แม้จะไม่ใช่คำตอบของความสำเร็จทั้งหมด แต่ก็ต้องถือว่าเป็นหน้าด่านที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับ "ชื่อ" ของหนัง(ไทย)แต่ละเรื่อง
ด้วยเงื่อนไขของการเลือกใช้คำที่ หนึ่ง(อาจ)จะต้องอธิบายให้เห็นภาพโดยรวมของหนัง และสองจะต้องเป็นคำที่สร้างความสนใจหรือสะดุดหู โดยมีเรื่องรสนิยมหรือแนวทางของหนังเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ส่งผลให้กระบวนการเลือกใช้คำเพียงไม่กี่คำเหล่านี้มิใช่เรื่องที่จะกระทำกันได้ง่ายดายนักแต่อย่างใด
ทว่ากับชื่อหนัง(ไทย)ในปัจจุบันมีหลายคนตั้งข้อสังเกตไปในทำนองที่ "ดูเหมือนว่า" เงื่อนไขแรกนั้นค่อนข้างจะมีน้ำหนักที่ลดน้อยไปลงไปเยอะทีเดียว ขณะที่เงื่อนไขที่สองนั้นเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด การตั้งชื่อหนังบางเรื่องก็ดูเหมือนจะเอามัน - เอาแปลกเพียงอย่างเดียวโดยแทบจะไม่ได้สื่ออะไรออกมาให้เป็นชิ้นเป็นอัน
ความจริงเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ?
เริ่มกันตั้งแต่ "หอ แต๋ว แตก" ของพจน์ อานนท์ ค่ายไฟว์สตาร์ เรื่องนี้การตั้งชื่อนอกจากจะบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงแนวทางและรสนิยมของตัวผู้กำกับเองแล้ว ยังเป็นการตั้งชื่อถือได้ว่าอธิบายภาพโดยรวมของหนังได้ออกมาค่อนข้างเห็นภาพ
ยิ่งเมื่อมองไปถึงรายได้ของหนัง "หอ แต๋ว แตก" ซึ่งออกมาจนถึงวันนี้หลายสิบล้านบาทแล้ว ต้องถือว่าเป็นการตั้งชื่อหนังและการสร้างหน้าหนังที่ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จดีทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคุณภาพของเนื้องานในความเป็นจริงที่ออกมา
"อสุจ๊าก" (THE SPERM(22 มีนาคม)) ของค่ายสหมงคลฟิล์ม เป็นหนังแนวไซไฟ คอมเมดี้ ตามแบบฉบับของวัยรุ่น นำแสดงโดยลีโอ พุฒ และผิง พิมพาภรณ์ งานกำกับของคุ้ย ทวีวัฒน์ วันทา
แต่เดิมเรื่องนี้ถูกตั้งชื่อไว้ว่า "อสุจิ" และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องของความเหมาะสมของรวมไปถึงเนื้อหาที่จะออกมา ซึ่งเมื่อไปที่ชื่อของหนังบวกกับคาแร็กเตอร์ของตัวของผู้กำกับที่เคยฝากงานมันๆ อย่าง "ขุนกระบี่ ผีระบาด" (ขุนกระบี่ ฮีโร่OTOP) มาแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงจะเดาไม่ยากอย่างแน่นอนว่าอารมณ์ของหนัง "อสุจ๊าก" นั้นจะออกมาเป็นเช่นไร?
อีกเรื่องของค่ายสหมงคลฟิล์ม ก็คือหนังที่ชื่อว่า "โอปปาติกะ" ในแนวแอ็กชัน แฟนตาซี รวมกลุ่มนักแสดงไว้มากมาย อาทิ เต๋า สมชาย, ชาคริต แย้มนาม, เร แมคโดนัลด์, ลีโอ พุฒ และบอล อธิป ร่วมด้วยเชอรี่ เข็มอัปสร เรื่องนี้กำกับโดย ธนกร พงษ์สุวรรณ
ความหมายของ "โอปปาติกะ" แปลได้ว่า การเกิดขึ้นมาอย่างเต็มตัวสมบูรณ์(ไม่มีการเจริญเติบโต)โดยอาศัยอดีตกรรมอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับพ่อ - แม่ เวลาตายก็หายวับไปไม่มีซากร่างเหลือไว้เหมือนคนหรือสัตว์ พวกที่เป็นโอปปาติกะ ก็ได้แก่ เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต หรืออสุรกาย ถือเป็นการตั้งชื่อที่แปลกชวนให้ค้นหาความหมาย และอยากจะรู้ถึงรายละเอียดของหนังได้เป็นอย่างดี
"ผีไม้จิ้มฟัน" ของค่ายอาวอง เครืออาร์เอส นำแสดงโดยนก ฉัตรชัย, อี๊ด โปงลางสะออน กำกับการแสดงโดยต้อม ปิยพันธ์ ชูเพชร...เป็นการตั้งชื่อที่ครบสูตรของการทำหนังเอาเงิน (ผี + ตลก) และชวนให้น่าสงสัยแปลกใจในระดับหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องบอกว่าแรงจูงใจของชื่อเรื่องที่จะให้ค้นหาคำตอบในความสงสัยที่ว่านั้นค่อนข้างจะไม่มีพลังสักเท่าไหร่?
