xs
xsm
sm
md
lg

สาว Big Brother สำนึก! ส่งรายได้เข้าการกุศล หลังถูกโหวตออกเพราะเหยียดผิว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

2 ผู้ร่วมรายการคนดัง ที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้
"เจด กูดี" ถูกให้ออกจากบ้าน Big Brother ของประเทศอังกฤษเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากสร้างวีรกรรมในการพูดจาสื่อไปในทางเหยียดเชื้อชาติของ "ชิลปา เชตตี" ดาราสาวชาวอินเดียที่อยู่ร่วมบ้าน โดยเธอตัดสินใจนำเงินรายได้ทั้งหมดที่ได้จากการร่วมรายการบริจาคต่อองค์กรการกุศล เพื่อไถ่โทษเหตุการณ์ดังกล่าวที่ทำให้รายการถูกถอนสปอนเซอร์ และอาชีพของเธออาจจะดับลงเลยทีเดียว ตามรายงานจาก bbc.co.uk

เจด กูดี และ ชิลปา เชตตี คู่กรณีที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเหยียดเชื้อชาติภายในบ้านของรายการเรียลิตี โชว์สุดดังอย่าง Big Brother ต้องกอดคอกันลุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าใครจะถูกโหวตให้ออกจากบ้านไป ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นคะแนนอย่างท่วมท้นถึง 82% ที่ส่งให้ เจด กูดี ต้องออกจากบ้านไป หลังจากเป็นหนึ่งในหัวโจกสร้างความฉาวเรื่องการเหยียดเชื้อชาติภายในบ้านดังกล่าว

เหตุการณ์ฉาวครั้งนี้ แจ็กกี สมิธ เลขาธิการใหญ่ของรัฐบาล ได้กระตุ้นประชาชนว่าไม่ควรที่จะดูรายการเรียลิตีโชว์อย่าง Big Brother เนื่องจากนำเสนอ "พวกคนพาลที่ชอบเหยียดสีผิว" ขณะที่บริษัทมือถือยักษ์ใหญ่อย่าง Carphone Warehouse สปอนเซอร์เก่าแก่ได้ยกเลิกการเป็นผู้อุปถัมภ์รายการ Big Brother แล้ว แม้ว่าจะได้จ่ายเงินประมาณ 3 ล้านปอนด์ในการเป็นผู้อุปถัมภ์รายการนี้มาอย่างยาวนาน เช่นเดียวเครือข่ายน้ำหอมอย่าง Perfume Shop ก็ยังได้ตัดสินที่จะถอนการขายน้ำหอมของกูดีจากชั้นในร้านทั้งหมดเนื่องจากความอื้อฉาวครั้งนี้

อย่างไรก็ดี แอนดี ดันแคน ผู้บริหารสูงสุดของช่อง Channel 4 กล่าวที่งานแถลงข่าวว่ารายการจะยังคงถ่ายทอดต่อไป

พฤติกรรมที่น่าอับอาย

ในการประณามที่รุนแรงถึงรายการนี้โดยรัฐมนตรีหญิง แจ็กกี สมิธ นั้น เธอกล่าวว่า พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่ "ไม่สามารถยอมรับได้โดยสิ้นเชิง" โดยยังได้โจมตีผู้ทำรายการนี้ด้วยว่ามัน "น่าอับอายมากที่จะหาเงินและการโฆษณาที่ออกไปในเรื่องแบบนี้" แม้ก่อนหน้านี้ ดันแคนซึ่งเป็นตัวแทนของสถานีจะกล่าวว่า "เราไม่สามารถจะกล่าวด้วยความแน่ใจว่า คำวิจารณ์พวกนี้จะพุ่งตรงไปยังชิลปาในประเด็นเรื่องการเหยียดชนชาติ"

"เช้านี้เราได้เคลียร์กับชิลปาแล้ว และเธอก็ไม่เชื่ออย่างแน่นอนด้วยว่าตัวเธอนั้นจะได้รับการเหยียดชนชาติ เธอคิดว่ามันเป็นการวิจารณ์ในประเด็นสังคมและวัฒนธรรมมากกว่า" เขากล่าวเสริม แม้ว่าจะขัดแย้งต่อความเป็นจริงที่ว่ามีการร้องทุกข์ทางโทรศัพท์ถึงกว่า 30,000 ครั้งที่คิดว่าเชตตีกำลังถูกเหยียดหยามทางด้านเชื้อชาติจริงๆ

