xs
xsm
sm
md
lg

"ผู้พันเบิร์ด" กับอุดมการณ์ตายเพื่อชาติที่ไม่ได้อยู่แค่ในแผ่นฟิล์ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เตรียมจะประกาศศักดาให้ได้ยลกันแล้วสำหรับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวร" ผลงานการกำกับของ ท่านมุ้ย "หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล" ด้วยทุนสร้างที่สูงเป็นประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์ไทย กว่า 700 ล้านบาท

หนึ่งในนักแสดงของภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้ นอกจากบรรดาดารามากหน้าหลายตาแล้ว แน่นอนว่าผู้ที่มารับบทสำคัญเป็นจอมกษัตริย์ของไทยองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อย่าง พ.ต.วันชนะ สวัสดี หรือที่คุ้นหูกันในนาม "ผู้พันเบิร์ด" ย่อมเป็นที่น่าจับตาของใครต่อใคร? "นัดคุย" อาสาพาไปรู้จักกับตัวตนของนายทหารคนนี้ที่ใกล้จะเข้าไปจะเข้าไปอยู่ในใจของคนไทยอีกหลายคนในอีกไม่นาน

"ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะส่วนตัวผมก็อยากดูเร็วๆ เหมือนกันครับ ผมก็เห็นแค่บางส่วนสั้น ยังไม่ได้เห็นที่ใส่ซาวด์ เสียง ดนตรีประกอบก็ยังไม่ได้ดูเลย รอดูพร้อมกัน"..."ผู้พันเบิร์ด" กล่าวเริ่มต้นการสนทนา

"ผมเกร็งในตอนแรก รู้สึกว่ากลัวว่าจะทำได้ไม่ดี คนก็นับถือ และศรัทธาในตัวพระนเรศวรมากนะครับ พอถึงปัจจุบันตอนนี้เนี่ยไม่ได้รู้สึกเกร็งอะไรแล้วครับ เพราะว่าผมมาเปลี่ยนทัศนคติใหม่กับการแสดง จริงๆ แล้วเราก็แสดงเต็มที่ สิ่งที่ออกมาก็ผสมผสานระหว่างบทละครในภาพยนตร์ กับตัวผม ในส่วนของการถ่ายทอดในประวัติศาสตร์ ก็อยู่ที่วีรกรรมของท่าน เราก็แค่ตัวละครตัวหนึ่ง"

รู้สึกอย่างไรที่หลายคนบอกว่าผู้พันหน้าเหมือนท่าน รวมถึงคาแร็กเตอร์ต่างๆ?
"(หัวเราะ)...ผมรู้สึกว่าไม่อยากจะเอาตัวของผมขึ้นมาเปรียบเทียบกับพระองค์ท่าน ซึ่งมันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย ในรูปปั้นหรือในรูปถ่ายมันก็เป็นการจินตนาการของผู้ปั้น ซึ่งจริงๆ แล้วพระองค์ท่านมีหน้าตาอย่างไร เราก็ไม่ทราบ เพียงแค่เรารู้ว่าพระองค์ท่านต้องผิวดำ เพราะถูกเรียกว่าพระองค์ดำ อีกประการคือพระองค์ท่านจะต้องมีรอยแผลเป็นที่หน้าพอสมควร เพราะว่าออกรบและเมื่อก่อนมีการเป็นไข้ที่มีรอยแผลเป็น คือถ้าจับใครซักคนหนึ่งที่หน้าไทยๆ มาตัดผมโบราณแบบนี้ผมว่าหน้าก็คงคล้ายๆ น่ะครับ.. (หัวเราะ)"

ถามถึงเหตุผลที่ได้มารับบทสำคัญเช่นนี้ พระเอกหนังยศผู้พันเองยอมรับว่านั่นก็เป็นสิ่งที่ตัวเองอยากจะรู้เช่นกัน
"นี่แหละครับ เป็นสิ่งที่ผมอยากทราบว่าทำไม (จริงมั้ยที่ท่านมุ้ยถามว่าเป็นกะเทยหรือเปล่า?) ที่ท่านถามไม่ได้มองว่าผมเรียบร้อยหรอก แต่ที่ท่านถามอย่างนั้นเนี่ย คงคิดว่าการตัดสินใจหาใครซักคนหนึ่งขึ้นมา ท่านต้องเลือกว่าในชีวิตประจำวันเราต้องเป็นผู้ชายด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ ชายชาติทหาร ลองนึกภาพดูว่าถ้าผมเป็นกะเทยในชีวิตจริงจะอย่างไร ภาพยนตร์เราแอบแฝงได้ แต่ในชีวิตจริงคงไม่ได้มั้งครับ เราต้องมีชีวิตแบบผู้ชายด้วย ภาพได้แต่ชีวิตประจำวันไม่เกี่ยวข้องกับทหารเลยก็คงไม่ได้"

ออกตัวให้คะแนนการแสดงตัวเองแค่ครึ่งเดียว พร้อมยอมรับทุกครั้งที่เข้าฉากก็ยังมีอาการตื่นเต้นทุกทีไป ส่วนฉากรักไม่มีเลิฟซีนหวือหวา เป็นแค่อารมณ์โรแมนติกของฉากและบรรยากาศเท่านั้น..."เรื่องการแสดงของผม ผมว่ามันก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ นะ จากเดิม..(หัวเราะ) ถ้าเต็ม 10 ได้เท่าไหร่ ผมก็ให้ซัก 5 น่ะครับ..(หัวเราะ)"

"ผมเทียบจากความเสมอต้นเสมอปลายในการแสดงของตัวเองล่ะนะครับ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ถ่ายนาน บางวันผมก็รู้สึกว่าตัวเองเล่นวันนี้แล้วดี แต่พอกลับไปอีกสถานการณ์อื่น ฉากอื่น คำพูดบ้าง สีหน้าบ้าง มันไม่ดีเท่าวันที่เล่นผ่านมาแล้ว แบบนี้ล่ะครับ มันสู้ครั้งที่แล้วไม่ได้ ความคงที่ของการแสดง บางวันดี บางวันไม่ดี ท่านมุ้ยก็คงจะเล็งเห็นว่าเล่นได้พอระดับหนึ่งเท่านั้น"

"ฉากยากสำหรับผมถ้าเมื่อไหร่พูด เมื่อนั้นแหละเทค ..(หัวเราะ) ผมนะคือเวลาสเลทมันจะตีแอ็กชั่น มันตื่นเต้น อาการมันจะสั่น ตื่นเต้น จำบทไม่ได้ ลืมบทไปเลย บางทีก็ขอกลืนน้ำลายก่อนได้มั้ยครับแบบนี้แหละครับ คือตื่นเต้นน่ะ ..(หัวเราะ) แล้วบางทีมันก็แบบทันบ้างไม่ทันบ้าง ก็ต้องเทค มันตื่นเต้นทุกฉากน่ะ ท่านก็คงเล็งเห็นว่าคงได้เท่านี้แหละ บทที่ต้องใช้อารมณ์ อะไรที่ท่านมองว่าเราเห็นได้ง่ายๆ ก็จะต้องถ่ายก่อน ฉายก่อน แล้วคงให้เราพัฒนาในภาคต่อไปมากขึ้น"

แบบนี้ฉากรักทำอย่างไร ไม่เขินแย่เลยหรือ?
"ในส่วนของผมเนี่ย ผมก็รบอย่างเดียวเลยครับ ในความรักที่เกิดขึ้น ในเรื่องคู่กับมณีจันทร์ แต่ในส่วนของบทซึ้งบทอะไรมันยากที่จะสร้างและสื่อออกมา เนื่องจากความศรัทธาในตัวท่านที่มีมาก บางอย่างทำไม่ได้ บทตรงนั้นก็เป็นความรักของออกพระราชมนู เป็นความรักระหว่างเพื่อน จะมีในส่วนของน้องทรายกับออกพระราชมนูมากกว่า จะมีขึ้นมาบ้างเล็กน้อยก็น่าจะเป็นแบบว่าหวานแบบเรื่องของอารมณ์ คำพูด และฉากมากกว่า ดูโรแมนติก เพลงประกอบ"

