xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ "แนน อมิตดา" ผู้หญิงที่ แรด-ชั่ว-มั่ว-เลว จริงหรือ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่านงานในวงการบันเทิงมาแล้วในระดับหนึ่ง ทั้งการถ่ายแบบ เล่นละคร มิวสิกวิดีโอ เดินแบบ แต่ถ้าย้อนกลับไปช่วงเวลาก่อนหน้านี้สักเดือนสองเดือน เชื่อแน่ว่าหากเอ่ยถึงชื่อ "แนน อมิตดา ชินสำเร็จ" ออกไป แม้หลายคนจะรู้จักเธอแต่ก็คงจะบอกเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเธอได้ไม่มากมากนัก

หรือถ้าใครติดตามข่าวบันเทิงก็อาจจะรู้ว่าเธอท้องโดยที่ยังไม่สามารถบอกกับสังคมโดยตรงได้ว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง?

เช่นเดียวกับ ณ. วันนี้ วันที่เธอตัดสินใจบอกเล่าถึงประสบการณ์ในอดีตผ่านหนังสือที่ชื่อว่า "ต้องลองรัก...สักกี่ครั้ง" เกี่ยวกับความเป็นเด็กสาวที่คลั่งไคล้ดารา - นักร้องชายของเธอที่ไปมีเพศสัมพันธ์กับคนเหล่านี้ในจำนวนเกือบจะ 20 คนที่แม้จะทำให้มีคนรู้จักชื่อเธอมากขึ้นก็ตาม ทว่าก็เป็นการรู้จักด้วยการตัดสินของอารมณ์ทางด้านลบ ที่ทั้งด่า แช่ง สาปส่ง ในการกระทำที่ว่าของเธอ

แต่จะมีสักกี่คนที่รู้และเข้าใจหรือไม่ว่าที่มาหรือเพราะอะไรที่ถึงทำให้ผู้หญิงคนนี้คิดหรือทำเช่นนี้? และเธอจะคิดและรู้สึกอย่างไรกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ค่อนข้างจะรุนแรงที่มีเข้ามาในครั้งนี้? หรือเธอไม่กลัวหรือว่าการประจานตัวเองในครั้งนี้จะนำมาซึ่งตราบาปให้กับลูกของเธอที่กำลังจะลืมตาออกมา?
...
แนนเล่าถึงชีวิตในวัยเด็กให้ฟังว่า เธอเกิดมาในครอบครัวที่พ่อ - แม่ต้องแยกทางกัน ทว่าเธอก็ยืนยันว่าความไม่พร้อมของครอบครัวนั้นไม่ได้ทำให้เธอคิดว่ามีปมด้อยหรือขาดความอบอุ่นแต่อย่างใด?..."คือที่บ้านแนนทำธุรกิจแล้วเกิดปัญหาบางอย่างทำให้ต้องแยกจากกันเพราะเขากลัวมีปัญหา แต่นั่นก็ไม่ได้ถือว่ามันจะทำให้แนนเป็นคนที่ขาดความอบอุ่นหรือมีปมด้อยอะไรนะ เพราะเรื่องนั้นเกิดขึ้นตอนนี้ก็อายุประมาณ 15 ปีแล้ว คือเราพอที่จะรับรู้อะไรได้บ้างแล้ว"

"อีกอย่างหนึ่งก็คือพอเขาแยกทางกันที่บ้านก็เหลือแม่ที่คอยดูแลแนนอยู่ และเขาก็เป็นได้ทั้งพ่อและแม่เหมือนปกติเลย ทำให้แนนรู้สึกว่าตัวเองก็เหมือนคนปกติทั่วไป ส่วนพ่อนั้นเขาก็ยังโทรคุยและไปหาแนนตลอด คือเขาแยกกันแค่ในนามเท่านั้น"

