โดย กัมพล ลีโกมล
แม้จะไม่มีการสำรวจ หรือมีข้อมูลอะไรมายืนยันเป็นตัวเลขที่แน่นอน แต่มันคงจะไม่ผิดมากนักที่จะบอกว่า กว่าร้อยละ 80 ของบุษเพศไทยที่มีอายุนับตั้งแต่ช่วงที่เป็นวัยรุ่นขึ้นมา จะต้องผ่านการช่วยตัวเอง!!
อย่างไรก็ตาม ในจำนวนมากของคนที่กระทำกิจกรรมดังกล่าว คงมีน้อยคนทีเดียวที่จะมาคิดว่า ในความรู้สึกสบายตัวที่ได้มาหลังจากการกระทำกิจกรรมดังกล่าวแล้ว การกระทำที่ว่านี้ยังเป็นการกระทำที่เป็นบาป เป็นการกระทำผิดศีลห้าข้อแรกอันจะนำมาซึ่งความวุ่นวายให้กับตนเองและสังคมชนิดที่คาดไม่ถึง?
ทว่ามีคนหนึ่งคิด...
คนหนึ่งที่หมายถึง "ทวีวัฒน์ วันทา" ซึ่งได้ถ่ายทอดความคิดของตนเองออกมาในหนังไทยชื่อชวนจั๊กกะจี้ว่า "อสุจ๊าก" (The Sperm) ภาพยนตร์ในแนวไซไฟ - คอมเมดี้เรื่องราวของสุทิน(ลีโอ พุฒ) ผู้มีความฝันอยากเป็นนักดนตรีร็อกที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง และสิ่งที่ควบคู่กันมาก็คือความปารถนาที่จะนอนกับผู้หญิงที่ตนเองหลงรักมากที่สุดอย่างแลมมี่(ผิง พิมพาภรณ์)
เรื่องผูกให้พระเอกพบกับเหตุการณ์อลหม่านมากมาย หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเรื่องเหลือเชื่อเมื่อผู้หญิงหลายคนตั้งครรภ์ขึ้นมาพร้อมกันในคืนเดียวและคลอดลูกในวันรุ่งขึ้นที่น่าตกใจคือหน้าเหมือนสุทินทุกคนหมด นอกจากนี้อัตราการเจริญเติบโตของเด็กเหล่านี้ยังรวดเร็วชนิดที่เพียงไม่กี่วัน ก็เติบโตเป็นเด็กรุ่นกระทงได้แล้ว
ที่น่าสังเกตก็คือ เด็กเหล่านี้มีความคลั่งไคล้ในตัวแลมมี่ เช่นเดียวกับสุทินอีกด้วย
สุทินต้องออกสืบค้นเรื่องราวประหลาดนี้ เพราะดูเหมือนจะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจากด็อกเตอร์สติเฟื่อง (สมเล็ก ศักดิกุล) และลูกสาวคนเก่ง ผู้แสนซนน่ารัก (ดลรส เดชะประทุมวัน)
เขาต้องหลบเลี่ยงจากการเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืนและหนีการตามล่าจากทางการที่จะนำตัวเขามาสอบสวนข้อเท็จจริง ในขณะเดียวกันก็ต้องแปลงตัวเข้าไปร่วมงานคอนเสิร์ต OTOB (One Tambol One Band - หนึ่งตำบลหนึ่งวงดนตรี) เพื่อเข้าร่วมประกวดวงดนตรีตามที่เขาใฝ่ฝัน และช่วยเหลือแลมมี่ที่กำลังจะถูกคุกคามจากเด็กพันธุ์ประหลาดเหล่านั้น...