ผู้แข่งขันที่อยู่ในบ้านเดียวกันกับเชตตีอีก 3 คนก็ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมเหยียดสีผิวเช่นกัน โดยเฉพาะ เจด กูดดีวัย 25 ที่โด่งดังมากจากรายการนี้เองในเวอร์ชัน non-celebrity เมื่อปี 2002 ที่ได้รับการโจมตีอย่างหนักจากการวิจารณ์ของสาธารณชน

ชนวนดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ กูดดีบอกกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆอย่าง ลอยด์และโจ โอ'เมียรา ว่า เชตตีนั้น "เสแสร้ง" และ"จำเป็นต้องกลับไปอยู่ในสลัม" และย้ำว่า "กลับไปยังชุมชนของเธอซะ กลับไปหาคนเหล่านั้นที่เคารพนับถือเธอ และเลิกเสแสร้งซะที"

อดีตนางงามอย่าง ลอยด์ ก็ได้โจมตีดาราสาวจากบอลลีวูดด้วยคำพูดว่า เชตตีควรจะกลับบ้านไปซะ ทั้งยังเสริมอีกว่า "เธอไม่สามารถแม้แต่จะพูดภาษาอังกฤษได้ดีด้วยซ้ำ"

ในรายการเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เชตตีได้บอกกับเพื่อนร่วมชายคาเดียวกันอย่างคลีโอ โรโคสว่า เธอกลัวว่าเธอจะเป็นเป้าโจมตีเพราะว่าเชื้อชาติของเธอ แต่ดาราสาวบอลลีวูดนั้นก็ถอนความคิดดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา

"ฉันไม่คิดว่าเจดเหยียดเชื้อชาติฉันน่ะ แม้ท่าทีของเธอดูจะไม่เป็นมิตรกับฉันนัก แต่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติอย่างแน่นอน" เชตตีกล่าวในห้องเปิดใจของทางรายการ

เช่นเดียวกับโฆษกหญิงของกูดดีที่ได้ปฏิเสธว่าเธอไม่ได้เป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ

"มันเป็นที่แน่ชัดว่าเรื่องทั้งหมดที่เจดและชิลปานั้นกำลังยั่วโทสะซึ่งกันและกันนั้นเป็นวิธีที่ผิด แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าข้อขัดแย้งส่วนบุคคลของคนที่มีลักษณะนิสัยต่างกันสองคน" เธอกล่าว

"เจดจะรู้สึกละอายเมื่อเธอออกมาเพื่อที่จะเรียนรู้ว่าความประพฤติของเธอนั้นกำลังจะถูกตีความว่าเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งใครก็ตามที่รู้จักเจดจะรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นพวกเหยียดผิวแม้แต่น้อย"

แจ็กกี บัดเด็น แม่ของกูดดี ซึ่งก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมแข่งขันในรายการเรียลิตีโชว์นี้แต่ถูกให้ออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวว่า "เจดไม่เคยเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ ตัวเธอเองก็เป็นลูกครึ่งและต้องทนทุกข์ทรมานกับการด่าทอของพวกเหยียดเชื้อชาติเมื่อสมัยเด็กๆ"

ขณะที่ ดันแคน ของสถานทีช่อง Channel 4 กล่าวว่าพวกเขานั้นกำลังถูกตรวจตราอย่างสม่ำเสมอจากทางรายการ และผู้เข้าแข่งขันบางคนก็ถูกพูดถึงในห้องเปิดใจของ Big Brother เกี่ยวกับการวิจารณ์ของพวกเขาที่อาจจะถูกมองเห็นได้

เขากล่าวว่า "มันเป็นเรื่องที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัยที่ทางรายการนั้นจะยกประเด็นนี้ให้เกิดการอภิปรายกัน การที่ทัศนคติที่น่ารังเกียจนี้ยังมีอยู่ เราจึงจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับความจริงนั้น"

การสำนึกผิด

หลังจากกลายเป็นอดีตสมาชิกภายในบ้าน กูดีก็ได้ออกมาแสดงความเสียใจ ต่อหน้าแฟนๆ ที่ชมทางบ้านเกือบ 9 ล้านคนทางช่อง Channel 4 ซึ่งเธอได้ปฎิเสธต่อผู้สื่อข่าวของนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ว่าเธอเป็นพวกเหยียดผิวหรือเปล่า "ไม่ ฉันไม่ใช่คนเหยียดผิว, แต่ยอมรับว่าฉันได้พูดจาเหยียดผิวจริงๆ"

