รอยเตอร์ - ฝันอันสูงสุดของนักแสดงและผู้ที่อยู่ในวงการภาพยนตร์ทั่วโลก ในหนึ่งคืนที่แสนจะสวยงาม แต่ผู้ที่คว้ามันไปอาจจะไม่ได้อะไรมากไปกว่าชะตากรรมที่ต้องรับบทที่แย่กว่าเดิม และที่แย่กว่าคือใครจะจำความสำเร็จของคุณได้?

"เรื่องคำสาปจากการชนะออสการ์เป็นเรื่องที่รู้กันดี สุดยอดความฝันของนักแสดงกลายเป็นสุดยอดฝันร้ายเอาได้ง่ายๆ" ทอม โอ'นีล กูรูหนัง คอลัมนิสต์แห่ง theenvelope.latimes.com ว่าเอาไว้
นักแสดงอย่าง เอฟ.เมอร์เรย์ อับราฮัม, เบรนดา ฟริคเกอร์, ลินดา ฮันท์, มาร์ลี แม็ตลิน และลูอิส เฟล็ตเชอร์ ทุกวันนี้แทบจะไม่มีใครรู้จักพวกเขา ทั้งๆ ที่คว้าออสการ์มาครองอย่างยิ่งใหญ่กันทั้งนั้น
ขณะที่คนดังที่คว้าออสการ์มาได้ ทั้งกวินเน็ธ พัลโทรว์และริชาร์ด ดรายฟัส ต่างออกมาโอดครวญว่าการได้รับรางวัลที่ทุกคนใฝ่ฝันนี้นำมาซึ่งปัญหาทั้งด้านการงานและชีวิตส่วนตัวของพวกเขาทั้งสิ้น
"ผู้ชนะตั้งแต่โจน ฟอนเทนไล่ไปถึงกวินเน็ธ พัลโทรว์และริชาร์ด ดรายฟัสต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโดนคำสาปจากออสการ์มากันถ้วนหน้า" โอ'นีลกล่าว โดยเน้นว่าการได้ออสการ์ทำให้ค่าตัวของพัลโทรว์สูงเกินจนไม่มีใครจ้างตั้งแต่เธออายุ 26 ขณะที่ดรายฟัสนั้นต้องเจอกับช่วงตกต่ำของชีวิต ทั้งเรื่องการเสพย่าที่อื้อฉาวตามด้วยความล้มเหลวทางการแสดงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เขาคว้าออสการ์จากบทในหนังเรื่อง The Goodbye Girl เมื่อปี 1977
พัลโทรว์เผยว่าเธอไม่พร้อมที่จะรับมือกับความสำเร็จที่เธอได้รับหลังจากคว้าออสการ์จากผลงานในเรื่อง Shakespeare in Love ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเลือกบทหนังที่ผิดพลาดหลายต่อหลายเรื่อง
"ฉันคิดว่าข้อเสียของการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วและคว้าออสการ์มาได้ตั้งแต่อายุ 26 ทำให้ฉันไม่ค่อยใส่ใจกับบทที่ฉันจะรับเล่นนับแต่นั้น ประมาณว่า 'โอ้ ฉันจะเล่นเรื่องนี้ มันดูน่าสนุกน่ะ หรือค่าตัวเรื่องนี้น่าสนใจทีเดียว' ซึ่งการตัดสินใจรับบทด้วยเหตุผลเหล่านี้เป็นสิ่งต้องห้ามจริงๆ" พัลโทรว์กล่าวเอาไว้ใน imdb.com
ลูอิส เฟล็ตเชอร์ ผู้ที่คว้าออสการ์จากบทนางพยาบาลจอมเคร่งจากเรื่อง One Flew Over the Cuckoo's Nest กลับได้รับบทต่อมาที่น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ในหนังผี เกรดบีอย่าง Exorcist II: The Heretic, Firestarter และ Flowers in the Attic

"คืนที่คุณคว้ามันมาเป็นอะไรที่วิเศษสุด แต่อย่าหวังว่ามันจะมีผลอะไรต่ออาชีพการแสดงของคุณมากนักเลย" เฟล็ตเชอร์เปิดใจ
ออสการ์...ที่แถมมาเป็นออสกล้วย