ยอมรับเป็นคนที่มีนิสัยดื้อ(เงียบ) ชอบลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง รวมถึงเป็นคนที่ชอบเที่ยวกลางคืนมาตั้งแต่เด็ก
"ฐานะทางบ้านของแนนนั้นก็ถือว่าดีเลยนะ พ่อทำธุรกิจ ส่วนแม่ก็รับราชการ บอกเลยนะว่าเขาสอนแนนมาดีมากเลย แต่แนนซิกับดื้อเอง ไม่สนหรือฟังอะไรที่เขาสอนเลย แนนชอบลองด้วยตนเองเลยไม่ชอบให้ใครมาสอนเลย เราอยากที่จะรู้ว่าอะไรถูกผิดด้วยตนเองมากกว่าที่จะให้ใครมาบอก"

"อย่างเช่น แม่แนนเขาบอกว่าอย่าไปที่นั้น แนนก็ไม่ได้เถียงอะไรเขานะเพราะรู้ว่ามันไม่ดี แต่เราก็ทำก็ไปเพราะเราอยากทำ คือแนนเป็นคนที่ดื้อเงียบ คือเราเป็นคนไม่เถียงแต่ไม่ทำตามเท่านั้นเอง และถ้าใครได้อ่านในหนังสือแล้วจะเห็นเลยว่าแนนเที่ยวกลางคืนมาตั้งแตเด็กเลยนะ และเที่ยวบ่อยมากด้วย"

"คือตั้งแต่ตอนอายุ 16 แล้ว ตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มประกวดแรกๆ ซึ่งช่วงนั้นแม่เขาจะเป็นคนไปด้วย แต่เขาก็รอแนนแค่ข้างหน้านะ ส่วนถ้ามาเที่ยวแบบตัวคนเดียวก็ตอนอายุ 20 ปีแล้ว บอกเลยว่าตอนนั้นเที่ยวทุกวันเลย เรียกได้ว่าย้ายออกจากบ้านเพื่อเที่ยวกันเลยทีเดียว คือตอนแรกที่แนนอยู่บ้านแล้วไปเที่ยวนั้นเพื่อนหลายคนก็จะด่าและว่าแนนตลอดว่าทำไมต้องรีบกลับบ้าน ซึ่งใจเราก็อยากเที่ยวเหมือนกันนะแต่เกรงใจแม่ กลัวแม่จะต้องมารอมาคอยเปิดประตูให้"

แม้จะเป็นช่วงเวลาที่เริ่มเข้าวงการและหาเงิน(เที่ยว)ได้ด้วยตนเองแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอกระทั่งต้องขอมาจากผู้เป็นพ่อบ้าง
"ตอนนั้นก็เลยตัดสินใจที่จะขอออกมาอยู่คอนโดฯ เพื่อเที่ยวโดยเฉพาะตอนอายุ 20 ปี เที่ยวทุกวัน เรียกได้ว่าเงินที่เขาเอามาปรับปรุงร้านเป็นเงินแนนเลยทั้งนั้น ช่วงนั้นใช้เงินเยอะมาก และแนนไม่กล้าที่จะขอเงินแม่ไปเที่ยวด้วย แต่มันดีที่ว่าช่วงนั้นก็เริ่มมีงานแล้ว แถมตอนนั้นวีซีดีกำลังดังด้วยเราก็เลยมีเงินที่จะมาใช้เวลาไปเที่ยว"

"แต่บางครั้งก็จะขอเงินพ่อบ้างโดยเราจะโกหกพ่อว่าทำงานดึก ไม่ได้กลับบ้าน ไม่มีเงินใช้ ขอพ่อเอาไว้ใช้บ้างเพราะบางที่ต้องนอนห้องเพื่อน แต่ที่จริงแล้วห้องแนนเอง ตอนนั้นก็รู้สึกแย่นะแต่มันเป็นอารมณ์วัยรุ่นก็เลยไม่ได้คิดอะไร..."

