ทันทีที่ดูหนังเกาหลีเรื่อง Temptation of Wolves จบ ผมก็พลันนึกกับตัวเองว่า นานเท่าใดแล้วที่ไม่ได้ดูหนังแบบนี้
หนังที่บอกกับตัวเองไม่ใคร่จะได้ว่า ตกลงแล้วมันเป็นหนังที่ดีหรือหนังที่เลว และเมื่อดูจบ ผมสามารถหาสาระอะไรจากหนังเรื่องนี้ได้บ้าง
ในบางครั้งการประเมินคุณค่าหนังสักเรื่องหนึ่ง ก็ไม่มีมาตรวัดที่แน่นอน การเขียนงานวิจารณ์แทบทุกครั้ง (ในฐานะนักวิจารณ์) ก็อดไม่ได้ที่จะใส่อคติส่วนตัวลงไปด้วย แม้จะพยายามสลัดมันให้หลุดอย่างแรงสักแค่ไหนก็ตาม
Temptation of Wolves (โดยผู้กำกับ คิมเท-กยุน) เป็นหนังเกาหลีที่ทำขึ้นมาเพื่อกลุ่มคนดูวัยรุ่นโดยเฉพาะ หนังเล่าเรื่องได้สนุกสนาน ลื่นไหล ดึงอารมณ์ได้ ถึงจะถามหาสาระและความสมจริงสมจังจากมันได้น้อยเต็มที
จะว่าไป หนังเรื่องนี้ได้นำคนดูไปสู่โลกแห่งความฝันเรียบร้อยแล้ว มันตอบสนองความคาดหวังทุกประการของแฟนหนังเกาหลี ดูเป็นภาพฝันอันหลอกลวงแต่ก็งดงามและชวนยิ้ม การหลอกตัวเองอย่างบ้าคลั่งสัก 2 ชั่วโมงแลกกับเงินเพียงไม่กี่บาท บางทีมันก็คุ้มค่าสำหรับนักดูหนัง
ทุกวันนี้วงการหนังเกาหลี หรือจะเรียกให้ถูกคือ อุตสาหกรรมภาพยนตร์เกาหลี - ไปไกลกว่าทุกประเทศในแถบเดียวกัน ด้วยนโยบายการรุกคืบและประชาสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม ที่มีรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรมของที่นั่นเป็นตัวตั้งตัวตี
การสนับสนุนคนทำหนังหน้าใหม่ด้วยทุนรอน และไม่ปิดกั้นงานสร้างสรรค์ทุกประเภท ทำให้หนังเกาหลีเป็นกล้าไม้ที่ได้ปุ๋ยและน้ำอุดมสมบูรณ์ ตั้งต้นแตกกิ่งก้านใบอย่างรวดเร็วและงอกงาม กลายเป็นอุตสาหกรรมที่ทำเงินเป็นล่ำเป็นสันและยังผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกต่อหนึ่ง
เรื่องมาตรฐานงานสร้างของเกาหลีนั้นแทบจะไม่ต้องพูดถึงหรือติติงกันเลย งานสร้างของพวกเขาเทียบชั้นฮอลลีวูดได้สบายๆ หนังเกาหลีเกือบทุกเรื่อง (หรือละครทางโทรทัศน์) ไม่ว่าจะน้ำเน่าหรือปัญญาอ่อนมากแค่ไหน แต่เชื่อมั่นได้ในเรื่องความพิถีพิถัน ทั้งงานภาพและการออกแบบงานสร้าง ฯลฯ
นอกจากจะมีช่างฝีมือชั้นยอด วงการหนังเกาหลียังมีหนังที่หลากหลาย เราได้ดูหนังขายๆ มันส์ๆ อย่าง Oldboy หรือ Sympathy for Lady Vengeance ของพักชุนวุก หนังสัตว์ประหลาดอย่าง The Host ของบองจุนโฮ หนังนิ่งๆ ของอิมควอนตักก็มีให้ดู กระทั่งหนังที่ดูเป็นงานอาร์ตอย่างงานของคิมคีดุกและฮองซังซู - ก็ยังมีนายทุนสนับสนุนอยู่เรื่อยๆ
แน่นอน หนังเกาหลียังมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับหนังรักกุ๊กกิ๊ก ที่ปีหนึ่งๆ สร้างออกมากว่า 10 เรื่อง (เพื่อแข่งกับหนังผีซ้ำซาก) บางเรื่องพอดูได้ และบางเรื่องก็ดูไร้สติเอามากๆ
คนที่ดูหนังเกาหลีมาบ่อยจนเข้าขั้นเซียน คงจะนึกสงสัยว่าเพราะเหตุใดหนังรักเกาหลีกว่าครึ่งมักจะจบลงด้วยการจากลา ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งอาจถูกคุกคามด้วยโรคร้าย และทำให้รักที่ตั้งเค้าว่าจะดูดี มักส่งท้ายด้วยน้ำตา
ไม่เคยมีใครให้คำตอบนี้อย่างกระจ่างแจ้งเสียที แต่ทุกคนทราบดีว่า เกาหลีนั้นประสบกับชะตากรรมอันน่าเศร้าทางประวัติศาสตร์มายาวนาน ตั้งแต่การถูกรุกรานจากจีน จากญี่ปุ่น มาสาหัสที่สุดในช่วงสงครามเกาหลีที่ทำให้ประเทศต้องแบ่งแยกกันปกครองเป็นเสรีนิยมและสังคมนิยม
ความบาดหมางระหว่างสองประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง ย่อมเป็นบาดแผลฉกรรจ์ที่เจ็บปวดเรื้อรัง ความฝันถึงการสมานแผลนั้นคงอีกนานกว่าจะเป็นจริง