"เล่นกับน้องแอ๊ฟ (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ)น้องเขาก็เป็นคนที่บุคลิกเรียบร้อยมากๆ คาแร็กเตอร์ที่ท่านมุ้ยเลือกมา ถือว่าเหมาะมากๆ กับบทนี้ มณีจันทร์มีเชื้อสายมอญ ผิวสวย ในประวัติศาสตร์มณีจันทร์จะต้องขึ้นเป็นมเหสี เรียบร้อยทั้งตัวจริงและในภาพยนตร์ด้วย ในเรื่องมีคนสวยเยอะแยะมากมาย แต่น้องแอ๊ฟเหมาะมากกับบทนี้มาก ทราย(อินทิรา เจริญปุระ)ก็เหมาะกับบู๊ แอ๊กชั่น ซึ่งแอ๊ฟก็มีบู๊นะ ฟันดาบเขาก็ต้องเรียน"

แม้จะเป็นหนังที่ฟอร์มใหญ่และได้รับบทที่สำคัญ ทว่าเจ้าตัวก็ไม่หวังถึงเรื่องรายได้ หรือแม้กระทั่งผลงานที่จะตามมา ขอแค่สื่อออกไปแล้วให้คนที่ได้รับรู้เกิดความรักและหวงแหนแผ่นดินเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว..."ผมไม่อยากคาดหวังเลย ถ้าถามจริงๆ ก็ตอบแบบนี้นะ คนดูจะชอบหรือไม่ชอบ สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้คือภาพยนตร์เรื่องนี้ดูแล้วนำไปเป็นข้อคิด มีความรักในแผ่นดินมากขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาในช่วงที่บ้านเมืองกำลังต้องการกำลังใจกับคนดู ให้ช่วยกันสร้างความดีเพื่อบ้านเพื่อเมือง ผมว่าทีมงานทุกคนรวมทั้งตัวผมก็จะรู้สึกดีใจและภาคภูมิใจแล้ว"

ย้อนกลับไปถึงเหตุผลของการเข้ามาทำหน้าที่รับใช้ชาติผู้พันเบิร์ดบอกว่าเป็นเพราะความมุ่งหวังของผู้เป็นพ่อที่เป็นรั้วของชาตินั่นเอง..."การเป็นทหารมันคือจุดมุ่งหวังของพ่อเลยครับ พ่ออยากให้เป็นทหารมากๆ เพราะพ่อเป็นทหาร พ่ออยากให้ผมมารับช่วงต่อ และอยากให้ได้ดีกว่าที่พ่อเคยเป็น ตอนสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยได้ พ่อก็ดีใจแล้ว"

"แต่มาถึงตรงนี้พ่อก็คงดีใจและอยากเราเป็นกำลังที่ดีของกองทัพ เป็นลูกน้องที่ดีของผู้บังคับบัญชา ครั้งหนึ่งพ่อเป็นทหาร เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เจอมาทั้งดีและไม่ดีหลายๆ อย่าง เพราะฉะนั้นพ่อคงจะอยากให้เราได้ดี ซึ่งน้องชายไม่ได้เป็นทหารครับ แต่รับใช้ชาติด้านกีฬาเพราะเขาเป็นนักกีฬากรีฑาทีมชาติ น้องชายเขาเล่นมาหลายปีแล้วซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ เขาไปตลอด"