หลายคนอาจจะทึ่งขนาดที่รู้สึกว่า "คิดได้ยังไง" ต่อจินตนาการของตัวผู้กำกับกับเรื่องราวที่นำเสนออกมา หากแต่ใครก็ตามที่มีโอกาสได้ติดตามผลงานหนัง(ยาว)เรื่องแรก(ที่ทำมาจากหนังสั้นของเขา)อย่าง "ขุนกระบี่ ผีระบาด" ภาพยนตร์แนวที่เจ้าตัวบอกว่า เป็นฮีโร่ เซ็กซี่ แอ็กชั่น โรแมนติก คอมเมดี้ ฯ ซึ่งเต็มไปด้วยซอมบี้ ผู้หญิงเซ็กซี่ แล้วก็งูยักษ์แล้ว ฯ ก็คงจะไม่แปลกใจสักเท่าไหร่กับสิ่งต่างๆ ที่ได้เห็นในอสุจ๊ากและคงจะคาดเดาได้ไม่ยากถึงอารมณ์+บรรยากาศของหนังโดยรวมว่ามันคงจะเป็นของสแลง(มากๆ)อย่างแน่นอนสำหรับคอหนังที่คาดหวังถึงความมีสาระและความจริงจัง (เอากันแค่ชื่อก็น่าจะรู้แล้ว)
แต่ถึงแม้จะมากไปด้วยจินตนาการที่อยู่ในขั้นระดับบ้า และอารมณ์ของหนังที่คล้ายๆ กัน ทว่าเมื่อเปรียบเทียบระหว่างขุนกระบี่ฯ กับอสุจ๊ากแล้ว ต้องบอกว่าจังหวะและความลงตัวของเนื้อหาและการเล่นมุกในขุนกระบี่ฯ นั้นมีอยู่ในระดับที่สูง จูงอารมณ์คนดูให้สนุก และความสร้างความน่าเชื่อถือต่อจินตนาการได้เยอะกว่าอสุจ๊ากมากนัก
ขณะที่ตัวเอกอย่าง "ลีโอ พุฒ" ในอสุจ๊ากนี้ก็เทียบชั้นเอาไม่ได้เลยกับนักแสดงนำมือเก๋าอย่าง เทพ โพธิ์งาม, ต๊อก ศุภกรณ์ จากขุนกระบี่ฯ ไม่ว่าจะเป็นลีลาแอ็กชั่นและการพูดสำเนียงใต้ที่แปร่งๆ หู เรื่อยไปจนถึงมุกเดิมๆ ในเรื่องที่ใช้การร้องเป็นประโยคแร็พแทนคำพูดของประเสริฐ (ฟักกิ้ง ฮีโล่ห์) ที่จะพยายามให้ฮาเกือบทั้งเรื่อง ซึ่งนอกจากจะไม่สัมฤทธิ์ผลแล้ว ยังทำให้รู้สึกอึดอัดแทนเจ้าตัวที่ทำหน้างงๆ เหมือนกับกลัวจะลืมบทอยู่ตลอดเวลา
ที่ขัดหูขัดตาเป็นอย่างมากก็คือคำพูดหยาบๆ และความไม่สมจริงสมจังของกราฟฟิกที่ทำเป็นรูปหน้าของหนุ่มลีโอ ซึ่งดูเป็นของเด็กเล่นมากๆ กระทั่งทำลายความน่าเชื่อถือของหนังที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วลงไปอย่างสิ้นเชิง
จะมีเด็ดก็ที่ความสามารถของนักแสดงรุ่นเก๋าอย่าง "สมเล็ก ศักดิกุล" ผู้รับบทเป็นด็อกเตอร์สติเฟื่อง ที่ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเป็นได้หัวเราะ รวมถึงความเซ็กซี่ของสาว "ดลรส เดชะประทุมวัน" ที่เล่นเป็นลูกสาว และความน่ารักสดใสของนางเอกสาวสวย "ผิง พิมพาภรณ์" นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม...แม้จะเป็นหนังที่ขายจินตนาการ ความฮา และความเซ็กซี่เป็นหลัก ทว่าอสุจ๊ากก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเป็นแกนให้จับต้องเอาเสียเลย
อย่างน้อยๆ ก็มีเรื่องความคึกคะนอง ความรักสนุกของวัยรุ่นชาย - หญิง แบบขาดความรู้ แก่แดดเกินวัย และไร้ซึ่งสติยั้งคิดอันนำมาซึ่งปัญหาทั้งต่อตนเองและสังคมนี้ล่ะเรื่องหนึ่ง