ถามถึงความรู้สึกแรกของการได้ออกมาใช้ชีวิตตัวคนเดียว แนนบอกว่ารู้สึกเป็นอิสระมากๆ แต่ช่วงนั้นเธอก็ยังคงไปหาผู้เป็นแม่อยู่เกือบจะทุกวัน..."คือตอนเช้าแนนไปหาแม่ ตอนกลางคืนไปเที่ยว แล้วกลับมานอนที่คอนโด มันจะเป็นแบบนี้ทุกวันเลย ช่วงนั้นบอกเลยนะว่าสนุกมากที่เราได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่มีใครด่าหรือว่าเราเลย เพราะเพื่อนทุกคนที่เที่ยวกับเราก็ดีกันหมด คือมันเหมือนว่าเราได้เพื่อนที่เที่ยวเหมือนกันด้วยก็เลยทำให้เราเป็นแบบนี้ แต่แนนก็ไม่ได้โทษใครหรอกนะ มันก็เป็นที่ตัวเราเองด้วย ตอนนั้นคิดว่าเราเกิดมาแล้วชีวิตมันต้องใช้ให้คุ้ม"

เผยสาเหตุของการเข้าวงการบันเทิงก็เพราะต้องการหาเงินเที่ยวนั่นเอง
"ส่วนเรื่องของการต้นเหตุที่แนนเริ่มอยากเขามาในวงการนั้นบอกเลยนะว่าพอเราเที่ยวทุกวันแล้วเงินมันก็เริ่มน้อยลงเราก็เลยคิดที่อยากจะทำงานเป็นจริงเป็นจัง และอย่างเด็กทั่วไปนะว่าดาราต้องได้เงินเยอะ เราจึงเริ่มคิดและสนใจตรงนี้ และอีกอย่างหนึ่งเราก็บ้าดาราอยู่แล้วด้วยถ้าได้อยู่ใกล้ชิดก็คงดี"

"แต่พอเราเข้ามาจริงๆ แล้วถึงได้รู้ว่ามันไม่เป็นอย่างที่เราคิดเลย คือแนนเริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 15 ปี เริ่มจากแนนเดินสายประกวดตามเวทีต่างๆ ก่อนอยากบอกว่าช่วงนั้นแนนสวยอยู่นะ คือแนนก็ประกวดมาเรื่อยๆ เหมือนคนปกติทั่วไปโดยเริ่มมาจากโมเดลลิ่ง แต่บอกก่อนนะว่าที่บ้านไม่ได้สนับสนุนอะไรเลยนะเพราะเขากลัวเราเสียการเรียน แต่ถ้าเราทำเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนะเพราะเราจะบอกเขาว่าเราชอบเราอยากทำ"

"จนสุดท้ายแนนก็เข้ามาสู่วงการบันเทิงและก็ได้มาเล่นละครบ้างอย่างเช่น เรื่องเพลิงพายุที่ทุกคนจะจำได้ มีถ่ายภาพยนต์บ้าง ถ่ายแบบบ้าง แต่นั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่เราได้รู้ว่าวงการบันเทิงไม่ดีอย่างที่เราคิดเลยสักนิด ดาราชายก็จ้องที่จะกินดาราสาวๆ กันทั้งนะ บอกเลยนะว่าไม่มีใครจริงใจ คือบอกเลยนะว่าดาราในวงการมีแต่คนเสแสร้งใส่กันทั้งนั้น จนเรามาเจอคนที่ทำให้เราคิดได้ว่าวงการบันเทิงมันไม่เป็นจริงเหมือนที่เราคิดเลยคนนั้นก็คือหนึ่งหนุ่มในหนังสือนั้นแหละ"

เมื่อถามถึงประสบการณ์ในเรื่องความรัก จะมีใครเชื่อบ้างหรือไม่ว่าความโชกโชนที่เกิดขึ้นในหนังสือนั้น มันเริ่มต้นมาจากความไร้เดียงสาของเธอ..."เริ่มจากตอนนั้นแนนเรียนอยู่โรงเรียนหญิงล้วนบอกเลยนะว่าการที่จะเจอผู้ชายสักคนมันอยากมากเลยนะ มันเลยทำให้เราไม่รู้ว่าความรักเป็นไง การที่ผู้ชายมาจีบเขาทำอย่างไรและเราจะต้องทำตัวอย่างไร บอกเลยนะว่าตอนนั้นไร้เดียงสามาก มันเหมือนประมาณว่าเป็นเด็กที่แรดเงียบน่ะ"