"ผมมีพ่อกับน้องชายน่ะครับ แม่เสียแล้ว ผมเองเนี่ยเดาใจพ่อไม่ถูกว่าพ่อชอบมั้ย...(หัวเราะ) เพราะพ่อเขานิ่งมาก ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยแสดงอะไรให้เรารู้ ไม่พูดไม่จาเท่าไหร่ แต่คิดว่าพ่อน่าจะรู้สึกภูมิใจ แต่คิดว่าพ่อก็คงจะภาคภูมิใจที่ลูกชายจบโรงเรียนนายร้อย แล้วครั้งหนึ่งในชีวิตเขาก็เข้ามาในวงการบันเทิง รับบทเป็นสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทย ทหาร นับถือ สักการะบูชา เป็นงานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ด้วย เวลาคุยกันพ่อจะบอกว่าอยากให้ตั้งใจทำให้ดีที่สุด"

จากคนธรรมดา เป็นทหารปกติ เริ่มมีชื่อเสียง ถึงตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?
"ในส่วนตรงนี้ผมก็ยังไม่รู้สึกอะไร ผมก็ยังรู้สึกตลอดว่า ผมก็ยังคงเป็นทหารเหมือนเดิม อนาคตข้างหน้า ผมก็วางแผนเกี่ยวกับชีวิตตัวเองด้านการทหารอยู่แล้ว ตรงที่มาทำนี่เหมือนหน้าที่ ที่กองทัพส่งมาทำซึ่งเหนือกว่าหน้าที่ธรรมดา ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้รัฐบาลขอความช่วยเหลือจากทางกองทัพ ทั้งนักแสดงประกอบ และพวกผมที่เป็นทหารมาเล่น กองทัพก็ให้ความร่วมมือ อนุมัติอย่างดีครับ"

"จริงๆ แล้วถามผมนะ ผมสนใจงานหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นละคร หนัง หรืออะไรก็ตาม แต่ในความรู้สึกของผมคือความสามารถของผมในการแสดงมันยังไม่ดีพอ จริงนะครับ ไม่ได้ถ่อมตัว โดยเฉพาะละครเนี่ยคงยาก เพราแค่หนังถ่ายทีละขั้นๆ ผมยังยากเลยน่ะ..(หัวเราะ) แย่แน่ล่ะครับเล่นละคร ผมมีข้อจำกัดอยู่มากน่ะครับ เรื่องของการทำงานด้วย"

"เพราะผมต้องกลับไปเป็นทหารเหมือนเดิม ปีหน้านี่ผมต้องเข้าไปศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ซึ่งจริงๆแล้วตรงนั้นมีความสำคัญกับการดำเนินชีวิตของผมมากๆ มันมีหน้าที่ที่มากกว่า คือในวงการบันเทิงก็ถือว่าทำงานแล้วได้รับใช้สังคมนะครับ ตอบแทนสังคม แต่ผมที่จะตอบแทนบุญคุณแผ่นดินด้วยการที่ผมกลับไปเป็นทหาร ไปรับใช้ชาติมากกว่า"

จะว่าไปแล้วก็ถือเป็นเรื่องบังเอิญที่ชวนให้น่าสนใจทีเดียวกับเหตุการณ์ในอดีตในการกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระนเรศวรฯ กับห้วงเวลาของสังคมไทย ณ เวลานี้ที่มีทหารออกมาทำการปฏิวัติรัฐบาล "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ที่มากไปด้วยการคอร์รัปชั่นและปัญหาอื่นๆ มากมาย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เหมือนกับการ "กู้ชาติ" อย่างหนึ่ง

"ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนเนี่ยทหารจะมีอุดมการณ์เดียวกัน ผมถือว่าการเป็นทหารของผมไม่ใช่อาชีพ ถือว่าการเป็นทหารของผมเนี่ย มันคือวิถีชีวิต คือการดำเนินชีวิตและดำเนินไปวนวิถีทหาร อุดมการณ์ก็จะไม่เคยเปลี่ยน อุดมการณ์ของทหารคือยอมตายได้เพื่อชาติ อาชีพอื่นก็ยอมตายได้เหมือนกัน แต่เราคือส่วนแรกที่จะสละชีพเพื่อชาติ"