ที่ปฎิเสธไม่ได้เลยก็คือ ผู้ชนะหลายๆ คนมักจะได้บทที่ย่ำแย่ลงหลังจากคว้าออสการ์มาได้ ทั้งฮัลลี แบร์รี, เฟย์ ดันนาเวย์ และลิซา มิเนลลี ต่างคว้าทั้งออสการ์และรางวัลราซซี สำหรับนักแสดงยอดแย่มาครองด้วยกันทั้งนั้น
หลังจากคว้าออสการ์จากบทบาทอันบีบคั้นอารมณ์ใน Monster's Ball เมื่อปี 2001 บทที่ตามมาของฮัลลี แบร์รีกลับเป็นหนังฮีโรอันล้มเหลวอย่าง Catwoman
โอ'นีลเผยว่ากรณีอย่างนี้มีให้เห็นแทบทุกปี ตั้งแต่ผู้ชนะอย่างริตา โมเรโน ที่คว้าออสากร์จาก West Side Story จนถึง ไดแอน วีสต์และคิวบา กู๊ดดิง จูเนียร์ ต่างทำชื่อเสียงหล่นหายหลังจากคว้าออสการ์มาแทบทั้งสิ้น
"บางคนก็ชนะได้เพราะสภาพแวดล้อมเป็นใจ หรือการที่นักแสดงที่ยอดเยี่ยมได้บทที่โดดเด่นในเวลาที่เหมาะเจาะ แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นบ่อยๆ ในเส้นการอาชีพของนักแสดงคนนั้นๆ" ลีโอนาร์ด มอลติน นักวิจารณ์และนักประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ จาก Entertainment Tonight กล่าว

มอลติน ขยายความว่าสิ่งที่พูดๆ กันนี้เป็นที่รู้กันดีในฮอลลีวูดว่าเป็นอาการ "เอฟ.เมอร์เรย์ อับราฮัม ซินโดรม" ที่ตั้งชื่อตามเอฟ.เมอร์เรย์ อับราฮัม นักแสดงละครเวทีชั้นครู ที่ได้รับรางวัลนักแสดงนำจากบทบาทอันยอดเยี่ยมใน Amadeus หนังประวัติของโมสาร์ตเมื่อปี 1984 แต่กลับไม่มีใครรู้จักเขาหลังจากผลงานเรื่องนั้นเลย
"เขาสุดๆ แล้วใน Amadeus กับเรื่องไหนๆ เขาก็ไร้ที่ติ แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด หรือหลายๆ เหตุผลอันใดที่ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ฝากผลงานระดับนั้นในวงการภาพยนตร์อีก แม้ว่าเขาจะยังคงแสดงในละครเวทีอยู่ก็ตาม" มอลตินกล่าว และย้ำว่าลูอิส เฟล็ตเชอร์ก็เป็นเคสคลาสสิกในฐานะนักแสดงหญิงด้วยเช่นกัน
มอลติน แจงว่าปัจจัยหลายอย่างช่วยอธิบายว่าทำไมนักแสดงที่คว้าออสการ์มาได้ จึงไม่สามารถรักษาชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้ได้ในผลงานชิ้นถัดมา ตั้งแต่ประเด็นการเลือกบทที่ผิดพลาด, เลือกตัวแทนที่ผิดพลาด, โชคไม่เข้าข้าง หรือยึดติดกับการกลับมาชนะอีกครั้งมากเกินไป
"การได้งานในวงการแสดงมันยากอยู่แล้ว แต่จะรักษามันไว้มันยากยิ่งยวด" เขากล่าว
ริชาร์ด สชิคเคล นักวิจารณ์ภาพยนตร์คนดังกล่าวว่าเขาไม่ได้มองว่าการได้รับออสการ์จะทำให้ตัวดาราหรือตัวหนังจะอยู่ยั้งยืนยงแต่อย่างใด
"ผู้คนต่างหลงระเริงไปกับการแสดงที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่มีอะไรจะยืนยันได้ว่านักแสดงเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จอย่างนั้นได้อีก สิ่งเดียวที่ใช้ตัดสินความสำเร็จได้ก็คือประวัติศาสตร์เท่านั้น"
"มันเป็นตัวหนังต่างหาก ประเภทที่เราอยากจะกลับไปดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าแม้จะผ่านมาเกิน 10 ปีแล้วนั้นแหล่ะที่สำคัญต่อแฟนหนัง เพราะหลังจากพิธีออสการ์ผ่านไปได้อาทิตย์หนึ่งคุณก็จำไม่ได้แล้วว่าใครได้รางวัลสาขาไหนไปบ้าง"

