หากจะถามว่านักร้องชายของเอเชียที่มีความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักกันดีในบ้านเรา(โดยเฉพาะสาวๆ ทั้งหลาย)ในตอนนี้ เชื่อว่าคงจะหนีไม่พ้น 2 หนุ่มตี๋ อย่าง "เรน" (ชอง จี ฮุน) นักร้องหนุ่มแดนโสมที่มีความสามารถในการเต้นจนได้ฉายา "ไมเคิล แจ็คสัน" แห่งเอเชีย และอีกหนึ่งหนุ่มจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก "เจย์ โจว" (โจว เจี๋ย หลุน) หนุ่มมากความสามารถจากไต้หวันอย่างแน่นอน
สองคนนี้ถือได้ว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ที่มีทั้งความเหมือนและความต่าง
เริ่มกันที่หนุ่มเรน เจ้าตัวมีชื่อในการแสดงว่า พี(Bi) (ภาษาเกาหลีแปลว่า "ฝน" จึงถูกเรียกว่า Rain (เรน)) เกิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2525 สูง 184 cm. น้ำหนัก 74 kg. เลือดกรุ๊ป O ครอบครัวมีพ่อและน้องสาว 1 คน เข้ามาโด่งดังเป็นอย่างมากในบ้านเรา(รวมทั้งเอเชีย)จากซีรีส์เรื่อง Full House เมื่อสองปีที่ผ่านมาขณะที่หนุ่มจากไต้หวัน "เจย์ โจว" นั้นเกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2522 (ภายใต้ครอบครัวที่พ่อและแม่หย่าร้าง) สูง 173 เซนติเมตร หนัก 60 กิโลกรัม เลือดกรุ๊ปโอ เริ่มเป็นที่รู้จักในบ้านเราจากงานโฆษณาโทรศัพท์มือถือ(Panasonic) และโด่งดังมากยิ่งขึ้นด้วยการตามรอยกระแสไต้หวันฟีเวอร์จาก 4 หนุ่ม "เอฟโฟร์" เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว
ทั้งคู่แม้จะเป็นนักร้องเหมือนกันแต่ต่างกันตรงความสามารถ โดยหนุ่มเจย์ โชว์นั้นเริ่มเรียนดนตรีมาตั้งแต่เด็ก สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายชนิด ทั้งนี้ก่อนการก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องเขาเริ่มจากการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานเพลงของศิลปินทั้ง วิเวียน ชู , โจลิน ไช่ เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเกือบจะทุกเพลงที่เขาร้องนั้นล้วนแล้วแต่มาจากฝีมือของเขาเองทั้งแต่งเนื้อ ดนตรี และโปรดิวซ์ โดยว่ากันว่าผลงานของเขานั้นจะมีเอกลักษณ์ตรงที่พอฟังแล้วจะรู้ว่านี่คือเพลงของเจย์ โจว อันเนื่องมาจากการผสมผลานเครื่องดนตรีทั้งตะวันตก และตะวันออกได้อย่างลงตัว
ในส่วนของหนุ่มเรนนั้นแม้จะไม่สันทัดในเรื่องดนตรี ทว่าจุดเด่นที่สุดของเขาก็คือการเต้น โดยก่อนหน้าที่เรนจะมาเป็นนักร้องเรนเป็นผู้อยู่เบื้อหลังศิลปินเช่นกันแต่ในฐานะแดนเซอร์ เขาเป็นแดนเซอร์ให้กับศิลปินชื่อดังของเกาหลี อาทิ Park Ji Yoon และ Park Jin Young มาแล้ว ซึ่งกับงานเพลงของตนเองแม้จะไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมมากมายแต่อย่างหนึ่งที่เขาทำก็คือการคิดออกแบบท่าเต้นนั่นเอง