"เหมือนในคำขวัญของเราที่มีท่อนหนึ่งว่าจะรบจนสุดใจขาดดิ้น แล้วผมก็นั่งคิดว่านอกจากสุดใจแล้วยังขาดดิ้นอีกนะ ถ้าคนคนนั้นมีชีวิตได้ถึงสองครั้ง เขาก็จะฟื้นขึ้นมาอีกเพื่อรบอีก ตามความหมายมันคือแบบนั้น"

ถ้าวันนี้ไม่ได้เล่นหนัง ผู้พันจะทำอะไรอยู่?
"เช้าก็ตื่นออกกำลังกาย แล้วก็ไปทำงาน ทำงานถึงเย็นก็กลับมาออกกำลังกาย แล้วก็กลับบ้าน ไม่มีอะไรทำแล้วราบเรียบมาก..(หัวเราะ) ชอบเล่นกีฬาแล้วก็ทำงานมากกว่าน่ะครับ"

"ไม่เคยคิดเลย คงจะไม่ได้สัมผัสเลย ผมดูหนังปกติดูเพื่อความบันเทิง เรื่องจะเข้ามาไม่เคยเลย ปกติเล่นละคร ร่วมกิจกรรมอย่างอื่นไม่เคยมาก่อน แต่เคยเป็นพิธีกรในงานต่างๆ ของกองทัพน่ะครับ ติดต่อหน่วยงานอะไรแบบนั้นเสียมากกว่าเพราะจะมีฝ่ายกิจการฝ่ายพลเรือนอยู่ เวลามีบรรยายพิเศษจากหน่วยงานอื่นเชิญมา ผมก็ไปเหมือนกัน"

เห็นมาดนิ่งทั้งในหนังและชีวิตจริง แต่ผู้พันก็แอบมีมุมหวานกับแฟนสาวบ้างเหมือนกัน แถมการคบกันของทั้งสอง(ที่กำลังจะมีข่าวในเร็ววันนี้)ก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย..."เจอกับปาล์ม (แฟนสาว) วันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้างนะครับ ผมไม่ค่อยหวานนะครับ"

"คือผมแอบชอบเขาตอน ป.4 เราก็ไม่เคยเจอกันอีก เป็น 10 ปีน่ะครับ ไม่ได้รู้สึกว่ารอคอย หรือต้องเจอกันอีกแต่บังเอิญว่าเรารู้จักพี่ชายเขา เล่นเทนนิสอยู่ด้วยกัน ก็มีวันหนึ่ง เราไม่อยากปล่อยโอกาสไปแล้ว เราเลยถามพี่ชายเขาว่าน้องปาล์ม มีแฟนหรือยังครับ เขาตอบกลับมาว่า ยัง ตอนนี้อยู่กรุงเทพ อยู่คนเดียวแหละ ผมก็เลยรู้สึกว่ากลัวว่าเขาจะมีแฟนแล้วถ้าผมช้าไปกว่านี้ พอรู้ว่าโสดปั๊บ รีบเลย ความจริงขี้อายนะ แต่เรื่องบางเรื่องมันไม่ควรอายแล้วไง..(หัวเราะ)"

"เราเคยชอบเขาไง ภาพตอนเด็กๆ มันก็มีอยู่ในใจ แต่ไม่เคยเจอกันนะ ตอนเด็กๆ น่ารักไง ก็ยอมรับว่าเสี่ยง เพราะอยู่มาป่านนี้พี่ชายเขาบอกไม่มีแฟนอีก เรายิ่งอยากรู้ใหญ่เลยว่าทำไม เราเลยเสี่ยงครับ นัดเจอเลย..(หัวเราะ) ผมเอาดอกไม้ไปช่อเบ้อเร่อเลย เขาก็ไม่กล้าให้ไปเจอบนที่ทำงาน เขากลัว อาย ก็นัดเจอกันที่ลานจอดรถของที่ทำงาน"

"ก็เสี่ยงนะครับ ใจคิดว่าไม่น่ารัก เราก็เป็นเพื่อนกันไป.(หัวเราะ) ดอกไม้เอาเก็บไว้ก่อน พอเห็นเขาเดินมา หุ่นเดิมเขาผอมๆ สูงๆ อยู่แล้ว เขาเดินมาผมจำได้ว่าเป็นเขานั่นแหละ เขาไม่เปลี่ยนนะ เขาก็เหมือนเดิม เท่านั้นแหละ ดอกไม้ก็ถึงเขาเลย ตอนนี้คบมา 4 ปีแล้วครับ ห่างกัน 2 ปี ผมไม่รู้ว่าน่ารักของผมจะน่ารักสำหรับคนอื่นมั้ยล่ะนะครับ ผมชอบผู้หญิงคล่องแคล่ว ออกแนวเป็นนักกีฬา จะอ้วนผอมดำขาว ไม่รู้สึกนะ ให้เขาสมส่วนของเขาเองก็โอเคแล้ว"

แฟนหึงมั้ย โดยเฉพาะที่เราเข้ามาในวงการบันเทิงและมีแนวโน้มที่จะเป็นคนดังเช่นนี้?
"ผมไม่เคยถามว่าหึงมั้ยล่ะนะ ไม่อยากถาม เพราะว่าผมรู้คำตอบ ...(หัวเราะ)ว่าจะออกมาอย่างไร มันคงเหมือนกันทุกคนน่ะ ผมไม่ต้องการให้เขาบอกว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่ผมรู้นะว่าเขาคิดอะไร...(หัวเราะ) เราก็บอกว่าเราทำอะไร ภาคภูมิใจอย่างไร บอกให้เขาเนี่ยภาคภูมิใจไปกับผม เพราเขาอยุ่ในเหตุการณ์ตลอดว่าเราทำอะไรบ้าง เพราฉะนั้นเขาจะต้องรู้สึกสบายใจขึ้น"

"โครงการแต่ง จริงๆ วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ แต่พอเข้ามาเล่นภาพยนตร์แล้วมันยาวมาน่ะครับ ก็เลยเอาไว้ก่อน เอาไว้กลับไปตัดผมปกติ ทรงนี้ต้องไว้อีกเมื่อไหร่ยังไม่รู้ เพราะต้องถ่ายทำต่อ ทำอะไรปกติก่อนค่อยว่ากันใหม่"

พอทราบมั้ยว่าผู้พันเป็นที่ชื่นชอบของสาวแท้ สาวเทียมเยอะมากๆ?
"เขาน่าจะประทับใจในบทบาทของผมมากกว่า ทำให้ตัวเราน่าสนใจ ผมเชื่อว่าเป็นใครก็แล้วแต่มารับบทตรงนี้ ก็น่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีแบบนี้เหมือนกัน ใครก็รอเป็นกำลังใจให้ ผมโชคดีมากกว่าที่ได้รับบทนี้"

ก่อนที่จะจบการสัมภาษณ์ ผู้พันเบิร์ดฝากถึงเยาวชนให้มีจิตใจแข็งแกร่ง และมีเป้าหมายในชีวิต หาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจแล้วดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ยังไม่นิ่งเช่นนี้..."สิ่งที่ผมได้มาคือได้มาจากที่โรงเรียน เขามอบให้ผมมา แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญเลยคือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ สำคัญที่สุดคือกำลังใจ ถ้าคนมีสิ่งยึดเหนี่ยว ยึดมั่น ถือมั่น ทุกคนจะพร้อมทำทุกอย่าง ทุกวันนี้เด็กไม่มีกำลังใจ ไม่มุ่งมั่นพอถึงยังทำไม่ได้ ผมเองสิ่งยึดเหนี่ยวของผมคือมีคำขวัญประจำตัวผมเองที่ท่องขึ้นใจว่าทำเพื่อสิ่งใด..."

"ผมขอรับใช้ชาติจนตัวตายครับ ใต้พระยุคลบาทครับ รับใช้แผ่นดิน นี่คืออุดมการณ์ของผมเมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจน เมื่อท้อก็จะนึกถึงสิ่งยึดเหนี่ยวใจของเรา เราจะได้เดินต่อไปได้"
กำลังโหลดความคิดเห็น