"แบม" เผยเรื่องปกติไปไหนมาไหนกับสามีน้องสาวใครอยากได้ภาพบอกมาจะได้ไม่ต้องแอบถ่าย งงภาพกินข้าวกับ "ฟลุค" มีน้อง "อชิ" กับพี่เลี้ยงอยู่ด้วยแต่ไม่ถูกถ่าย ลั่นหากยังเล่นเรื่องนี้ไม่เลิกเรื่องอาจถึงศาล ด้านฝ่ายชายยันไม่เคยไปไหนกับพี่เมียสองต่อสอง ก่อนแสดงความรู้สึกเริ่มชาชินกับข่าว พร้อมบ่นเพื่อนจะเลิกคบเพราะกลัวเสียหาย
ยังคงมีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องสำหรับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง "ฟลุค เกริกพล มัสยาวานิช" กับ "แบม จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์" ที่ชวนให้น่าสงสัยว่าอาจจะเกินเลยไปกว่าการเป็น "พี่เมีย - สามีน้อง" อันเนื่องมาจากมีข่าวซุบซิบที่ว่า ทั้งสองนั้นมักจะควงคู่กันไปไหนมาไหนสองต่อสองอยู่เป็นประจำ โดยไร้เงาภรรยาของฝ่ายชาย "โบ ชญาดา" รวมอยู่ด้วยบ่อยครั้ง
ล่าสุดนิตยสารบันเทิงฉบับหนึ่งก็ได้นำภาพระหว่างที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 ออกมาตีพิมพ์ ซึ่งเมื่อสอบถามไปยังอดีต สส.หญิงของพรรคชาติไทย เจ้าตัวเปิดเผยถึงเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกที่ไม่พอใจว่า นอกจากตนเองกับหนุ่มฟลุคแล้วในวันนั้นก็ยังมีหลานชาย น้องอชิ รวมทั้งพี่เลี้ยงแต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงไม่ถูกถ่ายไปด้วย
"ภาพวันนั้นที่เราไปกินข้าวกันน้องอชิก็ไปด้วยไม่ได้ไปกันสองคน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมถึงไม่ถ่ายน้องอชิด้วย ทุกคนก็นั่งอยู่ในร้านกันหมด แบมบอกเลยนะว่าไม่พอใจมาก ไม่เป็นธรรมเลย เพราะว่าตอนนี้แบมก็ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงแล้ว แล้วอย่าลืมนะว่าตอนนี้แบมเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นคนของประชาชนมา 5 ปี ที่มาจากการเลือกตั้ง มีคนที่รักเรามีคนที่ห่วงเรา แต่พอมีภาพชิงลบแบบนี้ออกมาก็รู้สึกคงจะรู้สึกไม่ดีนะและก็ต้องมีคนที่ไม่เข้าใจแบมเหมือนกันและมันก็เป็นสิ่งที่ทำลายความนิยมในตัวด้วย"
เผยเป็นเรื่องปกติมากๆ ที่ตนเองไปไหนมาไหนกับสามีของน้องสาวหากใครอยากได้ภาพคู่ขอให้มาบอกจะได้ไม่ต้องแอบถ่าย ก่อนลั่นหากหนังสือเล่มดังกล่าวไม่หยุดเสนอข่าวอาจจะต้องขอเข้าไปคุยกับบก.