"ฉันไม่มองผู้คนที่สีผิวของพวกเขา หรือที่ๆ ที่เขาจากมา"

โดยเธอย้ำว่ารายได้ทั้งจากการให้สัมภาษณ์เป็นเงิน 5 หมื่นปอนด์ และรายได้จากการร่วมรายการอีก 5 หมื่นปอนด์ จะเข้าสู่องค์กรการกุศลที่ทั้งเธอและคู่กรณีอย่างเชตตีจะเป็นผู้เลือกด้วยกัน

"ฉันไม่ต้องการทำเงินจากเรื่องแบบนี้ ฉันไม่ต้องการ ฉันไม่ต้องการเงินที่ได้จากมาจากสิ่งที่ผิด ฉันจะยกทั้งหมดให้การกุศล"

สิ่งที่ทำให้เธอดูเป็นคนเหยียดเชื้อชาติมากที่สุด ได้แก่การที่เธอเรียกเชตตีด้วยชื่ออื่นๆ แทนที่จะเรียกชื่อจริงของเธอ ซึ่งเธอยอมรับต่อสื่อว่าเธอไม่รู้เลยว่าการกระทำดังกล่าวส่อให้เห็นถึงความเป็นคนเหยียดเชื้อชาติของเธอ

"ฉันไม่คิดเลยว่าการเรียกเธอว่า 'ชิลปา ป็อปปาดอม' จะเป็นการเหยียดผิว ซึ่งตอนนี้ฉันได้รู้แล้วว่าสิ่งต่างๆ ที่ฉันคิดว่าอาจจะไม่ดูเหยียดผิว จริงๆ แล้วอาจจะเป็นการเหยียดผิว มันเป็นความผิดของฉันเองที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนอื่นให้มากพอ" เธอกล่าว

หลังจากโด่งดังจากรายการ Big Brother 2002 เธอก็กลายเป็นคนดังในสังคม ที่ทำเงินไปได้กว่าล้านปอนด์แล้วจากการออกรายการโทรทัศน์, เซ็นสัญญากับนิตยสาร, ขายหนังสืออัตชีวประวัติ, ออกน้ำหอม และดีวีดีออกกำลังกายของเธอเอง

ก่อนหน้านี้ แม็กซ์ คลิฟฟอร์ด กูรูด้านการประชาสัมพันธ์ได้วิเคราะห์ว่า กูดีกำลังเผชิญหน้ากับการเรียกศรัทธาจากชื่อเสียงที่เธอสร้างไว้อย่างรุนแรง

"แต่ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่ารายการที่สร้างเธอ จะเป็นรายการเดียวกันที่จะส่งเธอลงหลุม"

ผลประโยชน์ของรายการ

แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้รายการเสียสปอนเซอร์รายใหญ่ไป แต่มันได้สร้างสถิติใหม่ของรายการด้วยจำนวนผู้ชมถึง 8.8 ล้านที่เข้ามาดูการขอโทษของกูดี ที่ยอดผู้ชมเพิ่มจาก 3.5 ล้านคนที่ชมรายการนี้ในวันจันทร์ เพิ่มเป็น 4.5 ล้านคนในวันอังคาร และเพิ่มไปถึง 5.2 ล้านคนในวันพุธ ซึ่งเป็นตัวเลขของจำนวนผู้ชมที่สูงที่สุดสำหรับรายการเรียลิตีโชว์ซีรีส์นี้ตั้งแต่เริ่มออกอากาศไป และเป็นยอดที่สูงที่สุดของช่อง Channel 4 ในปีนี้อีกด้วย

ขณะเดียวกัน Ofcom หน่วยงานที่ดูแลสื่อที่ต้องการให้ทางช่อง Channel 4 รับผิดชอบต่อการร้องทุกข์เรื่องการเหยียดสีผิวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทาง Ofcom จะตักเตือนช่อง Channel 4 เพียงสั้นๆ แต่ในขณะเดียวกัน มันเป็นความรับผิดชอบของช่อง Channel 4 ต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อตอบสนองต่อผู้ชมอย่างเป็นรูปธรรม

ซึ่งการได้อยู่ในบ้านต่อไปของเซ็ตตีนั้น ทางโฆษกของทางครอบครัวของเธอกล่าวว่า "ผลโหวตแสดงให้เห็นแล้วว่าธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ เหมือนตอนจบในหนังอินเดียยังไงยังงั้น"




กำลังโหลดความคิดเห็น