"คือใครมาเราก็คุยด้วยปกติ ชวนไปไหนก็ไปไม่ได้คิดอะไร แต่แรกๆ ก็มีเขินเหมือนกันนะ แต่เดี๋ยวนี้บอกเลยว่าไม่แล้ว อย่างที่เขียนลงไปในหนังสือนั้นแหละ แต่แนนอยากบอกนะว่าความรักมันอยู่ที่ใจไม่ได้อยู่ที่ร่างกายเข้าแลก เพราะแนนใช้แลกมาแล้วและก็ได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างทุกวันนี้"

ตกลงทำหนังสือเล่มนี้ออกมาต้องการสื่ออะไรกันแน่?
"แนนทำขึ้นเพื่ออยากให้ลูกผู้หญิงทุกคนได้อ่านว่าถ้าทำแบบนี้แล้วอาจจะเป็นแบบแนน แนนไม่ได้ต้องการเขียนเพื่อจะออกมาเล่าหรือแฉตัวเองว่าฉันมั่วผู้ชาย อยากให้ทุกคนเข้าใจจุดประสงค์บ้าง ไม่ใช้ตีความไปกันเอง แนนไม่อยากให้คนมองว่าแนนมั่ว เพราะคำว่ามั่วคือการคบที่เดียวหลายคน แต่ถ้าอ่านในหนังสือแล้วจะรู้เลยนะว่าแนนคบผู้ชายทีละคน และแต่ละคนก็มีช่วงเวลาของใครของมัน แต่ก็ยอมรับนะว่าตัวเองผิดด้วยที่แรดตั้งแต่เด็ก"

รู้ตัวดีและยอมรับว่าตนเองเป็นคนใจง่าย เพราะความที่เชื่อว่าร่างกายสามารถแลกกับความรักได้
"แนนเป็นคนที่ใจง่ายเกินไปกับเรื่องของความรัก แนนรู้ว่าแนนผิดตรงนี้ แนนเป็นคนใจง่าย ใจเร็ว คือใครดีกับแนนนิดเดียวบอกเลยนะว่าแนนก็ดีด้วยแล้ว อย่างความรักทุกครั้งถ้าใครดีกับแนนก็จะเหมือนกับว่าแนนจะใช้ร่างกายในการเข้าแลก คือมันเหมือนกับว่าเราคิดตลอดว่าร่างกายเราสามารถผูกมัดผู้ชายเราไว้ได้ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช้เลย ผู้ชายทุกคนที่มาทำดีกับเราก็เพียงแค่ต้องการที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเราทั้งนั้น"

ในส่วนของกระแสตอบรับจากหนังสือแนนบอกว่ามีทั้งที่เข้าใจแต่ส่วนใหญ่จะออกไปในเชิงด่าทอเสียมากกว่าและนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอคิดเอาไว้แล้วและอาจจะมีเล่มสองตามออกมาด้วย..."ส่วนใหญ่จะออกมาด่าเสียมากกว่าเพราะว่าหนังสือมันดูแรงเกินไป ตอนแรกแนนก็ว่าทำใจไว้แล้วนะเพราะเราเขียนแรงซะขนาดนั้นเป็นใครก็ต้องด่ามีคนสมน้ำหน้าเราเยอะ แต่อีกทางหนึ่งก็มีคนเห็นใจเรา สงสารเรามากเหมือนกัน"

"อย่างคนที่ออกมาด่าแนนต่างๆ นั้นเขาก็ต้องซื้อหนังสือแนนมาอ่านแล้วล่ะแล้วซิถึงได้รู้ว่ามันเป็นอย่างไร ก็ถือว่าด่าแต่ซื้อก็ถือว่าดีนะ แนนก็จะได้เงินด้วย แต่แนนก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรหรอกนะ อย่างมีคนบอกว่าในอินเทอร์เน็ตมีคนด่าเราเยอะแต่เราก็ไม่ได้ไปสนใจนะเพราะมันอาจจะทำให้เราเครียด คุณหมอบอกแนนว่าช่วงนี้พยายามอย่าเครียดมากเพราะมันอาจจะเป็นผลเสียกับลูกในท้องได้"

