xs
xsm
sm
md
lg

"ขำกลิ้งลิงกับหมา" เรื่องฮาที่ชวนเศร้า/เรื่องจากจอ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ


น่าสนใจไม่น้อยทีเดียวครับกับปฏิกิริยาของคนดูทีวีต่อเรื่องราวการผจญภัยของเจ้า "เจมส์" (James) ลูกสุนัขพันธุ์บูลด็อกซ์ และซิมแปนซีตัวเล็กอย่างเจ้า "ปัง" (pan(kun)) ในรายการ "ขำกลิ้งลิงกับหมา" (The Adventure of Pang and James) ที่ออกอากาศในช่วงสามทุ่มครึ่งถึงสี่ทุ่มของวันเสาร์ - อาทิตย์ ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี อยู่ในช่วงนี้

เพราะทั้งๆ ที่รายการที่ว่านี้เพิ่งจะออกอากาศไปได้ไม่นาน แต่ด้วยความน่ารัก ความฉลาด ความซน ความเป็นธรรมชาติที่สร้างความฮาและเรียกเสียงหัวเราะได้เกือบจะตลอดเวลา ส่งผลให้ทั้งสองได้เข้าไปนั่งจนเต็มอยู่ใน 4 ห้องหัวใจของคนทุกเพศ - ทุกวัยจำนวนไม่น้อยที่ได้มีโอกาสติดตามชมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"ขำกลิ้งลิงกับหมา" เป็นรายการประเภทเรียลิตี้โชว์ซึ่งรายการในรูปแบบนี้ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าบ้านเราเคยเห่อมากๆ อยู่ช่วงหนึ่งนั่นแหละครับ รายละเอียดของตัวรายการเองก็ไม่มีอะไรมาก โดยในแต่ละตอนทั้งเจมส์และปังจะได้รับโจทย์เพื่อที่จะต้องไปปฏิบัติภารกิจร่วมกันในลักษณะที่แตกต่างออกไป อาทิ ออกไปเก็บเห็ด, นำข้าวปั้นไปให้คุณตา, ซื้อรองเท้า ฯลฯ ซึ่งในแต่ละครั้งของการปฏิบัติภารกิจ ก็จะมีทั้งที่ทำสำเร็จ ทำไม่สำเร็จ และบางครั้งก็เกือบจะสำเร็จ คละเคล้ากันไป

แต่จุดหมายปลายทางตรงนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ส่วนสำคัญของตัวรายการสักเท่าไหร่ เพราะไฮไลต์ที่แท้จริงมันอยู่ที่การแสดงออก การตัดสินใจ ไหวพริบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองต้อง “ทำงาน” ร่วมกันในสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นเงื่อนไขเพื่อทดสอบดูปฏิกิริยาของทั้งคู่ต่างหาก

ไม่ใช่เพียงแค่เสียงหัวเราะก๊ากชนิดขำกลิ้ง หรืออาการอมยิ้มไปกับอากัปกิริยาของทั้งคู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ผู้ชมทั่วไปจะได้รับ หากแต่ยังมีเรื่องของความรัก ความผูกพัน ความสามัคคี ความเอื้ออาทร การแก้ไขปัญหาที่ไปเจอ การให้อภัยที่ทั้งสองแสดงออกต่อกันกรณีที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำผิดจนทำให้เกิดความผิดพลาดและปัญหาต่างๆ ขึ้นมา (ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าเจมส์ครับที่ได้รับบทตรงนี้ไป)รวมเข้าไปด้วยเช่นกัน

ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จในโจทย์ที่ถูกตั้งไว้หรือไม่ สิ่งที่ทั้งคู่จะได้รับกลับไปทุกครั้งๆ ก็คือความรักความอบอุ่นและคำชื่นชมจากผู้เป็นเจ้าของอย่างคุณมิยาซาว่า

ต้องปรบมือดังๆ ให้กับทีมงานของรายการนี้ครับที่รู้จักเลือก “งาน” และสร้าง “อุปสรรค” แบบไม่ยากจนเกินไปกระทั่งทำให้ทั้งปังและเจมส์ได้กลายเป็น “ครู” สอนเด็กและเยาวชนในเรื่องของวิธีการคิด การจัดการกับปัญหา ที่สำคัญก็คือเรื่องของความรัก ความผูกพันความมีน้ำใจ และการมีจิตใจที่อ่อนโยนได้อย่างแยบยลเป็นที่สุด

แต่ยิ่งเห็นคนชื่นชอบเจมส์กับปังจาก "ขำกลิ้งลิงกับหมา" มากเท่าใด ผมกลับยิ่งรู้สึกเจ็บปวดแทนคนทำรายการทีวีของบ้านเรามากขึ้นเท่านั้น

เพราะจะว่าไปแล้วทั้ง "รูปแบบ" "วิธีการ" รวมไปถึงขั้นตอนการผลิตในส่วนของโปรดักชั่นของรายการนี้ ผมว่ามันมิใช่เรื่องที่สลับซับซ้อนเกินที่คนทีวีบ้านเราจะไม่สามารถทำได้แต่อย่างไร?

ปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่ "มุมมอง" และ "โอกาส" มากกว่า

ต้องขอบคุณทางฝ่ายคัดเลือกรายการของโมเดิร์นไนน์ ทีวีครับที่ทำให้คนส่วนใหญ่ทั่วไปได้มีโอกาสมีความสุขไปกับขำกลิ้งลิงกับหมา (หากไม่ผิดพลาดรู้สึกว่าที่ในประเทศญี่ปุ่นเองจะใช้ชื่อรายการว่า Shimura Zoo) รวมไปถึงอีกหลายรายการที่มีประโยชน์ที่เป็นการ "นำเข้า" จากต่างประเทศ(ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นรายการที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว) แต่ผมว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนักหากคนโมเดิร์นไนน์ฯ เอง(หรือจะเป็นช่องอื่นๆ ก็ตาม)จะมารู้สึกปลาบอกปลื้มใจว่ายุทธวิธีหากินกับความสำเร็จของชาวบ้านเช่นนี้มันแสดงถึงการมีความสามารถและการมี "กึ๋น" ในการเป็นคนทีวีของตนเอง

ที่สำคัญที่ต้องไม่ลืมก็คือ ยิ่งมีรายการที่เป็น "ของนอก" เข้ามามากเท่าไหร "พื้นที่" แสดงฝีมือของคนทำทีวีไทยก็ยิ่งจะลดน้อยลงไปมากยิ่งขึ้นเท่านั้น และยิ่งถ้าเจ้าของสถานีเองมองถึงเรื่องของผลตอบแทนในรูปของเงินค่าขายเวลาโฆษณาเป็นสิ่งที่มาอันดับหนึ่งจนกลายเป็นเงื่อนไขบีบบังคับให้ต้องเลือกเฉพาะรายการที่มีความเสี่ยงขาดทุนน้อยแต่มีโอกาสได้กำไรสูง ซึ่งคงจะไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะเหมาะไปกว่ารายการที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้วเช่นนี้ มันก็คงจะน่าห่วงเหมือนกันว่าแล้วเราเองจะได้มี "โอกาส" เห็นรายการทีวีที่มันเข้าข่ายสร้างสรรค์ แปลกใหม่ จากผู้จัดเจ้าเล็กๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่มีเงินทุนแต่ไอเดียดี ได้มีโอกาสขึ้นมาพิสูจน์ศักยภาพของตนเองมากน้อยสักแค่ไหนกัน?

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนทีวีของบ้านเราเองก็คงจะต้องเปลี่ยนแนวคิดในหลายๆ เรื่องเสียใหม่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นไอ้อาการเห่อจนต้องแห่ทำรายการที่มันซ้ำๆ กันเพราะเห็นว่ากำลังเป็นกระแสให้รีบฉกฉวย, ทำรายการท่องเที่ยวประเภทที่ดูรายการไหนๆ พิธีกรกี่คนๆ ก็เหมือนจะเป็นต้นฉบับนายเรย์ แมคโดนัลไปซะทั้งหมด หรือไม่ก็ทำละครออกมากี่เรื่องๆ ก็จะต้องมีฉากด่ากัน ตบกัน ข่มขืนกัน เพราะผู้จัดฯ คิดเองเออเองว่าคนส่วนใหญ่ชอบ ถูกใจแม่ค้าชาวตลาด แถมยังบอกว่านี่แหละคือการสะท้อนสังคม...

ก็ในเมื่อถ้าสังคมบ้านเรามันเลวและเสื่อมทรามบัดซบถึงขนาดที่มีผู้หญิงรวยๆ มีพฤติกรรมอย่างเช่นนางอิจฉาในละครจริงๆ คือ วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากแต่งตัวโป๊ๆ คอยจับพระเอกกับไล่ตบนางเอกเช่นนี้ แล้วทำไมไม่คิดในมุมกลับ ทำละครที่มันมีเนื้อหาในเชิงบวก ที่มันจรรโลงสังคมเพื่อกำจัดสิ่งเหล่านี้ให้มันหมดไปเล่า?

โดยส่วนตัวผมว่ากึ๋น ศักยภาพ และความสามารถที่แท้จริงที่มีอยู่ในตัวตนคนทีวีบ้านเรานั้นเยอะครับ แต่ยอมรับว่าผมเองก็ตอบไม่ได้เต็มปากเหมือนกันว่าเพราะอะไรสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันถึงไม่ได้ถูกแสดงผ่านออกมาสักเท่าไหร่

จะเป็นเพราะการคิดแบบเอาง่ายๆ เข้าว่าโดยปราศจากความจริงใจ และการเอาใจใส่ หรือจะเป็นเพราะแต่ละคนมีความสามารถก็จริงแต่ก็ถูกใช้ไม่ถูกกับวัตถุประสงค์หรือเปล่า?

ยกตัวอย่างง่ายๆ กับการทำหน้าที่ของพิธีกรของรายการ "ขำกลิ้งลิงกับหมา" อย่างคุณเอก ฮิมสกุล กับคุณตุ๊ยตุ่ย พุทธชาติ ซึ่งผมสงสัยว่าทำไมจะต้องออกโอเวอร์แอ็กติ้งหรือสร้างอารมณ์กันมากมายขนาดนั้น และถ้าไม่มีเลยผมว่าก็ไม่น่าจะเสียหายตรงไหน หรือ อสมท.เองเกรงจะถูกวิจารณ์ว่าจะไม่มีส่วนร่วม

พูดถึง "ขำกลิ้งลิงกับหมา" ไม่แน่เหมือนกันนะครับหาก "ปัง" กับ "เจมส์" ดังมากขึ้นไปกว่านี้อีก อนาคตเราก็คงจะเห็นรายการเรียลิตี้สัตว์ของคนไทยประเภท "ขำกระจายควายกับแมว" "ขำฮู่ฮู่หมูกับไก่" "ขำเช็ดเช็ดเป็ดกับเต่า" ฯลฯ ออกมาก็เป็นไปได้

เพราะคนทีวีบ้านเราชอบนักครับไอ้วิธีการคิดที่เรียกว่าใช้แรงบันดาลใจในลักษณะเช่นนี้...
กำลังโหลดความคิดเห็น