กลายเป็นพระเอกแบดบอยคนล่าสุดประจำวงการไปเสียแล้วสำหรับพระเอกหนุ่ม "ชาคริต แย้มนาม" หลังจากมีข่าวรักๆ เลิกๆ กับสาวๆ มากมาย
แม้อาจจะไม่ใช่คำตอบของที่มาในพฤติกรรมทั้งหมดที่เป็นอยู่เกี่ยวกับเรื่องของความรักของผู้ชายคนนี้ แต่ "ปม" ในวัยเด็กที่ถูกผู้เป็นบิดาทิ้งไปตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขายังเป็นทารกอยู่ในครรภ์มารดาก็เป็นสิ่งที่เจ้าตัวยอมรับว่าคือแรงกดดันอย่างหนึ่งที่ทำให้ตนเองอยากจะลบภาพของความไม่สมบูรณ์ออกไปด้วยการที่มีครอบครัวที่ดีๆ
นั่นเองที่ในบางครั้งก็นำมาซึ่งในสิ่งที่ตนเองก็ไม่อยากจะให้เกิด และยิ่งเจ้าตัวตั้งความหวังกับมันมากเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าความจริงก็ยิ่งห่างไกลออกไปเท่านั้น
"เพราะผมอยากมีครอบครัวไง ผมอยากจะแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อผมทำไว้ ผมอยากจะมีครอบครัวแล้วทำให้เห็นว่ากูไม่ได้ทอดทิ้งนะ ผมเร่ง ผมผิดตรงนั้น แต่พอสิ่งที่ผมทำ ผมโดนพวกคุณด่า แต่จะให้ผมมานั่งพูดประจาน มานั่งบอกว่าพ่อกูเป็นยังไงเหรอ แต่วันนี้ผมต้องพูด เพราะสุดท้ายคนที่เจ็บคือคนที่เลี้ยงผมมา 28 ปีเต็ม"
นักแสดงหนุ่มเปิดใจว่าหากที่ผ่านมาสิ่งที่ตนเองทำแล้วหลายคนมองว่าผิด มองว่าพลาด มองว่าตนเป็นคนเลว ก็ขอให้เวรรกรรมหรือคำด่าทั้งหมดนั้นอยู่ที่ตัวของตนเพียงคนเดียวอย่าได้ก้าวก่ายไปถึงผู้แม่ที่เจ้าตัวบอกว่าตนพร้อมที่จะเป็นฆาตกรได้ทันทีหากมีใครทำให้ผู้มีคุณคนนี้ต้องเสียน้ำตา
"ผมเคยพูดไว้คำหนึ่งว่าจะเหยียบหัวผมเท่าไร ไม่เป็นไร เพราะด้วยความเป็นนักแสดง คนเป็นนักแสดงมันคือเอ็นเตอร์ เทนเม้นท์ เราเป็นโปรดักส์ ในกฎหมายผมไม่ใช่คนนะ คือเราเป็นสินค้าถูกไหม...แต่บุพการีเราคืออย่าโดน ผมใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงผมฆ่าคนได้นะ ถ้ามีใครทำให้แม่ผมต้องน้ำตาร่วงเนี่ย ผมขอร้อง"
"คือทำอะไรปุ๊บ ด่าในเชิงของความเป็นนักแสดง เลยกลายเป็นการแซวกันว่า เออ คุณขายได้เราไม่เจ็บ เราไม่เสียอนาคต เพราะผมเองก็ตั้งใจสำหรับงานนี้มาก แต่ขอร้องอย่าทำร้ายแม่ผม เพราะผมมีแม่คนเดียว พ่อผมไม่มี แล้วถ้าแม่ผมไม่มีคือผมก็เจ็บ แล้วผมเหนื่อยมาก แต่ก่อนนี้ผมไม่พูด แต่วันนี้ขอพูด"
"พ่อผมทิ้งแม่ผมไป 7 วันก่อนที่แม่ผมจะคลอดผม คุณคิดว่าผมอยากเป็นเหมือนพ่อผมไหม ผมถามแค่นี้ แม่ผมเลี้ยงตั้งแต่เด็กจนโต 28 ปีนี้แม่ผมเลี้ยงตลอด"
หลายครั้งที่มีข่าวขึ้นมานักแสดงหนุ่มยอมรับว่าแม้กระทั่งคนที่เป็นญาติๆ เองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจในความรู้สึกของเขา และนั่นเองที่มันทำให้เจ้าตัวรู้สึกแย่มากๆ..."เพราะฉะนั้นผมบอกได้เลยนะว่า ขอโทษนะ แต่ว่า เฮ้ย มันไม่ไหวแล้วเพราะไม่สามารถมีใครมาแทนความเจ็บปวดตรงนี้ของผม ผมเคยไปแซงคิวใครไหม ผมเคยไปใช้อำนาจในการเป็นนักแสดงกับใครไหม"
"ทุกคนถามผม ผมก็บอกว่าผมคือมนุษย์ธรรมดาหนึ่งคน แต่สิ่งที่ผมรักที่สุดและผมก็ทำให้เกินร้อยตลอดเวลา แต่มันกลับทำให้แม่ผมต้องน้ำตาร่วงทุกวัน ผมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม แต่ตอนนี้ก็เริ่มหัวเราะกันได้แล้ว"
"แต่แรกๆ คือ พี่เคยกลับไปบ้านแล้ว ครอบครัวไม่เข้าใจไหม มีปัญหากับแม่ตัวเอง แล้วอยู่ดีๆ น้าก็พูดขึ้นมาว่า มึงเล่นละครอยู่หรือเปล่าเวลาร้องไห้เพราะว่าญาติๆ ไม่มีใครพร้อมจะเข้าใจ เพราะนึกว่าเราเล่นละครอยู่ตลอดเวลา ถ้าพวกพี่ไปเจอความรู้สึกแบบนั้นบ้าง แล้วพี่จะเข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง"
"แล้วผมขอจบแค่นี้ จริงๆ แล้วผมพูดกับพี่ตรงๆ แบบนี้ เล่าทุกอย่างให้ฟัง บอกเรื่องส่วนตัวของผม ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกพี่ไม่เคยแตะผมได้เลย ผมคงบอกได้แค่นี้ เพราะนอกจากนี้ผมคงต้องโดนนายผมด่าแน่ๆ แต่ผมต้องพูดให้คนเข้าใจผมบ้าง เพราะผมเป็นดาราหนึ่งคนที่โดนหนักที่สุด หนักกว่าชาวบ้านเขามาก ถ้าเทียบกับระยะเวลาที่ผมเริ่มแสดง"
กับกรณีการเลิกรากับนางเอกสาว "จั๊กจั่น" ที่ดูจะเป็นเรื่องราวค่อนข้างจะใหญ่โตนั้น หนุ่มชาคริตบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตนเองพร้อมที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ตามมา และหากต้องหันกลับมาร่วมงานกันตนก็พร้อมเสมอเพียงแต่อีกฝ่ายจะพร้อมหรือเปล่า?
"ก็เมื่อเขาพร้อมนะครับ ผมก็พร้อมตลอดอยู่แล้วเพราะผมก็ต้องทำงาน ก็คงต้องมีเกี่ยวกันตลอดอยู่ ถ้าถามว่าคุยหรือเปล่า เดี๋ยวตอบไปมันจะเป็นเรื่องสิทธิสตรีอีก คงไม่ไหว เรื่องปรับความเข้าใจคงไม่มี มันเป็นเรื่องของการตัดสินใจ เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่อยู่ด้วยกัน เป็นเรื่องธรรมดามากกว่า"
"เรื่องกลับมาร่วมงานกัน ตอนนี้ยังไม่มี รู้สึกว่าตอนนี้เขายังไม่มีโปรเจ็กต์นะครับ แต่ถ้ามีโปรเจ็กต์มา ด้วยหน้าที่ของนักแสดงผมไม่เป็นไรอยู่แล้ว คือมันไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ แต่พวกพี่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่"
"ผมเคยพูดไว้แล้วตั้งแต่วันแรกว่ายังไงก็แล้วแต่การตัดสินใจของเขาคือสิ่งที่ผมต้องให้เกียรติ เพราะถึงยังไงเราก็ต้องโทษตัวเองก่อน เพราะเราไม่สามารถให้สิ่งที่เขาต้องการได้ นั่นคือสิ่งที่ผมพูดในวันแรก และนี่คือครั้งที่สองที่ผมพูดคำนี้อีก แล้วถ้าเรารักเขา เราก็ต้องการให้เขามีความสุข จบ"
ปฏิเสธเรื่องคลิปวิดีโอว่าถ้ามีจริงคงเจอไปนานแล้ว..."ไอ้เรื่องคลิปวิดีโออะไรนั่น มันก็ไม่มีไง ผมมีเพื่อนที่มีวิดีโอคลิปที่เยอะที่สุดในโลก ก็หาตลอดเหมือนกันนะ เป็นเวลาสองเดือนแล้ว คือผมรู้ ผมเชื่อว่าพวกพี่ทุกคนไม่มีใครอยากทำหรอก ถ้าพวกพี่ทุกคนไม่มีงานกลับไปให้บริษัทได้พวกพี่ก็ตายเหมือนกัน แล้วผมเคยเดินหนีพวกพี่ไหม เวลาพี่มาคุย ผมยังไงก็ได้ ถามอะไรผมก็ตอบ"
"ทำให้พวกคุณหัวเราะ ทำให้พวกคุณร้องไห้ ทำให้พวกคุณเกลียดผม ทำให้พวกคุณรักผม แต่ถามไปปั๊บ พอคุณกลับไปบ้านพวกคุณตื่นนอนมาตอนเช้าผมทำให้ชีวิตพวกคุณดีขึ้นหรือแย่ลงไหม ก็ไม่ แต่ผมก็เข้าใจ แล้วไม่ใช่แค่นักแสดงในเมืองไทย คือทั่วโลกมันเป็นเหมือนกันหมด"
พร้อมแจงอย่างมีอารมณ์ขึ้นมึงกูกรณีที่มีข่าวออกมาในทำนองที่ว่าตนเองออกมาแฉทำลายฝ่ายหญิงว่า ที่ผ่านมาฝ่ายหญิงหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ด้วย, มีการใช้ชีวิตอยู่บ้านเดียวกัน ฯ ซึ่งเป็นลักษณะของการประณามว่า ทั้งหมดนั้นมาจากคำว่า "ครับ" เพียงคำเดียว...
"เรื่องที่นอนอยู่บ้านเดียวกันขอพูดเลย ไม่ได้อยากด่านะพี่แต่ทำไมถึงทำร้ายคนๆ หนึ่งแบบนี้ พวกพี่ถามผมเองว่า ตกลงอยู่ด้วยกันเหรอ ผมตอบคำเดียวว่า ครับ แล้วผมยังยืนให้พวกพี่สัมภาษณ์อยู่อย่างนี้ ผมควรจะรู้สึกแฮปปี้มากเลยนะ"
"แต่ผมก็โอเคคนเราร่วมด้วยช่วยกัน พี่มีหนังสือพิมพ์โทรมาถามผม อยากสัมภาษณ์ จะทำสองหน้า สามหน้า อยากสัมภาษณ์ผมเห็นโดนโจมตีจังเลย อยากให้พูดบ้าง แต่ผมพูดคำเดียวแล้วพวกพี่เข้าใจไหมหล่ะเข้าใจผมไหม ทุกคนพูดว่าเข้าใจหมด ด้วยหน้าที่ผมเข้าใจ"
"แต่ผมก็มนุษย์คนหนึ่งนะ ผมไม่ใช่เทวดา ลองผิดลองถูกมันมีหมด คือผมเหนื่อยแล้วกับการที่ผมต้องตื่นมาเห็นแม่ผม ร้องไห้ ผมบอกพวกพี่ว่าผมเหนื่อยนะ ผมเจ็บเป็นเหมือนกัน ด้วยความเป็นผู้ชายปั๊บจะให้ผู้หญิงเขาโดนด่าเหรอ"
น้อยใจหรือไม่ที่ถูกมองว่าเป็นคนเลวคนหนึ่ง?
"ผมไม่น้อยใจหรอกครับ จรรยาบรรณมากกว่า ผมต้องขอบคุณสิ่งต่างๆ ในชีวิตที่ผ่านมา ผมขอบคุณที่ทำให้ผมแข็งแรงขึ้น ทำให้ผมไม่ต้องมานั่งกรีดข้อมือตัวเองแล้ว(โชว์รอยแผลที่ข้อมือตัวเอง) ผมพูดตรงนี้แล้วพอเลยนะพี่ ผมบอกว่าสิ่งต่างๆที่ผมพูดกับพวกคุณทุกคน พูดตรงนี้ ผมบอกตรงนี้ได้เลยว่า ผมไม่ใช่คนเ-หี้-ยนะ แต่ดวงผมมันเป็นแบบนี้"
"คือเรื่องที่เกิดขึ้นแบบนี้ ถ้าภาษาบ้านๆ ก็คือ ขอเป็นกูแล้วกัน นึกออกไหมครับ ผมเชื่อว่าทุกคนคิดได้เองหมดแหล่ะ แต่เวลาผมพูดอะไรไป เขาไมได้เขียนอย่างที่ผมพูด ก็แล้วแต่ แต่ทุกวันนี้ผมแฮปปี้ เพราะผมมีคนพวกนี้ พวกนี้ทุกคนที่รักผม เข้าใจผม ผมถึงอยู่ได้ไง"