กลายเป็นหนังสือเกมที่ให้ทายชื่อดารา - นักร้อง ไปเสียแล้ว
"ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกดีนะและถือว่าเป็นเรื่องสนุกของทุกคนไปด้วย เพราะการที่เขาอยากรู้หรืออยากเล่นนั้นเขาจะต้องซื้อหนังสือของเรา แนนอยากบอกนะว่าบุคคลในหนังสือที่แนนเขียนนั้นเป็นความจริง ทุกคนเข้าทำอย่างนั้นกับแนนจริง และแนนก็คิดว่าถ้าคนที่ติดตามข่าวบันเทิงตลอดแนนก็คิดว่าเขาน่าจะรู้นะว่าเป็นใครกันบ้าง เพราะทุกคนที่แนนคบนั้นบอกเลยนะว่าแนนเปิดเผยทุกคนไม่เคยปิด แต่ในหนังสือก็มีคำลวงเยอะนะ ทำให้ต้องคิดนิดนึง แต่คนที่คุณทายมาอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ"

"ถ้าถามว่าแนนกลัวไหมว่าดาราที่โดนเป็นปริศนานั้นจะออกมาว่าหรือตอบโต้แนน เพราะบางคำใบ้อ่านก็รู้เลยว่าเป็นใคร บอกเลยนะว่าไม่กลัวเลย เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าแนนไม่ต้องการที่จะแฉใครให้อายหรือทำวิธีการมีเซ็กซ์อย่างไร แนนไม่ได้บอกนะว่าใครเซ็กซ์ห่วย เพียงแต่ที่แนนต้องออกมาเขียนแบบนี้ก็เพราะอยากให้คนรู้เท่านั้นเองว่าผู้ชายทุกคนที่ผ่านเข้ามานั้นมีตัวตนจริง ไม่ได้ถูกตกแต่งขึ้นมา"

"และทุกอย่างเป็นเรื่องจริงแนนไม่กลัวเลยด้วย แนนก็คิดว่าผู้ชายเหล่านี้เขาคงไม่กล้าที่จะออกมาฟ้องร้องอะไรหรอกและที่สำคัญถ้ามีนักข่าวไปถามเขาหรือใครที่ตรงกับอักษรย่อของแนนก็เพียงแค่เขาปฏิเสธเท่านั้นเอง อย่าร้อนตัวเท่านั้นเรื่องก็เงียบไปเอง"

ยืนยันไม่เคยคิดที่จะให้พ่อของเด็กในท้องมาช่วยเหลือและขอที่จะไม่บอกว่าผู้ชายคนนี้คือใคร?
"แนนบอกเสมอนะว่าแนนเลี้ยงลูกคนนี้ของแนนเองได้ไม่ต้องการที่จะไปขอความช่วยเหลือจากใครแล้ว เพราะถ้าเขามาขอรับหรือขอเลี้ยงดูแนนตอนนี้แนนคิดว่ามันสายไปแล้วด้วย เพราะเขาปล่อยให้แนนอยู่คนเดียวอุ้มท้องคนเดียวมาเกือบ 7 เดือนแล้ว จะมารับตอนนี้ก็น่าจะสายไปแล้ว แถมยังออกมาปฏิเสธอีกว่าไม่ใช้พ่อของลูกแนน คือแนนคิดว่าเขาก็รู้อยู่ดีแหละว่าเขาทำอะไรไปบ้าง"