"เรื่องคำสาปจากการชนะออสการ์เป็นเรื่องที่รู้กันดี สุดยอดความฝันของนักแสดงกลายเป็นสุดยอดฝันร้ายเอาได้ง่ายๆ" ทอม โอ'นีล กูรูหนัง คอลัมนิสต์แห่ง theenvelope.latimes.com ว่าเอาไว้
นักแสดงอย่าง เอฟ.เมอร์เรย์ อับราฮัม, เบรนดา ฟริคเกอร์, ลินดา ฮันท์, มาร์ลี แม็ตลิน และลูอิส เฟล็ตเชอร์ ทุกวันนี้แทบจะไม่มีใครรู้จักพวกเขา ทั้งๆ ที่คว้าออสการ์มาครองอย่างยิ่งใหญ่กันทั้งนั้น
ขณะที่คนดังที่คว้าออสการ์มาได้ ทั้งกวินเน็ธ พัลโทรว์และริชาร์ด ดรายฟัส ต่างออกมาโอดครวญว่าการได้รับรางวัลที่ทุกคนใฝ่ฝันนี้นำมาซึ่งปัญหาทั้งด้านการงานและชีวิตส่วนตัวของพวกเขาทั้งสิ้น
"ผู้ชนะตั้งแต่โจน ฟอนเทนไล่ไปถึงกวินเน็ธ พัลโทรว์และริชาร์ด ดรายฟัสต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโดนคำสาปจากออสการ์มากันถ้วนหน้า" โอ'นีลกล่าว โดยเน้นว่าการได้ออสการ์ทำให้ค่าตัวของพัลโทรว์สูงเกินจนไม่มีใครจ้างตั้งแต่เธออายุ 26 ขณะที่ดรายฟัสนั้นต้องเจอกับช่วงตกต่ำของชีวิต ทั้งเรื่องการเสพย่าที่อื้อฉาวตามด้วยความล้มเหลวทางการแสดงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เขาคว้าออสการ์จากบทในหนังเรื่อง The Goodbye Girl เมื่อปี 1977
พัลโทรว์เผยว่าเธอไม่พร้อมที่จะรับมือกับความสำเร็จที่เธอได้รับหลังจากคว้าออสการ์จากผลงานในเรื่อง Shakespeare in Love ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเลือกบทหนังที่ผิดพลาดหลายต่อหลายเรื่อง
"ฉันคิดว่าข้อเสียของการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วและคว้าออสการ์มาได้ตั้งแต่อายุ 26 ทำให้ฉันไม่ค่อยใส่ใจกับบทที่ฉันจะรับเล่นนับแต่นั้น ประมาณว่า 'โอ้ ฉันจะเล่นเรื่องนี้ มันดูน่าสนุกน่ะ หรือค่าตัวเรื่องนี้น่าสนใจทีเดียว' ซึ่งการตัดสินใจรับบทด้วยเหตุผลเหล่านี้เป็นสิ่งต้องห้ามจริงๆ" พัลโทรว์กล่าวเอาไว้ใน imdb.com
ลูอิส เฟล็ตเชอร์ ผู้ที่คว้าออสการ์จากบทนางพยาบาลจอมเคร่งจากเรื่อง One Flew Over the Cuckoo's Nest กลับได้รับบทต่อมาที่น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ในหนังผี เกรดบีอย่าง Exorcist II: The Heretic, Firestarter และ Flowers in the Attic
"คืนที่คุณคว้ามันมาเป็นอะไรที่วิเศษสุด แต่อย่าหวังว่ามันจะมีผลอะไรต่ออาชีพการแสดงของคุณมากนักเลย" เฟล็ตเชอร์เปิดใจ
ออสการ์...ที่แถมมาเป็นออสกล้วย
ที่ปฎิเสธไม่ได้เลยก็คือ ผู้ชนะหลายๆ คนมักจะได้บทที่ย่ำแย่ลงหลังจากคว้าออสการ์มาได้ ทั้งฮัลลี แบร์รี, เฟย์ ดันนาเวย์ และลิซา มิเนลลี ต่างคว้าทั้งออสการ์และรางวัลราซซี สำหรับนักแสดงยอดแย่มาครองด้วยกันทั้งนั้น