"บอกเลยนะว่าสำหรับรูปในนิตยสารบันเทิงเล่มหนึ่งที่ลงรูปแบมกับฟลุคไปกินข้าวกันสองคนนั้นเป็นเรื่องปกติที่ไปกันมานานแล้ว เป็นเรื่องธรรมดามาก แล้วไม่ต้องแอบถ่ายกันให้เสียเวลา บอกมาเลยว่าอยากถ่าย จะให้ถ่ายกันตรงๆ เลย ไม่รู้นะว่าทำไมเขาถึงลงข่าวกันไม่เลิกสักทีหรือว่ารูปของเรามีอยู่เยอะคือทำไมรูปที่แบมเห็นนี่งงมากเลยกับหนังสือเล่มนี้ เดี๋ยวคงจะต้องเข้าไปคุยกับ บก.หน่อยแล้วว่ามันผิดตรงไหน"
ยอมรับหากมีข่าวในทำนองนี้ออกมาบ่อยๆ อาจจะเสียหายต่อภาพลักษ์ของการเป็นนักการเมืองได้
"ตอนนั้นตอนที่มีข่าวดังๆ ก็ได้ชี้แจงตอบไปหมดแล้วก็เข้าใจว่า กำลังเล่นข่าวกันสีสันต่อเนื่องเข้าใจคนทำงานก็ชี้แจงไปหมดแล้วก็น่าจะจบ แต่ว่าทำไมอยู่ดีๆ ก็กลับมาอีก จะต้องให้มันเป็นประเด็นขึ้นมาอีกทำไมมันเหมือนกับการทำลายศรัทธาในตัวเราเวลาทำงาน แล้วตอนนี้ก็จะเข้าสู่การเลือกตั้งด้วย เรื่องกระแสข่าวในเชิงลบทุกเรื่อง เรื่องที่มันเกี่ยวข้องต่อคะแนนนิยม มีผลต่อหน้าที่การงานของแบมนะ"
"ที่สำคัญตอนนี้คือสิ่งที่สื่อกำลังสร้างเครื่องมือให้กับคู่แข่งทางการเมือง ในการที่เอาเอาไปเป็นประเด็นในการโจมตีในพื้นที่ ซึ่งมันไม่เป็นธรรมเลย เวลามีข่าวออกไปก็จะมีคนเอาหนังสือพิมพ์ไปให้ชาวบ้านดูทำเอาทุกคนก็เชื่อไปแล้ว 50 เปอร์เซ็นต์ จริงไม่จริงก็ไม่รู้ คือมันไม่ถูกต้อง อยากบอกว่าคนในวงการบันเทิงที่ก้าวเข้ามาอยู่ในการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว แล้วเมื่อก้าวเข้ามาได้ทำไมถึงไม่ส่งเสริมกันเลย"
ส่วนเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายชายกับน้องสาวที่ว่ากันว่าไม่ค่อยจะดีเหมือนเดิมนั้น แบมบอกว่าไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว ยืนยันที่ผ่านมาพยายามใช้ความอดทนมามากแล้ว ก่อนลั่นหากไม่หยุดเล่นข่าวเรื่องอาจจะถึงศาล
"อยากรู้นะว่าพอทำไมโบกับฟลุคไปด้วยกันทำไมไม่เห็นมีคนถ่ายมาลงหนังสือ คือเขาไปด้วยกันจะไปน้อยไปมากหรือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคนจะเป็นอย่างไร แบมคงตอบไม่ได้ แต่ว่าเรื่องระหว่างแบมกับฟลุคที่ไปด้วยกัน ยอมรับนะว่าไปด้วยกันจริง ก็เป็นเรื่องปกติมาก ตัวโบเองก็รู้ดี ก็ไม่มีอะไร คือเดี๋ยวนี้เลิกพูดได้แล้วนะในเรื่องของข่าว คือพูดไปหมดแล้ว มันเซ็งเกินกว่าที่จะพูดแล้ว พอได้แล้ว เล่นมากไปแล้วอ่ะ"
"เรื่องของโบกับฟลุคเนี่ยเป็นเรื่องส่วนตัวเขา คือแบมไม่อยากเข้าไปยุ่งกับน้องเขา ให้น้องเขาตอบของเขาเองดีกว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปแบมขอเลยนะหนังสือพิมพ์ทุกฉบับโปรดอย่าทำเรื่องปกติให้มันเป็นเรื่องที่มันไม่ปกติ เพราะมันกลายเป็นการชี้นำไปแล้ว ทุกวันนี้แบมไปไหนกับฟลุค พอเวลาเดินกันไปสองคน คนก็มองกันเป็นเรื่องประหลาดกันไปแล้ว"
"ที่ผ่านมาก็พยายามอดทน ก็คิดว่าเข้าใจการทำงานของสื่อ แต่ว่าถ้ามันเริ่มก้าวเข้ามามากๆ แล้วมันทำลายไม่หยุด ถ้าหยุดก็คือจบ แต่ถ้ายังไม่หยุดและมันทำลายหน้าที่การงานของแบม คือมันไม่ไหวแล้วและถ้ายังต้องพูดกันแบบนี้ ก็อาจจะถึงขั้นต้องฟ้องกันก็ได้นะ แต่ตอนนี้ยังไม่อยากที่จะฟ้อง เพราะแบมยังไม่เคยเป็นความกับใครด้วย แต่ถ้าเกิดว่ามันไม่หยุดก็อาจจะทำก็ได้"
ถามกลับ ภาพเดินด้วยกันแปลกตรงไหน? และมีใครเห็นว่าตนเองทำเรื่องไม่ดีกับสามีของน้องสาวบ้าง?