"แต่อาจจะเป็นไปได้ที่เขาจะมองว่าแนนมั่ว คือมันเป็นเพราะภาพด้วยมั้งว่าแนนดูเจ้าชู้เลยทำให้เขาไม่รับลูกในท้องแนน แต่แนนอยากจะบอกว่าตั้งแต่เจอเขาแนนหยุดเลยนะ ยอมเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อเขา และคิดว่าจะหยุดที่เขาจริงๆ แต่เขาก็ไม่สนใจแนนเลย ขนาดแฟนเก่าทุกคนเขายังโทรมาถามไถ่ เป็นห่วงแนน แต่เขาไม่มีเลย แนนคิดว่าจริงๆ แล้วอย่างน้อยเขาก็น่าจะโทรมาบ้างแต่ไม่มีเลยก็รู้สึกแย่เหมือนกัน"

"ส่วนถ้าจะให้แนนออกมาเปิดเผยว่าใครเป็นพ่อของลูกในท้องนั้นก็คงไม่ เพราะเขาน่าจะรู้นะว่าทำอะไรกับแนนไว้บ้าง แนนว่าเจ้าตัวเขาน่าจะรู้อยู่แก่ใจ แต่ตอนนี้ก็ไม่อยากบอกแล้วว่าเขาเป็นใคร เพราะถึงบอกไปเขาก็ไม่ออกมายอมรับและดูแลแนนกับลูกอยู่ดี คืออยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าอย่าไปสนใจเลยว่าเขาเป็นใครอยากบอกว่าแนนอยู่ด้วยตัวเองได้"

"ทุกวันนี้แนนก็พยายามกรวดน้ำไปให้เขานะ ทุกเช้านี้ยังตื้นขึ้นมาใส่บาตร อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เขาตลอด แนนคิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงได้รับผลกรรมในสิ่งที่เขาทำเองนั้นแหละ เพราะถ้าวันหนึ่งเขาแต่งงานแล้วมีลูกเขาก็จะได้อย่างที่เขาทำกับแนนเอง"

ว่าที่คุณแม่ยอมรับว่ารู้สึกกลัวเหมือนกันกับสิ่งที่ตนเองได้ทำมาที่อาจจะกลายเป็นตราบาปกับผู้เป็นลูก แต่เชื่อว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองจะเข้าใจ
"ถ้าลูกไปรู้จากคนอื่นว่าแนนเป็นคนอย่างไรหรือแนนมั่วมาขนาดไหนจนมีเขานั้นแนนก็คิดว่าลูกแนนนะยังไงแนนก็ต้องเลี้ยงให้เขาเชื่อฟังแนนให้ได้ และเขาก็น่าจะเข้าใจเหตุผลที่แนนทำผิดพลาดมาได้ และแนนก็คิดว่าเขาก็น่าจะรับได้นะ เพราะเราก็เป็นแม่เขา อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน จะรับแม่คนนี้ไม่ได้เลยหรอ"

"แต่จริงๆ แนนคิดว่าคงไม่มีใครที่จะเอาหนังสือของแนนไปให้ลูกอ่านหรอกนะ คืออยากบอกเลยนะว่าทุกวันนี้แนนย้อนกลับไปมองตัวเองทุกครั้งนะว่าในอดีตทำไมเราไปทำตัวไปได้ขนาดนั้น อะไรเขาสิงตัวเรานะเราถึงกลายเป็นเด็กแบบนี้ได้"

จะมีหนังสือเล่มสองออกมามั้ย?
"อาจจะมี เพราะกระแสตอบรับดีมาก แต่ยังไงก็ต้องขอลองหาเรื่องดีๆ ก่อนหาแง่มุมที่ว่าจะเอาอะไรหรือประสบการณ์อะไรออกมาสอนใครแล้ว เพราะถ้าจะให้มานั่งเขียนแล้วเอาตัวเองมาแฉอีกมันก็น่าจะดูแย่ไปกว่านี้ แต่มันก็ไม่แน่นะเพราะมันน่าจะมีออกมาก็ได้ก็อยากให้ลองติดตามกันดู เพราะว่ารับลองว่าเลยนะว่าถ้าออกเล่มใหม่คราวนี้รับลองเลยว่ามีอะไรเด็ดกว่าเดิมแน่นอน บอกเลยนะว่ามีดาราที่ดังกว่าเล่มแรกแน่นอน..."
กำลังโหลดความคิดเห็น