หลังจากคว้าออสการ์จากบทบาทอันบีบคั้นอารมณ์ใน Monster's Ball เมื่อปี 2001 บทที่ตามมาของฮัลลี แบร์รีกลับเป็นหนังฮีโรอันล้มเหลวอย่าง Catwoman
โอ'นีลเผยว่ากรณีอย่างนี้มีให้เห็นแทบทุกปี ตั้งแต่ผู้ชนะอย่างริตา โมเรโน ที่คว้าออสากร์จาก West Side Story จนถึง ไดแอน วีสต์และคิวบา กู๊ดดิง จูเนียร์ ต่างทำชื่อเสียงหล่นหายหลังจากคว้าออสการ์มาแทบทั้งสิ้น
"บางคนก็ชนะได้เพราะสภาพแวดล้อมเป็นใจ หรือการที่นักแสดงที่ยอดเยี่ยมได้บทที่โดดเด่นในเวลาที่เหมาะเจาะ แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นบ่อยๆ ในเส้นการอาชีพของนักแสดงคนนั้นๆ" ลีโอนาร์ด มอลติน นักวิจารณ์และนักประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ จาก Entertainment Tonight กล่าว
มอลติน ขยายความว่าสิ่งที่พูดๆ กันนี้เป็นที่รู้กันดีในฮอลลีวูดว่าเป็นอาการ "เอฟ.เมอร์เรย์ อับราฮัม ซินโดรม" ที่ตั้งชื่อตามเอฟ.เมอร์เรย์ อับราฮัม นักแสดงละครเวทีชั้นครู ที่ได้รับรางวัลนักแสดงนำจากบทบาทอันยอดเยี่ยมใน Amadeus หนังประวัติของโมสาร์ตเมื่อปี 1984 แต่กลับไม่มีใครรู้จักเขาหลังจากผลงานเรื่องนั้นเลย
"เขาสุดๆ แล้วใน Amadeus กับเรื่องไหนๆ เขาก็ไร้ที่ติ แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด หรือหลายๆ เหตุผลอันใดที่ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ฝากผลงานระดับนั้นในวงการภาพยนตร์อีก แม้ว่าเขาจะยังคงแสดงในละครเวทีอยู่ก็ตาม" มอลตินกล่าว และย้ำว่าลูอิส เฟล็ตเชอร์ก็เป็นเคสคลาสสิกในฐานะนักแสดงหญิงด้วยเช่นกัน
มอลติน แจงว่าปัจจัยหลายอย่างช่วยอธิบายว่าทำไมนักแสดงที่คว้าออสการ์มาได้ จึงไม่สามารถรักษาชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้ได้ในผลงานชิ้นถัดมา ตั้งแต่ประเด็นการเลือกบทที่ผิดพลาด, เลือกตัวแทนที่ผิดพลาด, โชคไม่เข้าข้าง หรือยึดติดกับการกลับมาชนะอีกครั้งมากเกินไป
"การได้งานในวงการแสดงมันยากอยู่แล้ว แต่จะรักษามันไว้มันยากยิ่งยวด" เขากล่าว
ริชาร์ด สชิคเคล นักวิจารณ์ภาพยนตร์คนดังกล่าวว่าเขาไม่ได้มองว่าการได้รับออสการ์จะทำให้ตัวดาราหรือตัวหนังจะอยู่ยั้งยืนยงแต่อย่างใด
"ผู้คนต่างหลงระเริงไปกับการแสดงที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่มีอะไรจะยืนยันได้ว่านักแสดงเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จอย่างนั้นได้อีก สิ่งเดียวที่ใช้ตัดสินความสำเร็จได้ก็คือประวัติศาสตร์เท่านั้น"
"มันเป็นตัวหนังต่างหาก ประเภทที่เราอยากจะกลับไปดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าแม้จะผ่านมาเกิน 10 ปีแล้วนั้นแหล่ะที่สำคัญต่อแฟนหนัง เพราะหลังจากพิธีออสการ์ผ่านไปได้อาทิตย์หนึ่งคุณก็จำไม่ได้แล้วว่าใครได้รางวัลสาขาไหนไปบ้าง"