"ลีโอ พุฒ" ยันไม่อยากพูดถึงกรณีวิวาทกับสจ๊วตอีก รับเป็นเรื่องของอารมณ์คน ข่าว "ผิง" แฉตนเป็นกิ๊กในสต๊อคลงพ็อคเก็ตบุ๊คเจ้าตัวอ้างไม่น่าจะใช่ตน ลั่นหากมีแฟนน่ารักขนาดนี้ตนคงไม่ปล่อย ส่วนรายการ "พุด ต้า เร" ทางไอทีวีนักแสดงหนุ่มออกปากถ้าผู้ใหญ่ให้อยู่ก็อยู่ตนยินดีทำตามทุกอย่าง
แม้จะไม่ค่อยได้เห็นหน้าของ "ลีโอ พุฒ พุฒิพงศ์" ออกสื่อมากนักแต่ข่าวคราวของนักแสดงหนุ่มเซอร์ก็มีให้เป็นที่น่าสนใจอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไปมีเรื่องกับสจ๊วตของสายการบินหนึ่งจนเป็นเรื่องเป็นราวให้หนุ่มพุฒต้องออกมาทำหนังสือขอโทษโดยที่เจ้าตัวยังไม่เคยพูดเคลียร์กรณีนี้จากปากของตนเองเลย
เจอตัวพุฒที่งานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง "อสุจ๊าก" ผู้สื่อข่าวจึงซักถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น หนุ่มพุฒกลับบอกไม่อยากพูด
"ก็ได้ทราบกันไปแล้วนี่ครับ ผมขอไม่พูดดีกว่า ทำเป็นหนังสือไปแล้วนี่เนาะ ก็ไม่อยากพูดนี่ครับ กลัวคนอื่นเข้าใจผิดมั้ย...ผมก็ไปคิดแทนคนอื่นไม่ไหวเหมือนกันน่ะครับ ผมคนเดียวคนอื่นที่เหลือตั้ง 70 กว่าล้านผมจะไปอธิบายไหวได้อย่างไร สงสารผมเถอะ ก็อธิบายเป็นตัวหนังสือน่าจะเคลียร์ที่สุดแล้วก็เป็นกลางที่สุด"
"ผลกระทบไม่มีครับเพราะว่าคนรอบข้างผมก็เข้าใจและรู้กันดีอยู่แล้วว่าผมไม่ใช่คนเกเรอะไรที่จะไปหาเรื่องใครก่อน หากใครมองว่าผมดูไม่ดีอันนี้ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนว่าจะตัดสินอย่างไร ผมตัดสินใจแทนใครไม่ได้อยู่แล้วก็ต้องปล่อยครับ"
"ถามว่าผมกล้าขึ้นสายการบินนั้นอีกมั้ย.. ก็ปกติครับไม่มีปัญหาอะไร มันเป็นเรื่องของตัวบุคคลไม่ใช่เรื่องของสายการบินครับ อย่างวันนั้นผมก็ใช้สายการบินเดิม เขาก็บริการผมดีเป็นปกติ ผมว่าเป็นเรื่องของอารมณ์คนน่ะครับมันเป็นกันได้"
หนุ่มพุฒได้เล่นหนังเรื่อง "อสุจ๊าก" ร่วมกับ "ผิง พิมพาภรณ์ ลีนุตพงษ์" ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเคยกิ๊กกันแถมในพ๊อคเก็ตบุ๊คของฝ่ายหญิงก็เขียนถึงกิ๊กคนหนึ่งของเธอที่มีลักษณะคล้ายกับหนุ่มพุฒอีกด้วย งานนี้หลายคนต่างลุ้นอาจมีการรีเทิร์นแต่ตรงกันข้ามเมื่อฝ่ายชายยืนยันไม่เคยคบกับสาวผิงมาก่อน
"ส่วนตัวผมกับผิงไม่ค่อยได้เข้าฉากด้วยกันครับเลยไม่ค่อยสนิทกันเท่าที่ควรแต่เขาก็เกร็งๆ เหมือนกัน ส่วนใหญ่ฉากเลิฟซีนผมก็ขอเขาว่าไม่ต้องซ้อมได้มั้ย แบบเอาเลยน่ะ จริงๆผมไม่ค่อยชอบเลยนะครับเลิฟซีนแต่มันก็ไม่ได้มีถึงขั้นจูบนะ ทุกคนมันก็เกร็งเขินบ้างไม่ใช่ว่าผมกับผิงหรอกก็คนไม่รู้กี่สิบ เวลาที่พี่หอมแฟนพี่ก็หอมกัน 2 คนใช่มั้ยล่ะ ไม่ได้หอมให้ทั้งซอยได้ดูไง ก็เหมือนกันนั่นแหละ"
"ข่าวกิ๊กผิงไม่จริงเลย ผมรู้จักกันแบบผิวเผินมากๆเลย ไม่รู้เบอร์โทรศัพท์ไม่รู้อะไรกันด้วยครับ ในหนังสือที่เขาเขียนเป็นผมเหรอผมไม่เคยอ่านหนังสือเขานะ ถ้าเป็นก็คงขอบคุณน่ะแต่ผมไม่รู้ว่าเขาเขียนว่าอะไรแต่คิดว่าคงไม่ใช่น่ะครับ ผมแทบจะไม่รู้จักเขาเลยจริงๆ เลิกงานเราก็ต่างคนต่างกลับไม่เคยไปไหนด้วยกัน เขาคงเขียนถึงคนอื่นล่ะมั้ง ถ้าผมมีแฟนอย่างเขาผมคงไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไปหรอก ผมก็ต้องทำดีที่สุดแหละน่ารักขนาดนี้น่ะใช่มั้ย"