โชคยังดีที่ทางของหนังเอื้ออำนวย และผู้ผลิตเองก็มีเงินพร้อมในการที่จะโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์กระทั่งผลตอบรับของ "ผีไม้จิ้มฟัน" นั้นออกมาอยู่ในระดับดีทีเดียว ซึ่งก็คงจะคล้ายๆ กับหนังเรื่องต่อไปของค่ายอาร์เอสอย่าง "เมล์นรก หมวยยกล้อ" (10 เมษายน) ที่ว่ากันเฉพาะชื่อเรื่องแล้วต้องบอกว่าไม่เร้าใจเอาเสียเลย และอาจจะมีส่วนไปลดความน่าสนใจของ "จุดแข็ง" ของหนังที่เป็นตัวของผู้กำกับอย่าง เรียว กิตติกร รวมทั้งนักแสดง โน้ส อุดม แต้พานิช, เทพ โพธิ์งาม ลงไปได้เยอะทีเดียว
ยังคงเป็นคนที่ทำหนังในเชิงเสียดสีประชดประชันคนในวงการเดียวกันได้อย่างเจ็บแสบ มันๆ คันๆ เช่นเดิม สำหรับ "ต้อม ยุทธเลิศ" เพราะแค่การตั้งชื่อหนังของเขาอย่าง "Ghost Station โกยเถอะเกย์" (5 เมษายน) หนังที่ดึงเอา 2 หนุ่มเพื่อนซี้จากรายการสาระแน "เปิ้ล นาคร ศิลาชัย - หอย เกียรติศักดิ์ อุดมนาค" มาจับคู่เกย์กันก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวต้องการจะแดกดันประเด็นอะไรของวงการหนังไทย? ส่วนเนื้อหาของหนังจะเป็นไปในทิศทางใดคงจะต้องเดาใจผู้กำกับกันหน่อย
"ว้อ" งานชิ้นแรกของ "หม่ำ จ๊กมก" ในฐานะของโปรดิวเซอร์ มี "บรรจง สินธนมงคลกุล" อดีตผู้ช่วยผู้กำกับจาก "แหยม ยโสธร" ขึ้นมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับอย่างเต็มตัว เป็นการผลิตร่วมกันของบั้งไฟ ฟิล์ม บาแรมยู และค่ายสหมงคลฟิล์ม
ค่อนข้างจะเสี่ยงทีเดียวกับการเลือกใช้คำเพียงคำๆ เดียวเช่นนี้ เพราะหนึ่งจะต้องมั่นใจว่าแปลกที่สร้างความน่าสนใจ และสองเป็นคำที่สามารถสื่อความหมายของเรื่องราวในระดับหนึ่ง ซึ่งจะว่าไปแล้วคำเหนือคำว่า "ว้อ" ที่แปลว่า "บ้า" (ส่วนมากใช้หมาว้อ ที่หมายถึงสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า)นี้สามารถตอบโจทย์ทั้งสองได้
"อีส้มสมหวัง" ของ "โน้ต เชิญยิ้ม" ค่ายพระนครฟิล์ม นำแสดงโดยกบ สุวนันท์, เต้ ปิติศักดิ์ เป็นหนังที่นำเสนอเรื่องราวการตีแผ่เบื้องหลังการเดินสาย-หางเครื่องหลังเวทียุควงดนตรีลูกทุ่งเฟื่องฟู
เป็นการตั้งชื่อหนังที่ออกไปแนวลูกทุ่งๆ ตามเนื้อเรื่องซึ่งอาจจะไม่โดด เด่น เด้ง หรือสะดุดหูสักเท่าไหร่แถมฟังแล้วดูเหมือนจะออกไปในแนวชีวิต-รันทดที่สวนทางกับคำบอกเล่าของตัวผู้กำกับเองที่บอกว่าหนังจะดูสนุก ไม่เครียด เพราะฉะนั้น "อีส้มสมหวัง" จะได้เงินหรือไม่ได้เงินก็คงจะขึ้นอยู่กับการโฆษณาและเนื้องานเป็นสำคัญ
มาถึงงานที่เรียกชื่อได้อย่างสะใจมากๆ นั่นก็คือ "คู่แรด" ผลงานแอ็กชั่น คอมเมดี้ของ "มด นพพร" ที่นอกจากจะแรงด้วยคำที่เลือกมาแล้ว เรื่องของบทก็ค่อนข้างจะแรงเอาการทีเดียวกับการจับเอา "หม่ำ จ๊กมก" มาเป็นนางเอกอย่างเต็มตัวครั้งแรกในบทของกะเทยที่จะต้องทำให้หนุ่มญี่ปุ่น "เซกิ โอเซกิ" หลงรักให้ได้ แถมยังมีฉากเลิฟซีนของทั้งสองเป็นจุดขายอีกด้วย
ปิดท้ายกันที่ "ตั๊ดสู้ฟุด" งานกำกับของ "จตุรงค์ มกจ๊ก" นำแสดงโดย บอย เอเอฟ 3 และจิ๊บ ปกฉัตร สังกัดค่ายจีทีเอชนายทุน เป็นการตั้งชื่อที่ผวนมาจากคำว่า "ตุ๊ดสู้ฟัด" ซึ่งน่าจะเข้ากับเนื้อเรื่องเป็นที่สุด(เป็นหนังแนวแอ็กชั่น คอมเมดี้ ที่พระเอกเป็นตุ๊ด) ส่วนเหตุผลหรือความหมายของการตั้งชื่อเช่นนี้จะมีอะไรแฝงมากไปกว่าความต้องการความแปลกหรือไม่? คงจะต้องไปพิจารณาจากตัวหนังอีกที