"อยากถามว่าเคยมีใครเห็นรึเปล่าล่ะว่าเราไปกอดจูบกันต่อหน้าคนมันมีภาพอะไรอย่างนี้รึเปล่าล่ะ แค่ไปด้วยกันเดินด้วยกันมันแปลกตรงไหน ก็ยังไม่คิดจะเข้าไปคุย แต่ก็มีผู้ใหญ่หลายคนเข้ามาบอกว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ถามจริงถ้าคนเปิดหนังสือแล้วเขาเห็นภาพเขาจะไม่คิดหรอ มันไม่แฟร์นะ แต่ว่าคนเราคุยกันด้วยเหตุผล ได้คุยกันดีๆ คือเราไม่รู้หรอกว่าที่เขาทำแบบนี้มันอาจจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังก็ได้ คือถ้าเราเป็นคนบันเทิงความนิยมก็ลดลงแต่นี่เป็นนักการเมืองมันเหมือนการฆ่ากันเลยและอยากบอกว่าอย่าพยายามสร้างอาวุธให้คู่ต่อสู้ของแบมเลย"
"บางที่นะไปไหนกันโบก็อยู่ด้วยแต่ทำไมไม่เห็นถ่ายภาพและไม่มีข่าวมาลง คือมันไม่รู้จะพูดอย่างไร เรื่องมันไม่มีอะไรเลย คือเข้าใจนะว่าฟลุคเขาเป็นดาราดัง คนเขาก็คงจะติดตามข่าวและยิ่งเป็นข่าวแบบนี้ด้วยยิ่งสนใจกันไปใหญ่ อยากฝากบอกนักข่าวทุกคนว่า การที่คุณเสนอข่าวอะไรไปนั้นถ้ามันไม่เป็นความจริงคนที่ตกเป็นข่าวเขาอาจจะเดือดร้อนก็ได้"
"บอกเลยว่าลำบากมากนะเวลาไปทำงาน อย่างเวลาที่เจอชาวบ้าน พูดกันหรือซุบซิบกันมันอึดอัดใจนะ เบื่อสายตาเพราะรู้แล้วว่าเดี๋ยวนี้เวลาไปไหนคนมองมันคิดอีกแบบแล้วไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เมื่อก่อนไปแล้วมันสบายใจอ่ะ คือคนมองแล้วเหมือนคนกำลังนั่งด่า นั่งแช่งเราอยู่ตลอดเวลา"
ทางด้านฟลุคก็ให้สัมภาษณ์ในวันเดียวกันต่อหน้าสาวแบมเลยถึงเรื่องราวและกระแสข่าวที่เกิดขึ้น โดยบอกว่าที่ผ่านมาไม่เคยไปไหนสองคนกับพี่สาวภรรยาเลย เผยเริ่มชินถึงขนาดเซ็งกับข่าวที่ออกมา แต่ยอมรับได้รับผลกระทบระดับหนึ่ง...
"สำหรับข่าวที่ออกมาว่าพี่แบมกับฟลุคออกมาว่าไปกินข้าวด้วยกันนั้นบอกเลยนะว่าไม่แปลกเลย ก็ไปกินข้าวด้วยกันธรรมดา เราไม่เคยไปกันสองคนนะ ถ้าไปก็จะมีน้องอชิและก็พี่เลี้ยงไปด้วย จริงๆ แล้ววันนั้นน้องอชิก็ไปแต่เดินไปเข้าห้องน้ำกับพี่เลี้ยง มันก็เรื่องปกตินะ แต่สื่อทำให้มันเป็นเรื่องไม่ปกติไปได้ แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรกับข่าวนะเพราะมันชินไปแล้วและข่าวแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้ครอบครัวผมมีปัญหาอะไรเลย ปกติดี แต่แค่รู้สึกเซ็งก็เท่านั้น"
"ทุกวันนี้ก็เข้าใจด้วยการตลาด แล้วก็รู้ด้วยว่าเมื่อให้สัมภาษณ์ไปก็ต้องออกวันพรุ่งนี้ มันก็จะมีหนังสือและรูปลงอีก วนไปวนมาอยู่เหมือนเดิม แต่พี่สื่อมวลชนก็ยังเป็นคนดีในสายตาผมนะ ที่ยังคอยช่วยแก้ข่าวให้แต่พี่ก็ได้ข่าวอยู่ดีไง ทุกคนก็ต้องโดนกันแบบนี้ คือพวกเพื่อนผู้หญิงที่เป็นเพื่อนผมนั้นเขาก็จะเลิกคบผมกันหมดแล้ว เพราะไม่มีใครกล้าคบแล้วคือเดี๋ยวทำให้คนเข้าใจเขาผิด ตอนนี้เวลาไปไหนคงต้องไปกับคนนามสกุลเดียวกันแล้ว ลูกพี่ลูกน้องก็ไม่เอาแล้ว"