ถามถึงรายการ "พุด ต้า เร" ทางไอทีวีที่หนุ่มพุฒเป็นผู้ผลิตและเป็นพิธีกรว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่เนื่องจากมีการเปลี่ยนมือผู้บริหาร หนุ่มพุฒบอกหัวไปไหนหางก็ไปทางนั้น
"ปีนี้ผมเน้นที่รายการครับพุดต้าเรอย่างเดียว ก็อยากเพิ่มรายการให้มันเป็นของแต่ละคนเดี่ยวๆ ออกไปกับไอทีวีด้วยครับ ตอนนี้ทุกคนก็ยังทำงานกันปกติ จะมีการปรับเปลี่ยนรายการใหม่ตรงนี้ผมไม่ทราบครับเพราะต้องเรียนตรงๆ ว่าพุฒจะดูแลแล้วก็รับผิดชอบแค่เรื่องของเนื้อหาและการถ่ายทำ รวมไปถึงโพสต์โปรดักชั่นเรื่องของธุรกิจเรื่องของการเมืองเป็นผู้ใหญ่คุยกัน พวกผมก็ทำรายการให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง"
"ผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรซีเรียสรุนแรง จริงๆ ผู้ใหญ่ไม่ได้มีสัญญาณให้เราต้องปรับรายการคือเรารู้สึกกันเองครับว่าช่วงแรกๆเรายอมรับว่ารายการพุฒต้าเรย์มันห่ามไปนิดหนึ่งแล้วมันก็เหมือนจะเลยเถิดไปบ้างแต่ว่าอย่างน้อยมันก็ตั้งอยู่ในเจตนาดีนั่นแหละ แล้วระยะหลังเราก็ปรับให้มันมีความสนุกสนานอยู่แต่ว่าให้คนดูรู้เรื่องเท่าเดิม มันก็เหมือนกับว่าปรับแต่ว่าทิศทางเหมือนเดิมนะครับ"
"ในเรื่องเปลี่ยนผู้บริหารถามว่าผมจะยังทำอยู่มั้ย ผมคงไม่กล้าไปตอบตรงนั้นน่ะครับ ถ้าเปลี่ยนก็เปลี่ยนผมก็ทำงานของผมไปคือไอ้เรื่องแบบนี้ถ้าผมไม่พูดก็เหมือนกับว่าผมเลือกนายจะฟังดูไม่ดีเลยน่ะแต่แบบผู้บริหารเป็นใครชื่ออะไรบ้างส่วนตัวนะผมยังไม่รู้เลยเพราะผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวอะไรกับท่านน่ะครับ เพราะฉะนั้นผมทำงานผมก็โฟกัสกับแค่งานของผมเรื่องอะไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็แล้วแต่ผู้ใหญ่จะสั่งผมก็ยินดีทำ"
"ถามว่าผมกังวลมั้ยอันนี้ผมว่าให้พี่อี๊ด(วง ฟลาย)วิตกไปดีกว่าผมจัดการเรื่องของรายการให้ดีๆ ก็พอแล้ว ผมไม่ได้สนใจอย่างอื่นเพราะผมสนุกกับการทำงานอย่างนี้น่ะ อย่างอื่นก็ไม่อยากเก็บมาคิดเพราะมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของผม ถึงผมคิดผมก็ตัวเล็กๆผมไปเปลี่ยนอะไรเขาได้ล่ะครับ หัวไปทางไหนหางก็ไปทางนั้นก็เท่านั้นเอง"
เมื่อถามต่อว่าในขณะที่ไอทีวียังไม่นิ่งกอปรกับบริษัทของตนเองก็ยังใหม่ นักแสดงหนุ่มเป็นห่วงภาพลักษณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาหรือไม่ หนุ่มพุฒตอบว่า...
"ผมมองว่าถ้าบริษัทเพิ่งเกิดแล้วทำรายการห่วยๆ สิครับอันนั้นน่าห่วง แต่เราทำรายการที่ดีน่ะเพราะฉะนั้นเรื่องอื่นผมก็ว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับภาพของบริษัทหรือตัวผม แต่เราทำรายการที่มีจิตสำนึกที่จะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้นหรือเป็นสื่อกลางให้กับคนที่เขาลำบากผมก็ถือว่าไอดีโปรเจ็คได้เกิดมาแบบไม่หนักแผ่นดินแล้ว ไม่เกี่ยวกับภาพลักษณ์บริษัทที่จะดูไม่ดีอย่างน้อยก็เริ่มทำจากจิตใจที่โอเคอยู่แล้ว"