โดนวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นไปในด้านลบอย่างหนักเลยทีเดียวสำหรับรายการ "ชิงร้อย ชิงร้อยล้าน" เทปพิเศษต้อนรับปีใหม่ "ชิงร้อย ชิงร้อยล้าน กับทรูมูฟและทรูมันนี่" ที่มีการบันทึกเทปช่วงเย็นและออกอากาศในช่วงดึกของวันวานที่ผ่านมา(3) ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 จากการจับมือกันของบ.เวิร์คพ้อยท์ฯ และบริษัททรู คอร์ปอเรชั่นฯ
โดยรายการ "ชิงร้อย ชิงล้าน" เทปพิเศษที่ว่านี้ ถือได้ว่าเป็นการตอบแทนให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิกของผู้ใช้โทรศัพท์ในระบบทรูมูฟ โดยจะทำการการคัดเลือกผู้เข้าร่วมแข่งขันจากสมาชิกผู้โชคดีเข้ามาในรอบแรกทั้งสิ้น 100 คน จากนั้นให้แต่ละคนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ทางทรูมูฟมอบให้โทรเข้าไปยังหมายเลขที่กำหนดเพื่อตอบคำถามจำนวน 7 ข้อ ซึ่งผู้ที่ตอบได้เร็วที่สุดจะได้เป็นผู้เข้ารอบเข้าไปร่วมชิงเงินรางวัลจำนวนถึง 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ผู้โชคดีที่ได้เข้าไปร่วมชิงเงินรางวัลจำนวนมหาศาลดังกล่าวก็คือหนุ่มวัย 27 จากจังหวัดสงขลา “กิตติศักดิ์ นิลเพ็ชร” ทว่าเจ้าตัวไม่สามารถกดเลือกตัวเลขเปิดเซฟจำนวน 3 หลักได้ตรงกับเลขแจ็กพ็อตที่ถูกกำหนดไว้ภายในระยะเวลา 60 วินาที จึงได้รับเงินรางวัลจากทางรายการไปเพียง 1 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่เทปรายการดังกล่าวออกอากาศไปได้ไม่นาน ก็ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้ที่ได้รับชมรายการซึ่งได้แสดงผ่านเว็บบอร์ดตามเว็บไซต์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าเหมือนถูกหลอกให้ดูรายการ เนื่องจากก่อนหน้าที่จะมีการออกอากาศนั้น ได้มีการโฆษณาที่ชวนให้ผู้รับสารเข้าใจไปในลักษณะทำนองที่ว่า การแข่งขันในครั้งนี้จะต้องมีผู้ชนะเลิศที่ได้รับรางวัล 100 ล้านบาทซึ่งถือได้ว่าเป็นรายการเกมโชว์ทางทีวีที่มีการแจกเงินรางวัลสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของบ้านเรา
นอกจากนี้หลายคนยังบอกด้วยว่ามีความรู้สึกว่าผู้เข้าแข่งขันนั้นถูกทางรายการและบ.ทรูมูฟแหกตา! ถูกหลอกให้โฆษณาแบรนด์ เนื่องจากตามข้อบังคับที่ให้เดาตัวเลข 3 หลัก(จริงๆ คือ 4 หลัก แต่ทางรายการทำเป็นไปในลักษณะที่ว่าช่วยเฉลยตัวเลขในหลักพันให้หนึ่งหลัก) เรียกว่าแทบจะปิดประตูที่เงินแจ็กพ็อตจะมีโอกาสแตกเลยก็ว่าได้ ขณะที่บางส่วนเองยังตั้งข้อสงสัยด้วยว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายในเรื่องของการพนันหรือเปล่า?