ไปกันที่งานภาพยนตร์ "เจย์ โจว" ผ่านการแสดงภาพยนตร์มาแล้วแต่ยังไม่เคยเล่นละคร ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาคือ Initial D ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่จาก 42nd Golden Horse Awards และ ได้รับรางวัลการแสดงจาก 25th Hong Kong Film Awards นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาที่กำลังจะเข้าฉายในบ้านเราต้นเดือนหน้าก็คือ Curse Of The Gloden Flower และอีกเรื่องที่กำลังถ่ายทำอย่าง Slam Dunk เกี่ยวกับการเล่นบาสเก็ตบอลซึ่งเป็นกีฬาที่เจ้าตัวโปรดปรานมากๆ
ในขณะที่หนุ่มเรนนั้นผ่านการเล่นละครมาโดยตลอดทั้ง Orange Sang Doo, Let' s Go To School ( คู่กับ จองยูจิน )Full House ( คู่กับ ซองเฮเคียว )ละครที่มีเรตติ้งสูงสุดในเกาหลีและดังทั่วเอเชีย และA Love To Kill ( คู่กับ ชินมินอา ) แต่เขาเพิ่งจะมีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกคือ I'm A Cyborg ,but that's OK การแสดงของเรนที่ผ่านมาเป็นที่ยอมรับพอสมควรในฐานะนักแสดงเขาได้รับรางวัล Best Actor Award จาก KBS Acting Awards จากละครเรื่อง Full House ด้วย
ทั้งเรน และเจย์ โจวไม่จัดว่าเป็นนักร้องที่มีใบหน้าที่หล่อเหลา ว่ากันถึงนิสัยส่วนตัว ดูเหมือนว่าหนุ่มเจย์ โจว นั้นค่อนข้างจะลึกลับ ซับซ้อนและโลกส่วนตัวในระดับหนึ่ง และนั่นเองที่ทำให้เจ้าตัวมักจะมีปัญหากับบรรดานักข่าวอยู่ตลอดเวลา ผิดกับหนุ่มเรนที่ยิ้มง่าย ขี้เล่น ดูเป็นมิตรซึ่งถือว่าเป็นจุดขายที่สำคัญของเจ้าตัว โดยหากจะนับจำนวนของบรรดาแฟนคลับและกระแสความคลั่งไคล้ต่อทั้งคู่แล้ว ดูเหมือนว่าสาวๆ ส่วนใหญ่ในบ้านเราจะเทใจให้คะแนนนิยมกับรอยยิ้มของหนุ่มเรนมากกว่า
เรื่องของความรักต้องบอกว่าไม่โดดเด่นมากนัก โดยในขณะที่หนุ่ม "เจย์ โจว" ต้องพบกับความล้มเหลวในเรื่องนี้ทั้งกับนักร้องสาวสวยไช่อีหลิน ตลอดจนพิธีกรสาวสวยอย่างโหวเพ่ยเฉิน ทางด้านของหนุ่มเรนเองแทบจะไม่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาถึงบ้านเราสักเท่าไหร่ที่ดูเป็นรูปธรรมมากที่สุดก็เป็นจะเป็นข่าวกุ๊กกิ๊กของเขากับนักแสดงสาว "ซองเฮเคียว" (Autumn in My Heart) ที่แสดงร่วมกันในซีรี่ส์ "Full House" นั่นเอง
ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าทั้งเรน และ เจย์ โจว นั้นเป็นศิลปินเอเชียที่ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยได้รับเลือกให้ขึ้นปกนิตยสาร TIME เหมือนกัน รวมถึงยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมกับศิลปินคนอื่นๆ ให้กับเป็ปซี่ที่รวบรวมเอาศิลปินชื่อดังไว้มากมาย นอกจากนี้ในส่วนของหนุ่มเจย์เอง ล่าสุดเขายังเป็นนักร้องเอเชียที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 1 จากการสำรวจของ "ซิโนเวท" ยักษ์ใหญ่ในการทำวิจัยตลาดระดับโลกที่ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นวัยรุ่นในเอเชียรวมทั้งสิ้นกว่าหมื่นคนอีกด้วย