Temptation of Wolves นั้นเป็นหนังเกาหลีแทบทุกประการ (ไม่ใช่แค่เฉพาะดาราเกาหลี และพูดภาษาเกาหลี) คือยังคงแฝงเรื่องเศร้าไว้ หนังดัดแปลงมาจากนิยายทางอินเตอร์เนตของเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง (กุลเยียวนี) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้อ่าน (ฉบับแปลเป็นไทยใช้ชื่อว่า สาวใสหนุ่มซ่าตามหารัก โดยสำนักพิมพ์แจ่มใส)
พล็อตของหนังนั้นเป็นฝันกลางวันของสาววัยรุ่น (ทั่วโลก) โดยแท้ นางเอกของเรื่องเป็นเด็กมัธยมปลายโก๊ะๆ หน้าตาบ้านๆ คนหนึ่ง เธอย้ายจากบ้านนอกเพื่อเข้าเมืองมาเรียนต่อ แต่นัยแอบแฝงของการเข้าเมืองครั้งนี้คือต้องการมาพบคนรัก ซึ่งภายหลังเธอก็พบว่า แฟนหนุ่มโดนเพื่อนสนิทตัวแสบซิวไปเสียแล้ว
ช้ำใจได้ไม่นานนัก นางเอกของเราก็พบว่า ตัวเองนั้นตกอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบระหว่างแก๊งเด็กอันธพาลของ 2 โรงเรียน และหนำซ้ำ หัวหน้าแก๊งสุดหล่อ 2 คน ต่างก็มาหมายปองตัวเธอในเวลาเดียวกัน
กลเม็ดเด็ดในการทำหนังรักของเกาหลีคือการพยายามให้คนดูอยู่ข้างตัวละครหลักคนใดคนหนึ่ง และคอยเอาใจช่วยอยู่ตลอดเวลา ในที่นี้คือตัวนางเอกของเรื่อง ซึ่งดูเหมือนเธอจะทำอะไรผิดพลาดอยู่เสมอจนอดหัวเราะไม่ได้
ด้วยความที่ตัวละครมีข้อบกพร่องมากมายเหลือเกิน คนดูจึงยอมเชื่อโดยไม่เอะใจว่าคนที่เห็นในจอนั้น มีอะไรคล้ายคลึงกับตัวเอง การนำตัวเองเข้าไปสวมอยู่ในหนัง จึงเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
เมื่อตัวละครฝ่ายหนึ่งหน้าตาธรรมดาๆ หนังเกาหลีจะให้ตัวละครอีกฝ่ายหน้าตาราวกับเทพมาจุติ พระเอกทั้ง 2 คนในเรื่องน่าจะกระเด็นหลุดออกมาจากแม็กกาซีนวัยรุ่นสักเล่ม พวกเขามีรูปพรรณครบถ้วนสำหรับจะให้ผู้หญิงตกหลุมรัก
แน่นอน คนหน้าตาดีมักนิสัยแย่ แต่ทว่าความแย่ของสองพระเอก (เมื่อสมการกับหน้าตาแล้ว) ก็อยู่ในข่ายที่พอรับได้ หนังแสดงให้เห็นว่า ความแข็งกระด้างของฝ่ายชายเมื่อเจอเข้ากับความใสซื่อของนางเอก กลับทำให้พวกเขาอ่อนโยนลง
หนักรักกุ๊กกิ๊กเบาๆ ที่ทำออกมาตอบโจทย์เพื่อสนองความต้องการของคนดูผู้หญิงเรื่องหนึ่ง ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมายนัก (แต่จะทำได้ถึงและสำเร็จหรือไม่นั้นอีกเรื่องหนึ่ง) ดูตัวอย่างจากหนังเรื่อง Temptation of Wolves เอาก็ได้
หนึ่งนั้น งานสร้างจะต้องประณีตตามมาตรฐาน บรรยากาศในหนังจะได้ดูอบอวลไปด้วยความโรแมนติก สอง นักแสดงนำต้องชวนมองเปี่ยมเสน่ห์ สาม ต้องครบทุกรสทั้งตลก ซาบซึ้งและเรียกน้ำตา สี่ พล็อตควรจะซ่อนปมบางอย่างเอาไว้บ้างเพื่อล้อเล่นกับคนดู ไม่ว่ามันจะดูเหลือเชื่อและไม่จริงมากแค่ไหนก็ตาม และสุดท้าย ข้อห้า ต้องทำให้ตัวละครดูเป็นมนุษย์จริงๆ
อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า Temptation of Wolves ไม่ต่างอะไรกับความเพ้อฝันบ้าๆ บอๆ ของเด็กหญิงวัยรุ่น ที่ดูไม่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นจริงได้เลย หนังมีสิทธิจะล่มเอาได้ง่ายๆ ถ้าคนดูรู้สึกว่า ตัวเองกำลังดูมายากลหลอกๆ
ผู้กำกับ คิมเท-กยุนทำให้คนดูเห็นว่าตัวละครในหนังดูคล้ายจะมีชีวิตจริงๆ แม้จะอยู่ท่ามกลางเรื่องราวการ์ตูนๆ แบบนั้น เขาทำได้ในงานชิ้นนี้ รวมถึงงานชิ้นต่อมาอย่าง Millionaire’s First Love ด้วย
เมื่อไหร่ก็ตามที่คนทำหนังสามารถแสดงให้เห็นว่า เรื่องปัญญาอ่อนบนจอนั้น คือชีวิตมนุษย์จริงๆ แค่นี้ก็เกินจะสำเร็จแล้ว