"ถ้าคิดว่ามันเป็นการตอบแทนให้สมาชิกเขา มันเป็นโชคดีของสมาชิกที่อยู่ดีๆ ก็ถูกสุ่มให้ได้เข้ามาแข่งมาเอาเงิน อย่างน้อยๆ ก็ 1 ล้านบาทมันก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าจะมองไปในเบื้องต้นก่อนที่จะเอาคนเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายที่เขาจะต้องแข่งกับคนอื่นอีก 99 คน หรือมองไปยังเริ่มต้นของการคัดเลือกคน 100 คนซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า คนที่มิสิทธิ์ถูกเลือกมากกว่าคนอื่นก็คือคนที่ใช้บริการจากทรูมูฟ คือจะเติมเงิน หรือจะอะไรก็แล้วแต่มากกว่าคนอื่นโดยมีเงินรางวัลมหาศาลขนาดนี้มาล่อ แบบนี้ผมไม่รู้ว่ามันจะเข้าข่ายการพนันหรือเปล่า มันเป็นเรื่องของการเสี่ยงโชคหรือเปล่า"
เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในส่วนของช่อง 7 ผู้สื่อข่าวได้รับการอธิบายจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ในรายละเอียดต่างๆ ที่แท้จริงคงจะต้องให้ไปถามทางรายการเอง เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวทางสถานีแบ่งให้เวิร์คพ้อยท์เช่าไปผลิตรายการพร้อมบอกด้วยว่าที่ผ่านมาไม่ว่ารายการใดก็ตามหากจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การแจกทอง จับฉลากชิงโชค ก็จะต้องบอกกับทางช่องก่อน เพราะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางกฏหมายอยู่
ขณะที่แหล่งข่าวคนหนึ่งของบ.เวิร์คพ้อยท์ฯ เองเผยว่า ก่อนหน้านี้ในการแถลงข่าวจัดกิจกรรมที่ว่า ทางผู้บริหารและพิธีกรของรายการ "ตา ปัญญา นิรันดร์กุล" เคยพูดถึงรางวัล 100 ล้านบาทไปแล้วว่าต้องมีการเข้าไป "ลุ้น" รางวัลไม่ได้หมายความว่าจะได้ 100 ล้านบาทไปครอง ทว่าทางด้านสปอนเซอร์นั้นขอให้ตัดคำว่าลุ้นออกในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ คาดคนอาจเข้าใจผิดว่าทางบริษัทจะแจกจริง
“คืออยากชี้แจงเท่าที่จะตอบได้น่ะค่ะว่าหลายคนอาจเข้าใจว่า อือ..ทำไมแจ็กพ็อตไม่แตก สำหรับข้อมูลที่สื่อมวลชนได้นั้นเดิมมันมีคำว่าลุ้นนะคะ แต่ทางทรูมูฟขอให้ตัดคำว่าลุ้นออกเพราะว่าเคมเปญจริงๆ เหลือชิงล้าน ชิงร้อยล้าน แต่ว่าข่าวที่เราส่งไปเราก็เคลียร์นะคะ ทางพี่ตาเองก็ได้มีการตอบข้อซักถามสื่อมวลชนไปแล้วในเบื้องต้นวันแถลงข่าวว่า 1 ล้านเนี่ยได้ แน่ๆ แต่ 100 ล้านต้องลุ้น ซึ่งค่อนข้างชัดเจน”
"กติกาที่เราบอกแต่แรกคิดว่าก็ชัดเจนนะคะ ว่าต้องลุ้น แต่เข้าใจว่าคนที่เขาดูรายการของเราอาจจะคิดว่ามีการแจกจริง เพราะว่าปกติทางเวิร์คพ้อยท์เองก็แจกเยอะใช่มั้ยคะ แต่ก็คิดอยู่ว่าอาจจะมีคนที่ไม่เข้าใจบ้าง อาจจะคิดในทางว่าทำไมไม่แตก”
สอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคก็ได้รับคำอธิบายว่า การใช้คำในการเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างกรณีของการตัดคำว่า "ลุ้น" ออกมาในครั้งนี้ถ้าจะมีการเอาผิดหรือฟ้องร้องกันจริงๆ ก็คงจะต้องไปดูกันอีกทีว่ามีรายละเอียดอื่นๆ เข้ามาประกอบด้วยหรือไม่ และทางเจ้าของกิจกรรมเองมีเจตนาที่จะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดไปในทิศทางใด รวมถึงเป็นการโฆษณาเกินจริงหรือเปล่า? ส่วนในเรื่องที่จะมองว่ากิจกรรมใดๆ จะเข้าข่ายของการพนันหรือไม่นั้นก็ต้องดูว่าผู้บริโภคมีกิจกรรมอะไรที่ดูเป็นการส่งสลากหรือเสี่ยงโชคในสิ่งของหรือเงินหรือไม่ ซึ่งในการกระทำแต่ละครั้งทางผู้จัดเองก็จะต้องมีการขออนุญาตก่อน
สำหรับในส่วนของยูบีซีเอง ที่ผ่านมาก็เคยเจอกรณีตรวจสอบและโดนร้องเรียนต่อสคบ.มาแล้วจากผู้ชมรายการอะคาเดมี แฟนเทเชียซีซั่น 2 ในเรื่องของการเพิ่มให้มีการส่งเอสเอ็มเอสกรณีการเปิดให้มีการโหวตนักล่าฝันที่ออกไปแล้วกลับเข้าสู่การแข่งขันอีกครั้ง จนถึงซีซั่นล่าสุดที่ผ่านมาก็มีการนำเอากลยุทธ์การตลาดโดยโฆษณาว่าโหวตฟรี! หากแต่มีข้อแม้ว่าผู้ใช้บริการต้องมีเสียเงินเติมสตางค์ก่อนแล้วถึงจะได้ค่าโทรฟรีคืนซึ่งทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมาย