าเป็นรัก และไม่เคยมีกิจกรรมทางเพศใดๆ ด้วยกันเลยสักครั้งเดียว กระทั่งวันหนึ่งด้วยอุบัติเหตุเนื่องจากการทำงาน ทำให้"ใหญ่"ซึ่งทำงานเป็นบริกรสับหลังในห้องน้ำ ตกกระไดพลอยโจนได้เสียกับ"แตงโม" หญิงสาวทอมบอย ที่เพิ่งเคยได้ล้มรสชาติการเสพกามรสกับชายหนุ่ม(ไม่แท้)เป็นครั้งแรกในชีวิตเช่นกัน

และเนื่องด้วยการเตลิดเปิดเปิงของจังหวะชีวิต ทำให้"ใหญ่" จำต้องเลือกระหว่าง "อู๊ด" เกย์ควีนคู่ชีวิต ที่ประกอบอาชีพคนขับรถแท๊กซี่หาเช้ากินค่ำ กับ"แตงโม" หญิงสาวทอมบอย ลูกสาวเจ้าพ่อใหญ่ค่ายมวยชื่อดัง ซึ่งรับรู้เรื่องของลูกสาวตัวเองกับเขาแล้ว ที่สำคัญเจ้าพ่อที่ว่ามีลูกน้องเป็นบรรดานักมวยและมือปืนมากมาย

ความรัก ความผูกพันธ์จากก้นบึ้งของความสำนึกรู้ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง กับความแปลกใหม่ครั้งแรกและอาจเป็นครั้งสุดท้าย)ของรสชาติชีวิตที่ผ่านเข้ามา ใหญ่จะเลือกทางใด แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ อู๊ด ได้รับรู้เรื่องราวที่ใหญ่พยายามปิดบังเหล่านี้ แล้วตัดสินใจที่จะเก็บใหญ่เอาไว้ ในความทรงจำของตัวเองแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

เพียงพล็อตที่ว่าด้วยเรื่องของความรัก ความหลอกลวง ความลับที่ปิดไม่อยู่ และทางออกของผู้แพ้อย่างการทำลายชีวิตของคนที่ตนเอง พร่ำว่ารัก รวมไปถึงการแสดงความรักประเภทรุนแรงเกินจริงของคนเพศที่สาม(บางกลุ่ม)ที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่เนืองๆ ก็อาจทำให้เกิดภาพในหัวของผู้ที่ใช้ชีวิตร่วมอยู่ในสังคมไปโดยปริยาย ทั้งหมดทั้งปวงอาจส่งให้"โกยเถอะเกย์"กลายเป็นภาพยนตร์ดราม่าหนักหน่วง เข้าขั้นผู้ชมนั่งขมวดคิ้ว ถอนหายใจเฮือกใหญ่ตลอดทั้งเรื่องกันได้ แต่ด้วยชื่อของยุทธเลิศก็การันตีในความเป็นภาพยนตร์ตลกร้าย ล้อเลียน เสียดสี ประชดประชัน และเพี้ยนพร่าบ้าบอได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกที่ต้อมจะมีการหยิบจับพล๊อตอื่นเข้ามาผสมปนเปในเรื่อง ชนิดที่ไม่สามารถพูดได้ว่า พล็อตอื่นนอกเหนือจากเรื่องหึงหวงพยายามฆ่าของคู่เกย์นี้เป็นพล็อตรองได้เลย

ทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับวิญญาณที่ตามหลอกหลอนผู้คน(จนเป็นที่มาของเรื่อง) , ปมฆาตกรรมเล็กๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจขมวดผูกให้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนแม้แต่น้อย , เรื่องของบาป บุญ ผลกรรมต่างๆ ที่หยิบจับมายำลงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ทำให้ยิ่งเป็นการยากที่จะสามารถจับต้นชนปลายและขมวดเรื่องทั้งหมดให้ลงเอย และปูไปในทิศเดียวกันได้อย่างง่ายๆ

ซึ่งจะว่าไปแล้วในจุดที่หนังเรื่องนี้มีพล็อตเยอะจนเกลื่อนนี้เองส่งผลให้เกิดข้อเสียต่างๆ ตามมา ที่เห็นได้ชัดคือ เรื่องราวความรักระหว่างสองหนุ่ม "อู๊ด-ใหญ่" ที่ถึงแม้ว่าดูจากเนื้อเรื่องและวัตถุประสงค์ของผู้กำกับ อาจเรียกได้ว่าเป็นแก่นหลักของหนัง แต่ด้วยความที่รายละเอียดปลีกย่อยเยอะแยะยั้วเยี้ย จึงทำให้เรื่องราวความรัก ความผูกพันธ์ที่ตัวละครทั้งสองแสดงออกมา มีน้ำหนักที่บางเบาและล่องลอยไปในอากาศ

โดยเฉพาะกรณี"ความรักบริสุทธิ์" ที่ผู้กำกับตั้งใจที่จะนำเสนอ ท้ายสุดก็กลับเพียงให้ตัวละครพ่นคำเหล่านั้นออกจากปากตัวเอง แทนการสื่อด้วยเรื่อง ภาพ สัญลักษณ์ หรือสถานการณ์อื่นๆ ซึ่งจะช่วยทำให้เรื่องความรักบริสุทธิ์ที่ไม่เคยมีอะไรกันเลยของทั้งคู่ ดูมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากกว่านี้

อารมณ์ความรู้สึกของตัว "อู๊ด" ที่เสนาหอย แสดงไว้อยู่ในเกณฑ์ดี เมื่อเทียบกับนักแสดงที่เพิ่งมารับบทเต็มๆ ในภาพยนตร์เรื่องแรกเช่นนี้ แต่การปูพื้นฐานของความผูกพันธุ์ตัวละครทั้งสองที่น้อยนิด(เพราะความจำกัดของเนื้อหาที่มากมาย) ก็ทำให้อารมณ์ร่วมของคนดูไม่ถูกชักพาไปในทิศทางเดียวกับตัวละคร ยิ่งมาได้นักแสดงตลกซังกะตายอย่าง เสนาเปิ้ล ที่รับบทเป็นใหญ่ ซึ่งแสดงบทนี้ได้เพียงเสมอตัวกับบทบาทการเป็นพิธีกรรายการสาระแนโชว์เท่านั้น ก็ยิ่งไปลดทอนพลังความสัมพันธ์ของคู่เกย์ อู๊ด-ใหญ่ลง จนส่งให้อารมณ์ที่หอยพยายามส่งมาแทบกลายเป็นศูนย์ไป

ด้วยบุคลิกของนักแสดงนำทั้งสอง ผนวกรวมกับชื่อชั้นของผู้กำกับ ทำให้หลายคนอาจตั้งความหวังว่า "โกยเถอะเกย์"จะเป็นภาพยนตร์บันเทิง ประเภทฮาน้ำหู น้ำตาเล็ด ซึ่งเอาเข้าจริง กลับทำได้เพียงยิ้มมุมปาก หรือหัวเราะเบาๆ ในลำคอเท่านั้น ถ้าใครหวังว่าจะได้เข้ามาชมภาพยนตร์ฮาแรงๆ หัวเราะกระจาย ก็ขอบอกว่าอาจจะต้องผิดหวังกันพอสมควร เพราะถัดจากฉากเปิดเรื่องที่สร้างบรรยากาศและความรู้สึกได้ทั้งฮาทั้งน่ากลัว คล้ายกับที่ต้อมเคยทำไว้ใน"บุพผาราตรี" แล้วนั้น วินาทีหลังจากฉากนั้นมวลสารของหนังแท้จริงกลับไปทุ่มน้ำหนักที่ความเป็นดราม่ามากกว่าอย่างรู้สึกได้ ถึงแม้ว่าจะมีการปล่อยมุขออกมาบ้างเป็นระยะ แต่ปูมหลังอันขื่นขมของตัวละคร ก็ทำให้เราแผดเสียงหัวเราะได้ไม่เต็มที่นัก

หนังจงใจยัดเยียดฉากล้อเลียน และมุขตลกที่"ไม่ขำ" เข้ามาในเรื่องอยู่พอสมควร รวมไปถึงฉากเลิฟซีนชวนอ้วกจงใจขาย ที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยในการนำพาเรื่องราวเข้าสู่จุดนั้น รวมทั้งยังแอบจิกกัดคนดู นักวิจารณ์แทบตลอดทั้งเรื่อง ก็ทำให้"โกยเถอะเกย์"พบกับจุดสะดุดทั้งหลุมเล็ก หลุมใหญ่ไปตลอดทางที่หนังเดิน

ภาพและมุมกล้องมีความสวยงามระดับดี รวมทั้งบรรยากาศที่สามารถสร้างให้คนดูฮาแบบเกร็งๆ (เพราะกลัว)ก็ถือเป็นจังหวะซึ่งผู้กำกับอย่าง ต้อม ยุทธเลิศถนัดอยู่แล้ว เนื้อเรื่องมากพล็อตของต้อม ที่หยิบจับมายำ และปรุงแต่งไปมา เพื่อปิดประเด็น (จนเกือบจะขมวดไม่ลง)นั้น กลายเป็นจุดด้อยของหนัง เพราะทำให้ไม่สามารถส่งพล็อตใดให้โดดเด่นขึ้นมาอย่างจริงจังได้เลย

แต่ก็ถือว่าต้อมสามารถทำ"โกยเถอะเกย์" ออกมาได้ค่อนข้างดี เพราะการหยิบพล็อตเยอะแยะมายำปรุงไว้ในจานเดียวกัน ไม่ใช่งานที่จะทำกันได้ง่ายและกลมกล่อมในระดับพอทานได้เช่นนี้ หากเพียงแต่ว่า ถ้า"โกยเถอะเกย์"จะทิ้งความรักพี่เสียดายน้อง ยอมสละพล็อตที่เฝือเฟ้อเกินความจำเป็นลงไปบ้าง แล้วไปเน้นที่ดราม่า หรือคอมมีดี้สักทางอย่างจริงจัง จะทำให้กลายเป็นหนังที่มีแนวทางชัดเจนและดึงอารมณ์ร่วมของคนดูได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน









กำลังโหลดความคิดเห็น